บทที่ 2056 เรื่องที่น่าปวดหัว

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

หลายคนที่อยู่ตรงนี้นับว่าเป็นคนที่เข้าใจเขา ต่างก็มองออกแล้วว่าประมุขชิงคิดจะสังหารหนิวโหย่วเต๋อ

ทว่าหนิวโหย่วเต๋อไม่ใช่หนิวโหย่วเต๋อในปีนั้นอีกแล้ว หนิวโหย่วเต๋อเดินมาถึงทุกวันนี้ได้ เดินมาสู่อำนาจอย่างทุกวันนี้ได้ ก็ได้ผ่านช่วงเวลาที่เผชิญความกดดันจากประมุขชิงแล้วรู้สึกว่าการปกป้องหนิวโหย่วเต๋อนั้นไม่คุ้มไปแล้ว ไม่ใช่ว่าใครอยากจะเสียสละก็เสียสละได้ ดังนั้นถ้าคิดจะแตะต้องหนิวโหย่วเต๋อ ก็เกรงว่าคงไม่ง่ายขนาดนั้นแล้ว

หลังจากในตำหนักเงียบเสียงไปนานมาก ประมุขชิงก็กล่าวอย่างเนิบนาบว่า “ถ่ายทอดคำสั่ง ให้ทัพใหญ่แดนรัตติกาลถอนกำลังกลับแดนรัตติกาลเดี๋ยวนี้!”

“…” ซ่างกวนชิงซึ่งไปชั่วขณะ มาสั่งตอนนี้มีประโยชน์หรือ? แต่ก็ยังปฏิบัติตามคำสั่ง

และในตอนนี้ กำลังพลใต้บังคับบัญชาของเหมียวอี้ก็กำลังเร่งระดมพลแล้ว

เหมียวอี้ได้รับข่าวจากตำหนักสวรรค์ แต่กลับไม่สนใจ ไม่ตอบอะไรทั้งนั้น

ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาได้รับการติดต่อจากตำหนักสวรรค์ แล้วปฏิเสธว่าไม่ทราบว่าผู้ตรวจการใหญ่ไปที่ไหนแล้ว หาตัวไม่เจอ ติดต่อไม่ได้ด้วย

ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ ไม่ตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่เหมียวอี้จะฟังคำสั่ง อัญเชิญเทพมานั้นง่าย แต่จะให้ส่งเทพกลับไปนั้นยาก ลูกธนูง้างอยู่บนสายแล้วมิอาจไม่ยิง เขาทำเรื่องจนถึงขั้นนี้แล้ว ล่วงเกินประมุขชิงไปแล้ว ไม่มีทางให้ถอยกลับแล้ว ตอนนี้อยากจะให้เขาถอนกำลังกลับแดนรัตติกาล คิดว่าเป็นไปได้หรือ?

กำลังพลสายมะโรงของกงเชียนชิวกับกำลังพลสายมะเส็งของอวี่เหวินชวนรวมตัวกันอยู่ในดาราจักรแล้ว

ทำถึงขั้นนี้แล้ว อยู่ลำพังรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย สงสัยว่าเกาะกลุ่มกันไว้จะอบอุ่นกว่า

บนดาวเคราะห์ที่รกร้างดวงหนึ่ง กงเชียนชิวกับอวี่เหวินชวนยืนเคียงกัน ทั้งคู่ล้วนมีสีหน้าอ้างว้าง ทอดสายตามองดาราจักรที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต รอข่าวจากตำหนักสวรรค์

ผลปรากฏว่ายังไม่ทันได้ข่าวจากตำหนักสวรรค์ ก็ได้ข่าวจากฝ่ายอื่นก่อนแล้ว ทัพตะวันออก ทัพตะวันตก ทัพเหนือได้ปิดทางออกด้านนอกอาณาเขตทัพใต้ไว้หมดแล้ว ทัพใหญ่รวมตัวกันเคลื่อนพล จุดหมายปลายทางคือในอาณาเขตทัพใต้

