บทที่ 2053 ตัวการริเริ่ม

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

“พูดจาฟังดูดี แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เหรอ เจ้าเป็นคนดีอะไรกันล่ะ? โจรชั่วปลิ้นปล้อน ต้องไม่ตายดีแน่!” ผังก้วนกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธจัด

เหมียวอี้จึงบอกว่า “ตอนนี้ข้าชนะแล้ว ส่วนเจ้าก็เป็นคนแพ้ เจ้าไม่มีอนาคตแล้ว แต่กลับห่วงศักดิ์ศรีหน้าตาของตัวเองโดยไม่สนใจความเป็นความตายของครอบครัวกับลูกน้อง!มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เจ้าต้องเข้าใจให้ชัดเจน ตอนนี้เจ้ามีสิทธิ์แค่ขอร้องข้า ไม่ใช่ข้าขอร้องเจ้า ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าเสี้ยวเสี้ยว ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่การเต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ข้าจำเป็นต้องเปลืองคำพูดกับเจ้าด้วยเหรอ?”

“ฮ่าๆ!” ผังก้วนเงยหน้าหัวเราะลั่น ชี้เหมียวอี้พลางตะคอก “ช่างเป็นเรื่องน่าขำที่สุดในโลก เจ้าอยากจะให้กำลังพลของข้าช่วยคุมอาณาเขตทัพใต้ให้เจ้าแท้ๆ เป็นโสเภณีแต่อยากจะสร้างป้ายสรรเสริญให้ตัวเองสินะ ตอหลดตอแหล ข้ามันตาบอดจริงๆ ที่ยกลูกสาวให้แต่งงานกับวิญญูชนจอมปลอมอย่างเจ้า!”

เหมียวอี้พยักหน้า “ด่าได้ดี!ตอนนี้เจ้าตั้งใจฟังข้าให้ดีนะ ถ้ากำลังพลของเจ้ายอมแพ้ให้ข้า ข้าก็ให้สัญญาตรงนี้ได้เลย รับรองว่าพวกเขาจะได้อยู่ตำแหน่งเดิม รับรองความปลอดภัยของทุกคนในตระกูลผังด้วย ทุกคนในตระกูลผังจะไม่ต้องกังวลเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ แต่ถ้าไม่ยอมแพ้ ก็ต้องทำตามบัญชาสวรรค์ พวกเจ้าจะถูกมองเป็นโจรกบฏ ฆ่าไม่ละเว้น!ข้าจะให้เวลาเจ้าไตร่ตรองสักพักแล้วกัน!”

จากนั้นก็ตะโกนเสียงดังต่อว่า “แม่ทัพทุกคนฟังคำสั่ง หลังจากนี้ครึ่งชั่วยาม ถ้าทัพกบฏไม่ยอมแพ้ ฆ่าไม่ละเว้น แม้แต่ไก่หรือสุนัขก็อย่าให้เหลือ!”

“รับทราบ!” บรรดาแม่ทัพเอ่ยรับคำสั่งเสียงดัง

“ไม่นะ ขอร้องล่ะ อย่านะ!” เหมือนได้ยินว่าจะฆ่าให้หมด ไม่เหลือไว้แม้แต่ไก่หรือสุนัข ผังเสี้ยวเสี้ยวก็ดึงแขนขอร้องเหมียวอี้สุดชีวิต

เหมียวอี้จ้องนาง “แต่งกับไก่ก็ตามไก่ แต่งกับสุนัขก็ตามสุนัข เจ้าแต่งเข้าประตูบ้านข้าแล้ว ก็เป็นคนในครอบครัวข้า เสี้ยวเสี้ยว เรื่องบางเรื่องก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ ข้าไม่มีทางเลือก เจ้าก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่เดินมาถึงทุกวันนี้ มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เจ้าต้องจำไว้ ตอนนี้เจ้าเป็นผู้หญิงของข้าแล้ว!” พูดจบก็ฝืนจับตัวนางให้หันตัวออกไป ไม่สนใจว่านางจะร้องไห้ดิ้นรนอย่างปวดใจ ถอยกลับเข้ามาซ่อนในการคุ้มครองของทัพใหญ่ด้วยกัน

