เจียนหรูเฟิงนั้นปล่อยคลื่นพลังทะลวงฟ้าออกมาราวกับจะทำลายสวรรค์ลง
เขาแข็งแกร่ง!
การสามารถจะเอาชนะได้แม้แต่เจ้าสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าเทวา ตัวเจียนหรูเฟิงนั้นย่อมจะต้องมีพลังฝีมือมากล้นอย่างไม่น่าเชื่อแล้ว
จากร่างกายของเขานั้นมันได้มีเงาแสงมากล้นพุ่งทะยานเข้ามาใส่ดวงตะวันนั้น
ตะวันนั้นมันก็ค่อยๆ ลอยเหนือขึ้นไปสูงขึ้นๆ จนลอยสูงบนฟ้า
พร้อมๆ กันนั้นร่างกายของเขามันก็ค่อยๆ จางหาย
“ท่านเฉียนจี้ ลาก่อน!”
“ท่านเฉียนจี้ ล-ลาก่อน!”
…
เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายนั้นต่างคุกเข่าลงเพื่อแสดงความเคารพต่อเจียนหรูเฟิงที่กำลังค่อยๆ จางหายไป
ความขมขื่นและเจ็บปวดนั้นปกคลุมทั่วทุกตารางนิ้ว
จากนั้นจู่ๆ มันก็เกิดฝนตกพร่ำๆ ลงมา
บางทีแม้แต่สวรรค์ก็อาจจะกำลังเศร้าโศกอยู่ก็ได้?
เย่หยวนนั้นแทบไม่อาจหายใจได้ แม้เขานั้นจะรู้ว่ามันจะจบอย่างไรมาแต่แรกแล้วเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมา
นักยุทธผู้บ่มเพาะนั้นมีใครบ้างที่ไม่หวังในความอมตะ? ใครกันเล่าที่จะไม่เกลียดชีวิตอันแสนสั้น?
แม้แต่เย่หยวนก็ยังไม่อาจจะทิ้งเรื่องนั้นไปได้
จะบอกว่าเจียนหรูเฟิงนั้นไม่มีห่วงใดๆ ยึดติดกับโลกนี้หรือ?
แน่นอนว่าเขาย่อมมี!
เย่หยวนได้เห็นมันอย่างชัดเจนตรงหน้านี้!
เขานั้นเศร้าโศกที่ต้องจากลาน้องชาย จากลาลูกคนเล็ก จากลาทุกสิ่งอย่างที่เขาสร้างขึ้นมาตั้งแต่ต้น
แต่เขาก็ยังตัดสินใจทำ
ราวกับว่าโลกใบนี้มันไม่มีสิ่งใดจะเหนี่ยวรั้งเขาไว้ได้แล้ว
การทำเช่นนี้มันต้องกล้าสักเท่าใด?
หากอนาคตมันชัดเจนนั้นการเสียสละของเจียนหรูเฟิงก็อาจจะมีความหมาย
แต่เย่หยวนนั้นรู้ว่าทุกผู้คนในที่นี้ไม่มีใครมั่นใจในเรื่องอนาคตเลย
ในหมู่พวกเขาทั้งหลายนั้น มันรวมไปถึงตัวเจียนหรูเฟิงเองด้วย
หากการสละชีวิตของเขานี้ไม่อาจสร้างประโยชน์ใดให้หลากเผ่าพันธุ์ได้เล่า?
หากในวันหน้าสุดท้ายเผ่าเทวาก็ยังปกครองโลกหล้าเล่า?
เช่นนั้นแล้วการเสียสละตนของเขานี้มันคงไร้ความหมายใด
แต่เขานั้นก็ยังต้องทำมัน!
เวลานี้ไม่ว่าจะใช้คำพูดใดมันก็ไม่อาจบรรยาย
เจียนหรูเฟิงนั้นอาจจะมิใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในสองยุคสมัยนี้ แต่เขานั้นเป็นคนที่แกร่งกล้าที่สุดในสองยุคสมัยอย่างไม่ต้องสงสัย!