“ฝั่งประมุขชิงคงหวังอะไรไม่ได้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ประมุขชิงจะเปิดฉากต่อสู้กับกลุ่มอำนาจใหญ่พวกนั้นเพื่อพวกเรา!” กงเชียนชิวถอนหายใจเบาๆ แล้วส่ายหน้าด้วยสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย “ถ้ารู้อย่างนี้แต่แรกคงไม่ทำ ตอนที่ท่านอ๋องถูกล้อมไว้ พวกเราควรจะพยายามสุดความสามารถเพื่อกู้สถานการณ์ พวกเราหาเรื่องใส่ตัวเอง ถือว่าเป็นกรรมตามสนองหรือเปล่า?”

“สหายกง มาพูดตอนนี้ยังมีความหมายอะไรล่ะ?” อวี่เหวินชวนกล่าว

“สหายอวี่เหวินมีวิธีอะไรหรือเปล่า?” กงเชียนชิวถาม

อวี่เหวินชวนหลุดขำ แล้วกล่าวด้วยสีหน้าเย้ยตัวเอง “วิธีการก็พอมีอยู่บ้าง!”

“อ้อ!” กงเชียนชิวเอียงหน้ามองเขา “ข้ายินดีจะรับฟังความเห็นอันสูงส่ง!”

“วิธีการแรกก็คือยอมเป็นหยกแหลกลาญ ไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์ สู้ตายกับพวกเขาเลย!” อวี่เหวินชวนกล่าว

กงเชียนชิวแทบจะกลอกตามองบน “อำนาจหลายฝ่ายร่วมมือกันโจมตี พวกเราจะชนะได้เหรอ? ตอนนี้มาถึงขั้นนี้แล้ว หนิวโหย่วเต๋อประกาศแล้วว่าถ้ายอมแพ้จะให้อยู่ในตำแหน่งเดิมยศเดิม เจ้าคิดว่าเบื้องล่างยังจะมีสักกี่คนที่จะสู้หัวชนฝาไปกับพวกเราได้?”

“วิธีการที่สองก็คือหนีเข้าไปในจุดลึกของดาราจักร เข้าไปในอาณาเขตดาวนิรนาม” อวี่เหวินชวนกล่าว

กงเชียนชิวกล่าวช้าๆ ว่า “แบบนั้นก็ต้องให้เบื้องล่างเต็มใจหนีตามพวกเราไปด้วยสิ สาเหตุที่ตอนแรกลิ่งหูโต้วจ้งไม่กล้าไปขอพึ่งพาอำนาจฝ่ายอื่น ก็เพราะลิ่งหูโต้วจ้งรู้ว่าไปพึ่งพาอำนาจฝ่ายอื่นก็ไม่ได้มีจุดจบที่ดีอะไร ไม่ได้มีตำแหน่งว่างเยอะขนาดนั้นให้ไปเบียดกัน แต่สถานการณ์ของหนิวโหย่วเต๋อตอนนี้ต่างกัน ในมือเขามีกำลังพลอยู่แค่นั้น ถ้าอยากจะควบคุมทั้งอาณาเขตทัพใต้ กำลังพลในมือเป็นอุปสรรคมากมาย ต้องการกำลังคนเดิมของทัพใต้ ไม่ค่อยเบียดกันเกินไป ไม่อย่างนั้นหนิวโหย่วเต๋อจะโน้มน้าวให้พวกเรายอมแพ้ทำไม เบื้องล่างก็ไม่ได้ตาบอด ทุกคนล้วนเห็นจุดนี้แล้ว ถ้าไม่จนตรอกจริงๆ เบื้องล่างจะมีใครอยากพาลูกเล็กเด็กแดงตามพวกเราหนีไปยังอาณาเขตดาวนิรนามที่หนทางข้างหน้าไม่ชัดเจน จะเป็นจะตายยังไงก็ไม่รู้?”

อวี่เหวินชวนยิ้มเย้ยตัวเองอีก “หรือไม่อย่างนั้นพวกเราพาครอบครัวหนีไปเงียบๆ ทิ้งพวกกำลังพลไว้ที่นี่ดีไหม?”

กงเชียนชิวบอกว่า “เจ้าต้องไตร่ตรองให้ชัดเจนนะ คนที่ทิ้งพี่น้องหนีไป แม่ทัพหลักที่ทำตัวแบบนี้คงจะถูกมวลชนโกรธแค้น เป็นพฤติกรรมที่ทุกคนเหยียดหยาม ต่อไปอาจจะไม่มีทางเผชิญหน้ากับพวกพี่น้องได้อีกแล้ว ไม่มีโอกาสกลับตัวอีกแล้ว มีแต่ต้องฝากความหวังไว้ที่อาณาเขตดาวนิรนาม หาสถานที่ลับตาคนเพื่อใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบ ถ้าหาไม่เจอขึ้นมาแล้วคิดอยากจะกลับ ก็ไม่มีที่ยืนให้แล้ว ถึงตอนนั้นเกรงว่าแม้แต่คนที่จะแอบช่วยพวกเราก็ไม่มีแล้ว”

อวี่เหวินชวนพูดหยอกว่า “พอเป็นแบบนี้ ก็เหลือแค่หนทางสุดท้ายแล้ว ไปยอมแพ้ต่อหนิวโหย่วเต๋อ!”

กงเชียนชิวถอนหายใจเบาๆ “ถ้าไปขอพึ่งพา พี่น้องเบื้องล่างยังมีทางออก แต่พวกเราสองคนล่ะ เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่หนิวโหย่วเต๋อจะให้พวกเราอยู่ในตำแหน่งจอมพลอีก ตอนนี้ผังก้วนจะเป็นจะตายก็ยังไม่รู้ ถ้ายังไม่ตาย หนิวโหย่วเต๋อก็ไม่มีทางให้เขาขึ้นตำแหน่งจอมพลอีกเช่นกัน ถ้ามีแค่เท่านี้ก็ว่าไปอย่าง ลิ่งหูโต้วจ้งก็เป็นตัวอย่างให้เห็นแล้ว ข้ากลัวว่าหนิวโหย่วเต๋อจะโหดเหี้ยม ทำให้คนในครอบครัวพวกเราลำบากไปด้วย!”

อวี่เหวินชวนบอกว่า “เจ้าคิดมากไปแล้ว ถ้าไปยอมแพ้ต่อเขาเมื่อไหร่ ทุกคนก็เจอได้อยู่ในตำแหน่งเดิม มีแต่เจ้ากับค่าที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าเก็บกำลังพลของพวกเราไว้ แล้วยังให้หัวหน้าอย่างพวกเราอยู่ในตำแหน่งเดิม หนิวโหย่วเต๋อคงไม่เป็นอันกินอันนอนเช่นกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะให้โอกาสพวกเราบัญชาการอีก แต่ก็คงไม่ดำเนินรอยตามลิ่งหูโต้วจ้ง เพราะสถานการณ์ของพวกเราแตกต่างกับลิ่งหูโต้วจ้ง ตอนนั้นลิ่งหูโต้วจ้งตายด้วยน้ำมือประมุขชิง น่าจะไม่เกี่ยวอะไรกับหนิวโหย่วเต๋อ แล้วอีกอย่าง พวกเราสละอนาคตตัวเองเพื่อปกป้องอนาคตของลูกน้อง ถ้าหนิวโหย่วเต๋อฆ่าพวกเรา ก็ชี้แจงกับลูกน้องเก่าของพวกเราได้ยาก พูดในกรณีที่เลวร้ายที่สุดก็คือ ต่อให้ต้องการจฆ่าพวกเรา แต่ภายในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ก็คงไม่ลงมือ อย่างน้อยก็ต้องรอให้เขาย่อยทัพใต้ให้หมดก่อน ถึงจะลงมือกับพวกเรา”

กงเชียนชิวจองเขา “ฟังจากที่พูด สหายอวี่เหวินตัดสินใจแล้วเหรอ?”

อวี่เหวินชวนเอามือไขว้หลัง เงยหน้าถอนหายใจ แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “ลูกสาวคนเล็กของข้าหรูเมิ่ง หน้าตาพอใช้ได้ ยังไม่ได้แต่งงาน ขอเพียงหนิวโหย่วเต๋อยินดีจะแต่งงานด้วย ข้าก็จะยอมแพ้เขา!” พูดจบก็หันกลับไปมองเขาแวบหนึ่ง “กงหนีฉาง ลูกสาวของเจ้าที่ยังไม่ได้แต่งงานอายุเท่าไหร่แล้ว?”

“สิบห้าปี!” กงเชียนชิวบอกอายุของลูกสาวอย่างช้าๆ แล้วอดไม่ได้ที่จะหลับตาลง เขาเหลือแค่ลูกสาวคนนี้ที่ยังไม่แต่งงาน ส่วนลูกสาวคนโตอีกคนแต่งงานไปแล้ว ถ้าจะให้หนิวโหย่วเต๋อแต่งงานด้วยอีกก็คงเป็นไปไม่ได้

จวนจอมพลสายเถาะ ในตำหนักประชุม  เหิงอู๋เต้ากำลังทำหน้าที่คุมการบัญชาการอยู่ท่ามกลางบรรดาแม่ทัพ หลังจากเก็บระฆังดาราแล้ว ในดวงตาก็ฉายแววปลาบปลื้มอย่างที่ปิดบังได้ยาก เขารีบเดินออกจากตำหนักใหญ่ เดินมาข้างกายเหมียวอี้ที่อยู่บนบันได แล้วกุมหมัดคารวะ “ยินดีกับผู้ตรวจการใหญ่ ยินดีกับผู้ตรวจการใหญ่ อวี่เหวินชวนกลับกงเชียนชิวส่งข่าวมา บอกว่ายินดีทำตามคำสั่งอ๋องสวรรค์ฮ่าว จะนำกำลังพลสายมะโรงกับสายมะเส็งมาสวามิภักดิ์ต่อผู้ตรวจการใหญ่!”

ตอนนี้เขามองเหมียวอี้ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกนับถือ เป้าหมายที่จะกลืนทั้งอาณาเขตทัพใต้ ตอนนี้ทำได้แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้แล้วจริงๆ ก่อนหน้านี้ต่อให้นอนฝันเขาก็นึกไม่ถึง ว่าจะทำสำเร็จได้ง่ายดายขนาดนี้!

แต่เขาก็รู้เช่นกัน ว่าการที่สามารถใช้งานกำลังพลของตระกูลเซี่ยโห้ว อีกทั้งได้รับการสนับสนุนจากทัพตะวันออก ทัพตะวันตกและทัพเหนือ สิ่งที่แอบจ่ายไประหว่างนั้นจะต้องไม่น้อยแน่นอน ต้องลงทุนไปไม่น้อยแน่ ไม่อย่างนั้นแล้ว ในโลกนี้จะมีโชคใหญ่ขนาดนี้หล่นลงมาจากฟ้าได้อย่างไร เพียงแค่ตัวเองไม่รู้เท่านั้นเอง แต่ความสามารถนี้ก็ทำให้เขานับถือจากใจจริงแล้ว!

“ดี!พออวี่เหวินชวนกับกงเชียนชิวไม่ยอมสวามิภักดิ์ ในอาณาเขตทัพใต้ก็ไม่ต้องทำศึกอีก!” เหมียวอี้พยักหน้ากล่าวชม ในที่สุดใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมาแล้ว เขาหันกลับมาถามว่า “เมื่อจะมายอมแพ้ แล้วตัวเขามาหรือยัง?”

เหิงอู๋เต้าตอบว่า “ยังอยู่ระหว่างการระดมกำลังพล ทัพใหญ่สองทัพบรวมตัวกันอยู่ที่เดิม ยังไม่เคลื่อนไหว อวี่เหวินชวนกับกงเชียนชิวยังไม่มีท่าทีว่าจะมาพบผู้ตรวจการใหญ่”

เหมียวอี้สีหน้าบึ้งตึงลงทันที ถามเสียงเย็นว่า “อย่าบอกนะว่ากำลังหลอกลวงค่ะ?”

“น่าจะไม่ใช่ขอรับ!อวี่เหวินชวนให้กำลังพลกลุ่มเล็กให้ส่งอวี่เหวินหรูเมิ่ง ลูกสาวคนเล็กมาก่อนแล้ว ส่วนกงเชียนชิวก็ให้กำลังพลกลุ่มเล็กส่งกงหนีฉาง ลูกสาวของตัวเองมาเช่นกัน ขอให้ผู้ตรวจการใหญ่ดูแลแทน!” เหิงอู๋เต้ามีสีหน้าแปลกๆขณะ พูดรายงานสิ่งนี้

พอหยางเจาชิงที่อยู่ข้างๆ ได้ยินแบบนี้ ก็รู้สึกงงเช่นกัน แล้วก็มองเหมียวอี้ด้วยสีหน้าแปลกๆ

“ส่งลูกสาวมาเป็นตัวประกันเหรอ?” เหมียวอี้เลิกคิ้ว จากนั้นก็แสยะยิ้มไม่หยุด “ข้าเอาลูกสาวของพวกเขามาเป็นตัวประกันจะมีประโยชน์อะไร? ลูกสาวของพวกเขาจะป้องกันความคิดไม่ซื่อของพวกเขาได้หรือไง? คิดจะใช้ลูกไม้ตื้นๆ มาถ่วงเวลา น่าขำไปหน่อยมั้ง บอกพวกเขา ว่าถ้าตั้งใจจะยอมแพ้จริงๆ ก็ให้มาเอง ไม่อย่างนั้นก็ต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาเอาเอง!”

หยางเจาชิงเอามือลูบจมูกทันที ไม่รู้ว่าควรจะเตือนหรือไม่ ถ้าจะให้ตนเอ่ยปากเรื่องนี้ก็คงไม่ดี ต่อไปถ้าให้ฮูหยินรู้ เกรงว่าตัวเองคงจะต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา

ผู้ตรวจการใหญ่หัวช้ากับเรื่องพรรค์นี้!ในใจเหิงอู๋เต้าพึมพำ จากนั้นก็กุมหมัดป้องปากกระแอมสองที “ผู้ตรวจการใหญ่คงจะเข้าใจเจตนาของพวกเขาผิดแล้ว เรื่องยอมแพ้น่าจะเป็นเรื่องจริง แต่ที่บอกว่าส่งลูกสาวมาให้ผู้ตรวจการใหญ่ดูแลแทนก่อน น่าจะไม่ใช่เอามาเป็นตัวประกัน แต่จะให้แสดงบทบาทอีกอย่างหนึ่ง ข้าน้อยเดาว่าพวกเขาคงหวังให้ผู้ตรวจการใหญ่แต่งงานกับลูกสาวของพวกเขา ถ้าผู้ตรวจการใหญ่ไม่แต่งด้วย เกรงว่าพวกเขาคงไม่วางใจที่จะมายอมสวามิภักดิ์”

“…” เหมียวอี้งงเป็นไก่ตาแตกอยู่พักหนึ่ง จากนั้นกล่าวอย่างสงสัยว่า “กล้ามาสวามิภักดิ์หรือไม่ เกี่ยวอะไรกับให้ข้าแต่งงานกับลูกสาวของพวกเขาล่ะ? ถ้าข้าคิดจะลงมือกับเขาจริงๆ  ลูกสาวของพวกเขาจะขัดขวางได้ยังไง ทำเป็นของเด็กเล่นเกินไปแล้วมั้ง?”

เขาหัวช้ากับเรื่องในด้านนี้จริงๆ แม้จะมีอนุภรรยามาก แต่ก็ยังไม่คุ้นชินกับวิธีการนี้ ถึงอย่างไรก็ไม่เคยใช้ชีวิตอยู่ใต้บังคับบัญชาของสี่ทัพอย่างจริงจัง มีประสบการณ์เรื่อง ‘เส้นสายความสัมพันธ์’ ยังไม่ลึกซึ้ง ยังขาดความตระหนักรู้ในด้านนี้

เหิงอู๋เต้ากุมหมัดคารวะ  “ขอบังอาจถามผู้ตรวจการใหญ่ หลังจากกงเชียนชิวกับอวี่เหวินชวนยอมแพ้แล้ว ยอมจะให้พวกเขาอยู่ในตำแหน่งจอมพลเหมือนเดิมหรือไม่?”

เหมียวอี้เหล่ตาถาม “เจ้าคิดว่าเป็นไปได้เหรอ? ให้พวกเขาได้เป็นคนรวยที่ว่างงานยังไม่พออีกหรือไง?”

เหิงอู๋เต้าถอนหายใจ  “เอาล่ะ ยังไม่ต้องพูดถึงความกังวลด้านอื่นๆ ของพวกเขา ข้าน้อยพูดถึงคนรวยที่ว่างงานก่อนก็แล้วกัน เมื่อไม่มีอำนาจให้พึ่งพา ไม่มีหลักประกันเลยสักนิด คิดว่าเขาจะได้เป็นคนรวยที่ว่างงานได้ง่ายๆ ขนาดนั้นหรือขอรับ? ทรัพย์สินของบ้านพวกเขาไม่ธรรมดา เลี่ยงยากที่จะไม่ให้เศรษฐีใหม่คิดไม่ซื่อกับพวกเขา และเขาก็รู้เช่นกัน ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาช่องทางรายได้เอาไว้ทั้งหมด ราษฎรเดิมไร้ความผิด แต่ผิดเพราะมีหยกในครอบครอง[1] คาดว่าส่วนใหญ่คงเป็นฝ่ายนำมามอบให้ผู้ตรวจการใหญ่เอง แต่ในครอบครัวเขาก็มีคนอยู่ไม่น้อย จะต้องมีช่องทางรายได้พื้นฐานเอาไว้เลี้ยงชีพอยู่แล้ว  ยกตัวอย่างเช่นร้านค้าจำนวนหนึ่งที่ตลาดสวรรค์ สำหรับคนส่วนใหญ่ หลักประกันพื้นฐานนี้นับว่าเป็นทรัพย์สินที่ไม่น้อยเลย กอปรกับในบ้านมีสาวงามอยู่มากมาย เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนจ้องตาเป็นมัน ถึงตอนนั้นถ้าในมือของเขาไม่มีกำลังทหารป้อง แล้วเขาจะใช้ชีวิตยังไง? ดีไม่ดีก็จะบ้านแตกสาแหรกขาด! แต่ถ้าลูกสาวของพวกเขาได้แต่งงานกับผู้ตรวจการใหญ่ นั่นก็จะต่างออกไปแล้ว ถ้าเป็นครอบครัวฝั่งอนุภรรยาของผู้ตรวจการใหญ่ ใครจะตาบอดถึงขั้นมาหาเรื่องญาติของผู้ตรวจการใหญ่ล่ะ? พอผู้ตรวจการใหญ่แต่งงานกับลูกสาวของพวกเขา พวกเขาก็มีทางหนีทีไล่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะวางใจมาสวามิภักดิ์ได้ยังไง?”

เหมียวอี้ใจกระจ่างในฉับพลัน พูดชัดเจนขนาดนั้น ถ้าไม่เข้าใจก็คงไม่ต่างจากคนโง่แล้ว

เพียงแต่เรื่องแบบนี้ทำให้เหมียวอี้ปวดหัวนิดหน่อย ความคิดของตัวเองยังควบคุมง่าย แต่ไม่สะดวกจะอธิบายกับทางอวิ๋นจือชิว! เขากับอวิ๋นจือชิวมีข้อตกลงระหว่างสามีภรรยากันตั้งแต่แรกแล้ว ว่าถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากอวิ๋นจือชิว ก็ห้ามให้ผู้หญิงคนอื่นแต่งงานเข้าบ้าน กงเชียนชิวกับอวี่เหวินชวนทำเรื่องนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ลูกสาวมาเป็นอนุภรรยาลับๆ ของเขา

…………………