“เห้อ เจ้านี่ไม่มีอารมณ์ขันเอาเสียเลย ข้าแค่ล้อเล่นเฉยๆ ” หลิงฮันยิ้มและกส่ายหัว “ในที่ที่มีคนอยู่มากมายขนาดนี้ ข้าจะวางยาเจ้าได้อย่างไร? ”
จ้าวชิงเฟิงยังคงรู้สึกโกรธจนแทบกระอักโลหิตอยู่ดี เจ้าจะให้ข้ามีอารมณ์ขันกับเรื่องแบบนั้นงั้นรึ?
“เจ้าบังอาจหยอกล้อข้า! ” จ้าวชิงเฟิงเกรี้ยวกราด เขากำมือทั้งสองข้างแน่นก่อนจะแหงนหน้าคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า คลื่นเสียงที่ดังก้องกังวานควบแน่นรวมกัน กลายเป็นเล่มดาบแหลมคม ที่พัวพันไปด้วยตราประทับแห่งเต๋าอันน่าสะพรึง
‘ฉึบ ฉึบ ฉึบ’ เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่เกิดรอยฉีกขาด
ต้องรู้ก่อนว่าเสื้อผ้าของเขานั้นไม่ใช่เสื้อผ้าทั่วไป แต่เป็นเสื้อผ้าที่ถูกถักทอขึ้นมาจากขนของสัตว์อสูรนิรันดร์และแร่โลหะกึ่งนิรันดร์ ทำให้มีความทนทานเป็นอย่างมาก แต่การที่เสื้อผ้าที่ทนทานนี้เกิดรอยฉีกขาดได้ เพียงเพราะจ้าวชิงเฟิงระเบิดความโกรธออกมานั้น มันหมายความว่าอย่างไรน่ะรึ?
“พลังต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว! ”
“เหลือเชื่อ ทั้งๆ ที่บรรลุระดับสี่นิพพานสูงสุด ซึ่งเป็นขีดจำกัดแล้วแท้ๆ เหตุใดพลังของเขาถึงยังแข็งแกร่งขึ้นได้อีก? ”
“เกรงว่าต่อให้เขาปะทะกับสตรีเมื่อครู่อีกครั้ง ก็คงยากที่จะคาดเดาผลลัพธ์ ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ”
“หลิงฮัน… สร้างปัญหาไม่เข้าเรื่องแล้ว”
“ฮึ่ม ใครใช้ให้เขาปากเสียหยอกล้อคนอื่นก่อนล่ะ? ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่าสตรีข้างกายเขา สามารถกำราบจ้าวชิงเฟิงได้อย่างราบคาบแท้ๆ แต่ทว่าเขาก็ยังเลือกที่จะเสนอตัวลงมือต่อด้วยตนเอง ตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะรับผลกรรมของตัวเองแล้ว”
ตอนนี้หลิงฮันได้รับคำท้าของจ้าวชิงเฟิงไปแล้ว ซึ่งถ้าหากสู้กันโอกาสที่เขาจะพ่ายแพ้ก็มีมากกว่าเก้าส่วน แต่ถ้าหากไม่สู้และเมินเฉยคำท้าประลองที่รับปากต่อหน้าสาธารณชนไปแล้วเช่นนี้ ในภายภาคหน้าเขาจะมีหน้าไปพบใครได้?
แต่จะโทษใครก็ไม่ได้ ทั้งหมดนี้หลิงฮันเป็นคนขุดหลุมฝังตัวเองทั้งนั้น
หลิงฮันยิ้มอย่างสงบนิ่ง “จะสู้ก็รีบๆ สู้สิ จะส่งเสียงดังไปทำไม? เจ้าคิดว่าเจ้าเสียงดีมากรึไง? ”
ก่อนหน้านี้เขายังนับจ้าวชิงเฟิงว่าเป็นคู่ต่อสู้ แต่หลังจากที่พลังบ่มเพาะของเขาบรรลุเป็นนิรันดร์สี่นิพพาน จ้าวชิงเฟิงก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาอีกต่อไป เนื่องจากการต่อสู้กับอีกฝ่าย ไม่ได้ทำให้ศักยภาพของเขาถูกขัดเกลาแม้แต่น้อย
“ตาย! ” จ้าวชิงเฟิงคำราม เขาพุ่งทะยานร่างและปลดปล่อยการโจมตี ที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี
นี่คือการโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของเขา
หลิงฮันส่ายหัว พร้อมกับผลักฝ่ามือตอบโต้
ตูม!
การโจมตีของจ้าวชิงเฟิงและหลิงฮันเข้าปะทะกันจนเกิดเสียงดังสนั่น คลื่นพลังของอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อันน่าสะพรึงกลัว พรั่งพรูไปทั่วทิศทาง
ด้วยการที่สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ลานประลอง ค่ายกลอาคมคุ้มกันจึงไม่ถูกติดตั้งเอาไว้
ปรมาจารย์มากมายเคลื่อนไหวพร้อมกัน พวกเขาแต่ละคนทำหน้าที่รับผิดชอบปัดป้องคลื่นพลังที่เล็ดลอดออกมาในแต่ละทิศทาง เพื่อที่คนอื่นๆ จะได้ไม่ได้รับบาดเจ็บ
ที่บริเวณกึ่งกลางคลื่นพลังผันผวน หลิงฮันและจ้าวชิงเฟิงล่าถอยกันคนลองสองสามก้าว
การโจมตีเมื่อครู่ ทั้งคู่เสมอกัน
ทุกคนที่มองดูอยู่ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
ไม่ว่าใครก็มองออกว่า พลังอำนาจของการโจมตีที่จ้าวชิงเฟิงปลดปล่อยออกไปนั้น มีพลังทำลายล้างเหนือกว่าจอมยุทธระดับโลกียนิพพานทั้งหมดทั้งมวล แต่หลิงฮันแต่งต่างออกไป เขาเพียงแค่สะบัดมือออกไปลวกๆ ก็สามารถสลายการโจมตีของจ้าวชิงเฟิงได้แล้ว พลังต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้มันอะไรกัน?