สมควรได้รับอย่างยิ่ง!
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเย่หยวนได้เห็นว่าความหนักแน่นในดวงตาของเหล่ายอดอัจฉริยะนั้นมันไม่อาจวัดค่าได้!
เจียนหรูเฟิงสละตัวเองนั้นเพื่อจะจุดความหวังให้แก่เผ่าพันธุ์ทั้งหลาย!
“จี้ฉิงหยุน จิตใจของเจ้ามันทำด้วยอะไรกัน? ทุกสิ่งอย่างที่เฉียนจี้ทำไว้นี้เจ้ากลับไม่คิดอับอายที่จะไม่ทำอะไรเลยหรือ? เจ้าอยากตะให้เขาได้ตายตาไม่หลับหรืออย่างไร?” หวู่หยุนที่ทนไม่ได้ก็หันมาว่าเย่หยวนอีกครั้ง
ทุกคนนั้นเข้าใจถึงตัวตนของเย่หยวน
หากสังหารเทพนั้นมีเสาหลักแล้ว เสาหลักนั้นมันก็คงเป็นเจียนหรูเฟิง
แต่เรื่องนั้นมันเปลี่ยนไปทันทีในวันที่เย่หยวนมาถึง
ไม่นานนักเขาก็ได้ทำให้สังหารเทพเปลี่ยนไป
เจียนหรูเฟิงและเย่หยวนนั้นได้กลายเป็นสองผู้นำของสังหารเทพไป
เวลานี้เมื่อเจียนหรูเฟิงกำลังตายจาก เย่หยวนย่อมจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด
แต่เย่หยวนกลับไม่คิดเข้ารับมัน!
เพราะฉะนั้นตัวหวู่หยุนจึงได้แต่ต้องร้องว่าจิตใจของเย่หยวน
เย่หยวนได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นออกมา “ผู้อาวุโสหวู่หยุน มันมิใช่ว่าจี้ผู้นี้ไม่อยาก แต่แค่ว่า… ข้าทำไม่ได้!”
“เจ้า! ทำไมมันถึงไม่ได้เล่า?!” หวู่หยุนร้องลั่นด้วยดวงตาสับสน
เขานั้นย่อมจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของเย่หยวน แต่แล้วเหตุใดมันจึงยังไม่คิดลงมือเช่นนั้นเล่า?
“ฮ่าๆๆ… เป็นเช่นนั้นเอง! ที่แท้มันเป็นเช่นนั้น!” ในเวลานั้นเองที่เจียนหรูเฟิงที่ร่างกำลังจางหายหัวเราะขึ้นมาเหมือนได้รู้อะไรเข้า
เวลานี้ร่างของเขามันจางบางลงจนแทบจะหายไปได้ในทุกเมื่อ
เขานั้นหันมามองหวู่หยุนด้วยใบหน้าจางๆ นั้น “สหายข้า อย่าได้ทำให้เขาต้องลำบากใจไปกว่านี้เลย! เรื่องที่อยู่บนบ่าของเขาเองมันก็หนักหนาสาหัสไม่ได้แพ้พวกเรา! ทุกคนจงฟังเถอะ! จากวันนี้ไป จี้ฉิงหยุนจะถูกนับเป็นนักบุญ บักบุญฟ้าคราม! ข้าหวังว่าพวกเจ้าทั้งหลายจะสานต่อเรื่องราวการคุณที่เขาทำไว้ให้คนรุ่นหลังได้ฟังกัน! พวกเจ้าทั้งหลายจงจำไว้ให้ดี! คุณที่เขาสร้างเขาเรานี้มันมากกว่าที่บรรพกาลผู้นี้จะเทียบเคียงได้นัก!”
หวู่หยุนต้องหันกลับไปมองอย่างตกตะลึงไม่เข้าใจว่าทำไมเจียนหรูเฟิงถึงได้กล่าวเช่นนั้น
แต่เขาเข้าใจว่าเจียนหรูเฟิงย่อมจะเห็นความลับบางอย่างของสวรรค์ก่อนตายแน่นอน!
แต่แล้วเขาเห็นอะไรกัน?
จี้ฉิงหยุนนี้คือใครกันแน่?
เจียนหรูเฟิงนั้นหันมองดูเย่หยวนด้วยสายตาแปลกประหลาด
มันเป็นสายตาที่ทั้งหนักหน่วงและตื่นตะลึง
เจียนหรูเฟิงก้มหัวลงต่อเย่หยวน “ขอบคุณสหายหนุ่มที่ช่วยเหลือ โปรดรับการคำนับจากเจียนผู้นี้ไปด้วยเถอะ!”
เย่หยวนนั้นย่อมจะเข้าใจอีกฝ่ายได้และถอนหายใจยาว “ผู้อาวุโส ท่านไม่ต้องทำเช่นนั้นหรอก เรื่องราวทั้งหลายล้วนแล้วแต่เป็นลิขิตสวรรค์!”
เจียนหรูเฟิงส่ายหัวออกมาเมื่อได้ยิน “สวรรค์นั้นมีลิขิตและมีความเปลี่ยนแปลง! สวรรค์นั้นดูถูกผู้คนแต่ผู้คนเองก็เปลี่ยนลิขิตสวรรค์ได้มิใช่หรือ? เรื่องราวต้นเหตุและผลตามนั้นแม้แต่เต๋าสวรรค์เองก็คงไม่อาจจะอธิบายได้ใช่หรือไม่? เจียนผู้นี้ขอตัวก่อนแล้ว สหายหนุ่มโปรดดูแลตัวเองให้ดีในภาระอันหนักหน่วงวันหน้า!”
เย่หยวนก้มหัวลงรับ “ผู้อาวุโสนั้นกล้าหาญและทำมันได้ ผู้น้อยย่อมจะไม่ปล่อยให้ท่านผิดหวังแล้ว!”
เจียนหรูเฟิงนั้นยิ้มรับก่อนจะค่อยๆ จางหายไปกับสายลม
และเจ้าดวงตะวันที่เกิดจากการเสียสละของคนนับร้อยนั้นมันก็ส่งคลื่นพลังรุนแรงออกมาปกครองความลับสวรรค์ของมิติลับสวรรค์ไว้
จากวันนั้นเป็นต้นมามิติลับสวรรค์มันก็มีดวงอาทิตย์สองดวงด้วยกัน!
เย่หยวนถอนหายใจยาวด้วยความรู้สึกอ่อนแรงเต็มทน
เสียงร้องไห้ทั้งหลายนั้นมันเริ่มจางลงแทนที่มาด้วยความเงียบงัน
เวลานี้มันมีคนนับแสนๆ อยู่ในลานแต่กลับไม่มีใครส่งเสียงใดๆ
ดูท่าแล้วพวกเขายังคงจะเศร้าโศกในหัวใจจนไม่อาจจะตั้งสติขึ้นมาได้ง่ายๆ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดเย่หยวนก็ถอนหายใจยาวก่อนจะก้มหัวลงคารวะเย่หยวน “ความลับสวรรค์นั้นไม่อาจเปิดเผยแต่สหายข้าก่อนตายย่อมจะไม่พูดจาไร้สาระแน่ เขานั้นขอบคุณสหายหนุ่มจี้และเฒ่าคนนี้ก็ต้องขอบคุณเจ้าเช่นกัน! จากวันนี้ไป เจ้าคือนักบุญฟ้าคราม!”
พูดไปหวู่หยุนก็คุกเข่าลงต่อหน้าเย่หยวน
“เฒ่าผู้นี้ขอคารวะนักบุญฟ้าคราม!”
“ขอคารวะนักบุญฟ้าคราม!”
ทุกผู้คนในลานกว้างหันมาก้มคุกเข่าลงต่อหน้าเย่หยวนพร้อมตะโกนลั่นฟ้าดิน
เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงติดขัด “คำของผู้อาวุโสก่อนตายนั้นจี้ผู้นี้ย่อมจะไม่กล้าปฏิเสธ แต่ผู้อาวุโสเฉียนจี้ท่านเองก็มีความดีงามที่สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนักบุญเช่นกัน นักบุญผู้นี้จะขอแต่งตั้งเขาให้เป็นนักบุญมายาล้ำ มีใครคิดคัดค้านหรือไม่?”
หวู่หยุนก้มหัวลงรับคำ “เราขอรับคำของนักบุญฟ้าคราม! จากวันนี้ไปท่านและสหายเก่าแก่ของข้าจะถูกเรียกว่าสองนักบุญฟ้าครามและมายาล้ำ!”
นักบุญ!
คนที่มากพรสวรรค์และจิตใจมากคุณธรรม!
หากอยากจะได้รับนามเช่นนี้ คนผู้นั้นต้องได้รับการยอมรับจากทุกเผ่าพันธุ์!
เย่หยวนมองดูหวู่หยุนและถอนหายใจยาว “ผู้อาวุโส นักบุญผู้นี้ย่อมเข้าใจว่าท่านนั้นมีแต่ความสงสัยเต็มอก แต่ขอให้ท่านรู้ไว้เถอะว่าความลับสวรรค์นั้นไม่อาจเปิดเผยได้จริงๆ บางเรื่องนักบุญผู้นี้ก็ไม่อาจจะพูดบอกได้!”
หวู่หยุนผงะไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับในที่สุด
เย่หยวนนั้นเดินมาถึงหน้าเด็กน้อยเฉียนจี้คนใหม่ด้วยรอยยิ้ม “ดีมาก! เจ้านั้นจะไม่แย่ไปกว่าพ่อเจ้าแน่นอน! วันหน้าเจ้าจะเป็นคนที่มีสิทธิได้รับการขนานนามเป็นนักบุญเช่นกัน!”
เฉียนจี้น้อยนั้นอาจจะยังเด็กแต่เขาก็มีความมุ่งมั่นไม่แพ้พ่อ
ได้ยินคำเช่นนั้นตัวเฉียนจี้น้อยก็พยักหน้ารับ “นักบุญฟ้าครามโปรดวางใจ ห่าวหรันจะไม่ทำให้ท่านและท่านพ่อผิดหวังแน่!”
เย่หยวนยิ้มก่อนจะมาหยุดลงตรงหน้าซ่างเหิงด้วยรอยยิ้ม “ข้าหวังว่าเมื่อเราได้พบกันอีกเจ้าจะไม่ตื่นตกใจจนเกินไป! เอาล่ะ นักบุญมายาล้ำก็ได้จากไปแล้ว มันก็ถึงเวลาของนักบุญผู้นี้แล้วเช่นกัน ลาก่อน!”
พูดจบเย่หยวนก็ก้าวหายออกไปต่อหน้าต่อตาทุกผู้คน
เจียนหรูเฟิงนั้นเปิดเผยความลับสวรรค์ก่อนจะตายลง ทำให้เย่หยวนสัมผัสได้ว่าเวลาที่ต้องไปของเขามันใกล้มาถึงแล้ว
เพราะฉะนั้นเขาจึงตัดสินใจจะออกจากมิติลับสวรรค์ไป
…
หลายปีต่อมาทั้งมหาพิภพถงเทียนมันก็ถูกปกคลุมไปด้วยเงาดำมืด
คลื่นสายฟ้ารุนแรงหลั่งไหลราวกับสายน้ำคลั่ง
ระหว่างกลางของสายฟ้าที่ผ่าตกลงมานั้นมันก็มีเงาร่างหนึ่งหายลับเข้าไปในกระแสมิติเวลา
……………….