ผู้หญิงฝั่งตระกูลผังมีไม่น้อยที่แอบร้องไห้ ไม่มีใครคาดคิดว่าจู่ๆ ตัวเองจะได้เผชิญหน้ากับวิกฤติความเป็นความตาย มีคนมากมายกำลังจ้องผังก้วน ต่างก็รู้ว่าความเป็นความตายของคนในครอบครัวล้วนขึ้นอยู่กับความคิดเพียงชั่วแวบเดียวของผังก้วน

ผังก้วนจ้องเงาหลังของเหมียวอี้อย่างเดือดดาล แล้วจู่ๆ ก็หันกลับไปมองกลุ่มอนุภรรยา ลูกชายลูกสาวก็อยู่ด้วย

แล้วก็มองลูกน้องที่อยู่รอบๆ อีก พบว่ากำลังพลของตัวเองพากันเงียบเป็นแถบๆ มีคนไม่น้อยก้มหน้า บ้างก็เงียบไป จิตวิญญาณการต่อสู้ไม่มีแล้ว เขาใจสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ แอบด่าว่าไอ้หนิวจัญไรเจ้าเล่ห์ แค่บอกคำเดียวว่าจะปกป้องทุกคนของตระกูลผัง รับประกันตำแหน่งเดินของลูกน้อง ก็เท่ากับตัดทางหนีทีไล่ของเขาแล้ว

ไม่รู้ว่าถ้าออกคำสั่งอีกจะเหลือกำลังพลอีกเท่าไรที่เชื่อฟังคำสั่งเขา

ส่วนเหมียวอี้ที่กลับเข้ามาในทัพกลางก็เหมือนเลือดเย็นไร้หัวใจ จ้องมาทางฝั่งนี้อย่างเยียบเย็น ส่วนผังเสี้ยวเสี้ยวก็ถูกควบคุมพลังและเก็บไว้ในกระเป๋าสัตว์แล้ว

ไม่ต้องให้ผังเสี้ยวเสี้ยวทำอะไรอีก ถ้าก่อนหน้านี้ฮ่าวเต๋อฟางไม่ได้ปลิดชีพตัวเองเพื่อปกป้องลูกน้อง เกรงว่าคงต้องใช้อุบายบนตัวผังเสี้ยวเสี้ยวสักหน่อย แต่ตอนนี้มีฮ่าวเต๋อฟางทำเป็นตัวอย่างแล้ว นอกจากยอมแพ้ผังก้วนก็ไม่มีทางเลือกอื่น ไม่อย่างนั้นเมื่อเทียบกับฮ่าวเต๋อฟาง เขาก็จะดูเป็นคนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน จะซื้อใจลูกน้องกลับมาได้เหรอ?

“นายท่าน ช่างเถอะค่ะ!” จู่ๆ จาหรูเยี่ยนก็ตะโกนออกมา

หลังจากเสียงนี้ดังขึ้น เสียงร้องไห้ของผู้หญิงในตระกูลผังก็ดังขึ้นเป็นระลอก ราวกับมีดแทงหัวใจผังก้วน

ฮ่าวเต๋อฟางไม่อยากให้บรรดาภรรยาได้รับความอัปยศ มีหรือที่เขาจะยอมให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น ถ้าออกคำสั่งให้สู้ตาย เกรงว่าคงต้องสั่งฆ่าอนุภรรยากลุ่มนี้ก่อน ไม่อย่างนั้นถ้าตกอยู่ในมือกองทัพฝ่ายศัตรู ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนขี้ขลาดทำให้เขาเสียศักดิ์ศรีจนหมดสิ้น

ที่สำคัญที่สุดก็คือ นี่คือกับดักที่หนิวโหย่วเต๋อวางไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้กำลังพลที่อยู่ตรงหน้าเขาต้านการโจมตีของทัพใหญ่แดนรัตติกาลไม่ไหวเลย ไม่มีทางยืนหยัดรอการมาถึงของกองหนุน ไม่อย่างนั้นก็ต้องสู้ตายกันอีกยก

ผังจื่อฉางกับผังจื่อลู่ก้มหน้าเงียบๆ ต่างก็เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ ถ้าต่อต้านไปเผชิญหน้ากับทัพใหญ่แดนรัตติกาล ก็จะตายสถานเดียว

สุดท้ายเฉินหวยจิ่วก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วบอกว่า “นายท่าน ทหารเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า ไม่มีแรงรบอีกแล้ว ยอมแพ้เถอะขอรับ!”

เขาเข้าใจชัดเจน ว่าไม่ใช่เพราะนายท่านไม่เข้าใจ แต่เป็นเพราะเสียหน้าไม่ได้ จำเป็นต้องมีคนหาบันไดลงให้นายท่าน

ผลสุดท้ายก็เป็นไปตามความคาดหมายของเหมียวอี้ ผังก้วนไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงยอมแพ้ ทั้งยังออกคำสั่งไปให้กำลังพลสายต่างๆ ที่อยู่ไกล ให้ยอมแพ้ต่อทัพใหญ่แดนรัตติกาล!

ทัพใหญ่แดนรัตติกาลรีบรับช่วงต่อกำลังพลตระกูลผังและกำลังพลตระกูลฮ่าวที่เหลือรอด เรื่องนี้ย่อมมีเบื้องล่างรับผิดชอบอยู่แล้ว ส่วนทุกคนของตระกูลผังก็ย่อมถูกควบคุมพลังอิทธิฤทธิ์ไว้ แล้วคุมตัวกลับจวนจอมพล ทั้งหมดถูกขังอยู่ในเรือนด้านในที่มีกำลังพลจำนวนมากเฝ้าอยู่

การเข่นฆ่าอันโหดร้ายที่น่านฟ้าขาลกุ่ยจบลงอย่างนี้แล้ว กำลังพลเริ่มเก็บกวาดสนามรบ

ผู้ติดตามคุ้มครองแขกในงานแต่งงานเห็นฉากนี้อยู่ไกลๆ แต่ละคนพากันตกตะลึงอ้าปากค้าง นึกไม่ถึงว่าวุ่นวายอยู่ตั้งนานแล้วจะมีผลลัพธ์เป็นอย่างนี้

สำหรับผังเสี้ยวเสี้ยว ใต้หล้านี้จะเป็นของใครก็ไม่สำคัญ ใครจะแพ้หรือใครจะชนะก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือปกป้องความปลอดภัยให้คนในครอบครัวของตัวเองได้แล้ว นางดีใจจนน้ำตาไหล พอได้รับอนุญาตจากเหมียวอี้ นางก็ยกกระโปรงวิ่งเข้าไปในเรือนของตระกูลผัง พุ่งเข้าไปกอดมารดาที่อยู่ท่ามกลางคนในครอบครัวแล้วร้องไห้ด้วยกัน

เมื่อเกียรติยศความร่ำรวยหายไปหมด ถึงได้เห็นว่าใครคือครอบครัวที่แท้จริง

ผังก้วนที่ยืนอยู่ใต้ชายคาเงยหน้าหลับตาลง มือข้างหนึ่งจับเสา น้ำตาสองสายไหลอาบใบหน้าชรา

ผังอวี้เหนียงเดินมาข้างกายเขาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ นางเงยหน้ามองฟ้าที่สดใส แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉลาดปราดเปรื่องเรื่องวางอุบายเกินไป ทว่ากลับวางอุบายจนตัวเองเกือบเอาชีวิตไม่รอด!”

ประโยคเดียวแสดงความรู้สึกทั้งรักทั้งแค้นที่ตัวเองมีต่อบิดาออกมาจนหมด เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว มีหรือที่นางจะไม่รู้ว่าเรื่องที่ตัวเองถูกล่วงเกินในงานชุมนุมตระการตาคืออะไร มีหรือที่จะไม่รู้ว่าตัวเองแต่งงานกับหวังลั่วหมายความว่าอะไร หลังจากผ่านเรื่องนี้ นับว่าทั้งชีวิตของนางถูกทำลายด้วยน้ำมือบิดาแล้ว เลิกคิดไปได้เลยว่าชาตินี้จะได้แต่งงานเหมือนคนปกติอีก ในใจนางจะไม่แค้นได้อย่างไร?

ผังก้วนก้มหน้าลงช้าๆ ชั่วพริบตานี้เหมือนจะแก่ชราลงแล้วไม่น้อย

ตั้งแต่นี้ไป ตัวเองไม่ใช่จอมพลสายเถาะที่มีตำแหน่งสูงมากอำนาจอะไรอีกแล้ว หนิวโหย่วเต๋อรับประกันให้ลูกน้องได้อยู่ในตำแหน่งเดิม แต่กลับรับประกันให้เขาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นถ้าทำให้สมปรารถนาทั้งสองฝ่าย เขาก็สามารถโบกมือบัญชาการกำลังพลได้ทุกเมื่อ เกรงว่าถ้าทำแบบนั้นหนิวโหย่วเต๋อคงไม่เป็นอันกินอันนอน มิหนำซ้ำประมุขชิงก็ระบุอย่างเปิดเผยว่าเขาเป็นโจรกบฏ ถ้าเขาไม่ลงจากตำแหน่ง หนิวโหย่วเต๋อก็ไม่มีทางชี้แจงต่อตำหนักสวรรค์ได้เช่นกัน!

สำหรับคำพูดของลูกสาว เขาฟังเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน แต่กลับเถียงไม่ออกแม้สักประโยคเดียว ตอนนี้ในมือเขาไม่มีอำนาจที่จะกำหนดความเป็นความตายของใครได้แล้ว อำนาจที่ต่อสู้มาทั้งชีวิตถูกหนิวโหย่วเต๋อปล้นไปหมดภายในรวดเดียว!

ก็เพราะด้วยเหตุนี้เอง ผังอวี้เหนียงถึงได้กล้าพูดอย่างนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นยามปกติ มีหรือที่นางจะกล้าพูดอย่างนี้ต่อหน้าบิดา

ตอนนี้เฉินหวยจิ่วไม่ได้อยู่ที่นี่ หลังจากผังก้วนสั่งให้ลูกน้องยอมแพ้ กำลังพลสายต่างๆ ที่อยู่ไกลก็ยังต้องมีคนกลางคอยติดต่อ เฉินหวยจิ่วยอมเป็นตัวเลือกเดียวที่จะทำหน้าที่นี้

ในคฤหาสน์ที่รับแขก แขกผู้มีเกียรติกลุ่มหนึ่งถูกล้อมไว้ ตอนนี้ราวกับผึ้งแตกรัง คิดไม่ถึง ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะหักมุมขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าฮ่าวเต๋อฟางกับผังก้วนจะเสร็จหนิวโหย่วเต๋อ

“หึหึ!สนามรบหลักของฮ่าวเต๋อฟางกับผังก้วน ไม่น่าเชื่อว่าจะถูกกองหนุนพี่เพิ่งลงสนามจัดการไปพร้อมกันแล้ว หลักการนี้จะไปพูดที่ไหนได้?”

“โอ้สวรรค์  ไม่น่าเชื่อว่าหนิวโหย่วเต๋อจะเป็นลูกเขยของผังก้วน!”

“ลูกเขยคนนี้พอโผล่หน้ามาก็จัดการพ่อตาได้เลย เด็กดี ใช้ได้จริงๆ!”

“แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าวีรบุรุษชั่วช้า คนใจอ่อนอย่างพวกเรากลับถูกมองว่าไร้ความสามารถ ทําได้เพียงใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาไปวันๆ โถ่เอ๊ยค่านิยมของโลกนี้!”

เมื่อได้ยินคำวิจารณ์ต่างๆ เกี่ยวกับเหมียวอี้ หวงฝู่จวินโหรวกับก่วงเม่ยเอ๋อร์ก็ตกตะลึงจนบรรยายไม่ออก ลมคาวฝนเลือดกับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่งบนสนามรบไม่ใช่สิ่งที่พวกนางสามารถตามทันได้  จู่ๆ ได้ยินข่าวที่อัศจรรย์เหลือเชื่อเช่นนี้ ผู้ชายที่พวกนางคุ้นเคยแต่กลับปลุกปั่นสถานการณ์ให้เปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง สำหรับพวกนางตอนนี้ เขาได้เปลี่ยนคนที่ห่างไกลไปแล้ว เปลี่ยนเป็นคนแปลกหน้า ถึงขั้นทำให้พวกนางหวาดระแวงกลัวเล็กน้อยด้วยซ้ำ

อวี้ซวีเจินเหรินเป็นตัวแทนสำนักลมปราณมาอวยพรงานแต่ง พอได้ยินข่าวต่างๆ นานา ก็อดไม่ได้ที่จะหลบไปอยู่ในมุมใต้ชายคา เขาเงยหน้ามองฟ้าแล้วถอนหายใจเบาๆ นึกถึงเด็กหนุ่มนอบน้อมมีมารยาทที่มาสำนักลมปราณในปีนั้น เรากับเป็นฝันฉากหนึ่ง!

ตำหนักสวรรค์ พระตำหนักอุทยาน พวกประมุขชิงที่ล้อมแผนที่ดาวมองหน้ากันเลิกลั่ก แม้แต่พวกเขาเองก็ตะลึงค้างกับข่าวการเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจนี้เช่นกัน

หลังจากเงียบไปครู่เดียว ประมุขชิงก็แสยะหัวเราะ “ช่างเป็นคนสารเลวปลิ้นปล้อน พูดโอ้อวดไร้ยางอาย อยากจะได้อาณาเขตทัพใต้ ข้าอยากจะเห็นนักว่าเขาจะผ่านด่านกงเชียนชิวกับอวี่เหวินชวนไปได้ยังไง!”

จวนอ๋องสวรรค์โค่ว ข่าวที่ส่งมาทำให้พวกโค่วหลิงซวีสะเทือนใจไม่เบาเช่นกัน หลังจากโค่วหลิงซวีตกใจกับข่าวที่ฮ่าวเต๋อฟางใช้ดาบตัดคอตัวเองแล้ว ก็ถึงขนาดขบกรามแน่น หลับตาลงช้าๆ เพื่อปิดบังดวงตาที่มีน้ำตาคลอเล็กน้อย

โค่วเจิงตะลึงค้างไปครู่หนึ่ง “ไม่น่าเชื่อว่าหนิวโหย่วเต๋อจะเป็นลูกเขยของผังก้วน หนิวโหย่วเต๋อนี่โหดใช้ได้จริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะทรยศพ่อตาตัวเอง!”

ถังเฮ่อเหนียนถอนหายใจเบาๆ “ท่านอ๋อง ดูจากเรื่องที่ดำเนินมาถึงตอนนี้ เกรงว่าผังก้วนคงตกหลุมพรางหนิวโหย่วเต๋อ ดีไม่ดีตัวการริเริ่มของเรื่องนี้อาจจะเป็นหนิวโหย่วเต๋อ!”

ในตำหนักประชุมของจวนจอมพลสายเถาะ แม่ทัพกลุ่มหนึ่งกำลังคาดคะเนสถานการณ์การรบอยู่หน้าแผนที่ดาว โยกย้ายกำลังทหารเพื่อเตรียมตัวรับมือ ถ้าอยากจะคุมอาณาเขตทัพใต้ แค่ยุติเรื่องที่อยู่ตรงหน้าก็ยังไม่พอ จึงมีเรื่องใหญ่ที่ต้องทำอีก

เหมียวอี้สวมเกราะรบทั้งตัวยืนอยู่กลางตำหนัก สีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์

เฉินหวยจิ่วเดินเข้ามา มองเหมียวอี้ด้วยแววตาหลากอารมณ์ เพียงแต่พอเดินมาตรงหน้าเหมียวอี้แล้ว ก็ทำความเคารพด้วยความนอบน้อม “ท่านเขย!”

เหมียวอี้บอกกับเขาเพียงว่า “เจ้าวางใจได้ เรื่องที่ข้ารับปากแล้วก็ย่อมทำได้ ข้าตะโกนเรียกจอมพลผังว่าพ่อตาต่อหน้าทุกคนแล้ว ไม่กลืนคำพูดตัวเองแน่ ข้าจะไม่ส่งคนของตระกูลผังให้ตำหนักสวรรค์สักคน!”

เฉินหวยจิ่วรู้ว่าเขามีเจตนาอะไร ทำแบบนี้เพื่อให้ตนทำงานให้เขาอย่างสงบใจ จึงโค้งตัวเล็กน้อย “บ่าวเข้าใจแล้ว”

พอเหมียวอี้เอียงหน้าบอกใบ้ แม่ทัพคนหนึ่งก็เข้ามาเชิญให้เฉินหวยจิ่วตามเขาไป

แทบจะหลังจากนั้น ซูอวิ้นที่มีสีหน้าเหม่อลอยไร้อารมณ์ก็กลับมาแต่งกายเหมือนผู้หญิงแล้ว ในที่สุดก็ให้ทุกคนได้ยลโฉมที่มีริ้วรอยแห่งวัยทว่ายังงดงามจนน่าตกตะลึง ถูกคนพาตัวมาตรงหน้าเหมียวอี้แล้ว

เหมียวอี้เห็นนางแต่งกายเหมือนผู้หญิงเป็นครั้งแรกเช่นกัน ในใจแอบรู้สึกทึ่ง นึกไม่ถึงว่าพอกลับมาแต่งกายเหมือนผู้หญิงแล้วจะสวยตะลึงขนาดนี้ สติปัญญาความรู้ที่หลอมรวมอยู่ในลักษณะเฉพาะวของนางทำให้มองไม่เห็นความธรรมดาสามัญในตัวนางเลยสักนิด เป็นความงามที่หาพบได้ยากจริงๆ ไม่แปลกใจที่ทำให้ฮ่าวเต๋อฟางรักใคร่ชื่นชมได้ขนาดนี้

ทั้งสองสบตากัน ในดวงตาเหมียวอี้ฉายแววสุขุมเยียบเย็นของคนที่ผ่านมรสุม ส่วนในดวงตาซูอวิ้นก็ฉายแววโดดเดี่ยวหลังจากผ่านมรสุม หมองหม่นไร้ชีวิตชีวา

“ระงับความเศร้าเถอะ!” เหมียวอี้กล่าว

“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการอะไร ขอเพียงเจ้าทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับท่านอ๋อง ปฏิบัติกับพี่น้องที่ท่านอ๋องฝากฝังไว้อย่างดี ฝั่งข้าก็จะทำให้เจ้าสมปรารถนา!” ซูอวิ้นกล่าวอย่างใจเย็น

“ตกลงตามนี้!” เหมียวอี้ยื่นมือเชิญ ให้คนนำซูอวิ้นไปด้านข้าง

ตอนนี้เหิงอู๋เต้าเดินก้าวยาวเข้ามา แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “ผู้ตรวจการใหญ่ กงเชียนชิวกับอวี่เหวินชวนกำลังเร่งระดมพล และมุ่งหน้ามาที่นี่ตลอดทาง เกรงว่าจะไม่มาดี!”

“เป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดหมายอยู่แล้ว อยากจะเลียนแบบเถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อเท่านั้น ยังไม่ถึงคราวที่พวกเขาจะได้ฝันหวานอย่างนี้หรอก!” เหมียวอี้กล่าวอย่างไม่สกทกสะท้าน

…………………