ช่างไร้เทียมทาน!
ทุกคนต่างกลายเป็นแน่นิ่ง และไม่รู้ว่าจะสรรหาคำพูดใดมาอธิบายพรสวรรค์และพลังของหลิงฮัน หรือบางที… หลิงฮันจะเป็นคนที่มีศักยภาพระดับจักรพรรดิ ที่เทียบเท่าได้กับเอี๋ยนเซียนลู่?
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของทุกคน แต่ผ่านไปไม่นานทุกคนก็ส่ายหัว และรู้สึกว่าตนเองคิดมากเกินไป
ต่อให้หลิงฮันจะทรงพลังแค่ไหน ก็ไม่มีทางเทียบชั้นกับเอี๋ยนเซียนลู่ได้ คนผู้นี้เป็นบุตรรักของสวรรค์อย่างแท้จริง จอมยุทธในยุคสมัยเดียวกัน หรือมีระดับพลังเท่านั้น ล้วนแต่มีโชคชะตาที่จะถูกเขาบดบังรัศมี
“ข้าไม่เชื่อ! ” ดวงตาของจ้าวชิงเฟิงกลายเป็นแดงฉาน และปล่อยหมัดเข้าใส่หน้าอกตัวเอง ‘อั่ก’ เขากระอักโลหิตออกมา พร้อมกับออร่าอันทรงพลังที่ปกคลุมอยู่รอบร่างกาย ได้ถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น เพียงแค่เขายังไม่หยุดแค่นั้น และยังปล่อยหมัดเข้าใส่หน้าอกอีกหลายครั้ง
ทุกครั้งที่ปล่อยหมัดใส่ตัวเอง ออร่าเขาปลดปล่อยออกมาจะค่อยๆ ทรงพลังขึ้น แม้แต่ดวงตาที่เป็นสีแดงฉานอยู่แล้ว ก็ส่องประกายขึ้นอีกเล็กน้อยเช่นกัน
เขาคิดจะรีดเค้นพลังชีวิตทั้งหมดออกมาเพื่อปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังที่สุด หากการโจมตีครั้งนี้ได้ผล จิตวิญญาณของเขาจะถูกขัดเกลา และประตูสู่นิรันดร์ห้านิพพานอาจจะเปิดออก แต่ถ้าหากการโจมตีครั้งนี้ล้มเหลว พลังชีวิตจำนวนมหาศาลที่สูญเสียไปจะ ส่งผลให้ชีวิตของเขาดับสิ้น
ชีวิตของเขาจะได้ไปต่อหรือไม่ จ้าวชิงเฟิงตั้งใจจะเดิมพันทุกอย่างไว้กับการโจมตีนี้
เขาคือคนบ้าที่เกิดมาเพื่อฝึกฝนศาสตร์วรยุทธ และสามารถทำทุกอย่างเพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น
หลิงฮันยังคงแสดงสีหน้าไม่แยแส การกระทำที่ผ่านๆ มาของจ้าวชิงเฟิงนั้นโหดเหี้ยมเกินไป เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว เขาก็อาจจะยอมไว้หน้าช่วยส่งอีกฝ่ายไปสู่ปรโลกอย่างมีศักดิ์ศรี
“ไม่ข้าก็เจ้าต้องตายกันไปข้าง! ” ดวงตาของจ้าวชิงเฟิงส่องประกายแดงฉานราวกับโลหิต อำนาจของแก่นกำเนิดนิรันดร์ทองสัมฤทธิ์ ถูกปลดปล่อยออกมาจนถึงขีดสุด ร่างกายของเขาแปรสภาพกลายเป็นดาบทองสัมฤทธิ์ ที่มีตราประทับแห่งกฎเกณฑ์มากมายสลักเอาไว้
ด้วยพลังต่อสู้ในตอนนี้ จ้าวชิงเฟิงมั่นใจว่าเขาสามารถสังหารนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานได้ทุกคน ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเทียบชั้นเขาได้
ตาย!
เขาพุ่งทะยานโจมตีด้วยร่างกายที่แปรเปลี่ยนเป็นเล่มดาบ
ดาบทองคำส่องประกายแสดงเจิดจ้าไปทั่วท้องฟ้า ราวกับว่าต่อให้เป็นคนที่อยู่ห่างไกลออกไปร้อยล้านไมล์ก็ยังมองเห็น
‘ครืนน’ ดาบทองคำพุ่งทะลวงเข้าใส่หลิงฮัน ด้วยอำนาจไร้ก้นบึ้ง
หลิงฮันไม่คิดจะหลบหลีก เขายกนิ้วขึ้นมาและจิ้มเข้าหาจ้าวชิงเฟิง
เมื่อดาบสัมผัสโดนเป้าหมาย คลื่นแสงอันเจิดจ้าก็ระเบิดออกมา คลื่นแสงนี้ทรงพลังจนแม้แต่ นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานที่แข็งแกร่งก็ไม่อาจมองผ่านเข้าไปได้
เมื่อคลื่นแสงเริ่มจางลงและสลายไป ภาพที่ทุกคนมองเห็นก็คือ หลิงฮันที่กำลังใช้นิ้วหยุดปลายดาบเอาไว้
เหลือเชื่อ… การโจมตีที่ทรงพลังขนาดนั้น ถูกหยุดเอาไว้ได้ด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียว!