บทที่ 2058 ดีใจจนน้ำตาไหล

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

รีบร้อนมาแบบนี้ รีบร้อนตัดสินใจเรื่องนี้ แล้วก็รีบร้อนออกไปแบบนี้?

บรรดาแขกในงานแต่งงานรู้สึกประหลาดใจ มีคนไม่น้อยพอจะเข้าใจแล้ว ว่ากงเชียนชิวกับอวี่เหวินชวนต้องการจะยกลูกสาวให้แต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อเพื่อปกป้องตัวเอง ถ้าจะให้ลูกสาวแต่งงานอย่างจริงจังตั้งใจมีหรือที่จะทำอย่างนี้

แต่งงานเพิ่มอีกสองคนแล้วเหรอ? หวงฝู่จวินโหรวมองรางของเหมียวอี้พี่เดินออกไป ในใจเกิดความรู้สึกมากมายปนกัน ในหัวมีความคิดว่าแวบเข้ามาว่าเหมียวอี้จะแต่งงานกับนางหรือไม่ กำลังคิดว่าถ้าเหมียวอี้ได้นั่งตำแหน่งอ๋องสวรรค์ ประมุขชิงก็แตะต้องนางไม่ได้ง่ายๆ แล้ว ไม่แน่ว่าเขาอาจจะแต่งงานกับตนจริงๆ ก็ได้

ทว่านางก็เปลี่ยนความคิดเร็วมาก รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ ต่อให้เหมียวอี้แต่งงานกับนางแล้ว ต่อให้ประมุขชิงจะแตะต้องทั้งสองคนไม่ได้ง่ายๆ แต่ตระกูลหวงฝู่จะทำอย่างไรล่ะ?

ถ้าแต่งออกไปแล้ว พอนึกว่าตัวเองจะได้กลายเป็นหนึ่งในอนุภรรยาของเหมียวอี้  นางก็เกิดความรู้สึกหลากหลายปนกัน

ยังมีความรู้สึกสับสนอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตั้งแต่เหมียวอี้เดินเข้ามาจนกระทั่งออกไป ก็ไม่เคยมองนางตรงๆ เลย นางไม่รู้ว่าในภายหลังเหมียวอี้ยังจะแอบลักลอบมาทำเรื่องอย่างนั้นกับนางอีกหรือเปล่า

นี่เป็นครั้งแรกที่หวงฝู่จวินโหรวรู้สึกอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกว่าเอื้อมไม่ถึงเหมียวอี้ นั่งนึกย้อนไปถึงปีนั้นที่พบกับเหมียวอี้ครั้งแรกที่ตลาดสวรรค์ ผู้จัดการร้านค้าสมาคมวีรชนอย่างนางจะเห็นเหมียวอี้อยู่ในสายตาได้อย่างไร

ก่วงเม่ยเอ๋อร์ก็รู้สึกราวกับเป็นความฝันเช่นกัน นางไม่ปฏิเสธว่าในใจตัวเองชอบเหมียวอี้ เคยใฝ่ฝันว่าทั้งสองเดินด้วยกันอยู่บ่อยๆ ตอนนี้เรากับตื่นขึ้นจากฝันแล้ว พื้นเพชาติกำเนิดของนางกับฐานะของเหมียวอี้ในตอนนี้ไม่มีทางมาบรรจบกันได้ ทั้งสองหมดหวังที่จะอยู่ด้วยกันโดยสิ้นเชิงแล้ว

ไม่รู้ว่ามีคนตั้งมากมายเท่าไหร่ที่รู้สึกเหมือนฝันไป ชั่วพริบตาเดียวหนิวโหย่วเต๋อก็เดินขึ้นมาอยู่ในฐานะสูงส่งจนถึงขั้นที่ก้มมองพวกเขาแล้ว เมื่อก่อนเคยจับกลุ่มกับสหายพูดจาเหน็บแนมหนิวโหย่วเต๋อ พอมาดูตอนนี้แล้วรู้สึกว่าน่าขำ

ท่ามกลางกลุ่มคน สายตาโค่วเหวินชิงมองตามหมียวอี้เดินจากไปไกลๆ นึกถึงการทดสอบที่สถานที่และชีวิตในปีนั้น เหมียวอี้ยังต้องการให้นางช่วยปกป้อง ในใจนางรู้สึกสะท้อนใจเป็นอย่างมาก ย้อนมองดูตัวเองถึงแม้จะแต่งงานมีลูกแล้ว แต่กลับเหมือนยังย่ำอยู่กับที่ หรือว่าผู้หญิงเป็นอย่างนี้โดยธรรมชาติ ถูกกำหนดไว้ว่าหลังแต่งงานแล้วต้องช่วยเหลือสามีและเลี้ยงดูบุตร?

นางนึกถึงจ้านหรูอี้ที่ตัวเองรู้จัก ตอนนี้เหมือนจะเข้าใจความชอบของจ้านหรูอี้แล้ว ไม่รักชุดแต่งงานแต่รักเกราะรบ ทว่าสุดท้ายกลับตกอับอยู่ในวัง ยากที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาของผู้หญิง!

พอนึกถึงสามีตัวเองอีก ในสายตาคนมากมายถือว่ายังหนุ่มยังแน่นมีกำลังวังชา มีอนาคตไกล แต่เมื่อเทียบกับหนิวโหย่วเต๋อแล้วความก้าวหน้ายังห่างกันราวฟ้ากับดิน

ถ้าจำไม่ผิด ตอนที่สามีตัวเองได้เป็นผู้บัญชาการใหญ่ หนิวโหย่วเต๋อก็ยังไม่รู้อยู่ที่ไหนด้วยซ้ำ ทำไมวันนี้หนิวโหย่วเต๋อเดินมาถึงจุดนี้แล้ว แต่สามีของตัวเองยังเป็นหัวหน้าภาคอยู่เลยล่ะ?

ที่จริงแล้วถ้าจะพูดถึงความสามารถ เหมียวอี้อ่านไม่ได้เก่งกว่าสามีนางสักเท่าไหร่ สิ่งที่แตกต่างกันจริงๆ ก็คือสภาพแวดล้อมของทั้งสองคน เหมียวอี้เหมือนอยู่ท่ามกลางกระแสน้ำวนตลอดเวลา สามารถประสบอันตรายได้ทุกเมื่อ ถูกบีบให้ต้องดิ้นรนสู้ชีวิตเพื่อเอาตัวเองออกไปอยู่นอกวังวนนั้น เรียกได้ว่าถูกบีบให้ออกมา ส่วนสามีของโค่วเหวินชิงไม่จำเป็นต้องถือหัวตัวเองและนำชีวิตคนในครอบครัวไปเสี่ยงอันตรายบ่อยๆ เหมือนเหมียวอี้

และความเย็นชาสะเพร่าของเหมียวอี้ ที่จริงแล้วกำลังทำให้แม่ลูกสองคู่นั้นสะเทือนอารมณ์

ถ้าเป็นเมื่อก่อน อนุภรรยาของจอมพลผู้สง่าภูมิฐาน ทั้งยังมีลูกให้จอมพลอีก อยู่ที่จวนจอมพลนับว่ามีฐานะที่สุด มีหรือที่จะเห็นเหมียวอี้อยู่ในสายตา ในปีนั้นตอนที่อวิ๋นจือชิวไปเยี่ยมคำนับ ก็ยังต้องทำตัวมีมารยาทและนอบน้อมตอนอยู่ต่อหน้าพวกนางอยู่เลย พวกนางอาจจะไม่ค่อยสนใจด้วยซ้ำ ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งจะได้รับความอัปยศแบบนี้ เป็นดั่งคำที่มนุษย์กล่าวไว้ คนเราสามสิบปีแรกอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำ อีกสามสิบปีอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำ ชั่วพริบตาเดียวสถานการณ์ก็เปลี่ยนแล้ว!

“ท่านแม่ ข้ากลัว…” กงหนีฉางเดินมาข้างกายมารดาตัวเอง จับแขนเสื้อนางไว้ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล ประหม่าและหวาดกลัว

ตอนนี้แม้นางจะยังอายุน้อย แต่กลับถึงช่วงอายุที่จะใฝ่ฝันถึงความรักแล้ว เคยเฝ้าคอยชายคนรักเช่นกัน เคยได้ยินชื่อของหนิวโหย่วเต๋อและอยากรู้จัก แต่หลังจากรู้ว่าตัวเองจะต้องแต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อให้ได้ ยามเผชิญหน้ากับวิกฤตของครอบครัว เผชิญหน้ากับคำขอร้องของคนในครอบครัว ต้องเสียสละตัวเองเพื่อแลกกับหลายชีวิตในครอบครัว นางก็ร้องไห้และยอมรับชะตากรรมแล้วเช่นกัน

ก็นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเหมียวอี้จะมีปฏิกิริยาอย่างนี้ พลังอำนาจแบบนั้นเหมียวอี้ ท่าทีเย็นชาอย่างนั้น ทำให้นางพบว่าในสายตาอีกฝ่ายตัวเองต่ำต้อยราวกับต้นหญ้า ทำให้นางตกใจจริงๆ

พอได้ยินลูกสาวพูดแบบนี้ คนเป็นแม่ก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ไหวแล้ว โผเข้ากอดลูกสาวแล้วเริ่มร้องไห้เจ็บปวด

เรายังไม่รู้ว่าในอนาคตอวิ๋นจือชิวจะปฏิบัติต่อลูกสาวได้อย่างไร ตอนนี้นางนึกเสียใจทีหลังจริงๆ เสียใจที่ในปีนั้นตอนอวิ๋นจือชิวมาเยี่ยมเยียน แล้วตัวเองก็วางมาดใส่อวิ๋นจือชิว ถ้านายหญิงของบ้านอย่างอวิ๋นจือชิวจะกำจัดอนุภรรยาสักคนที่ไม่ได้รับความสำคัญจากสามี นั่นก็เป็นเรื่องที่ง่ายมากเหมือนเหยียบมดตัวหนึ่ง สามารถทำให้ลูกสาวตัวเองมีชีวิตอยู่มิสู้ตายได้ง่ายๆ เลย เวลาผู้หญิงจะทรมานผู้หญิงด้วยกันเอง บางครั้งก็โหดเหี้ยมทารุณยิ่งกว่าผู้ชายเสียอีก ในภายหลังลูกสาวนางจะใช้ชีวิตได้อย่างไร!

พอมารดาร้องไห้แล้ว กงหนีฉางยังจะเก็บกลั้นอารมณ์ได้อย่างไร กอดมารดาร้องไห้อย่างเศร้าโศก

เมื่อคู่นี้กอดกันร้องไห้ แม่ลูกอีกคู่หนึ่งก็รู้สึกสะเทือนใจไปด้วย กอดกันร้องไห้เศร้าโศกเช่นกัน

แม่ลูกสองคู่นี้อยู่ท่ามกลางสายตาฝูงชน พอกอดกันร้องไห้แบบนี้ คนที่ดูอยู่ข้างๆก็พากันทอดถอนใจไม่หาย อย่างไรเสียก็มีคนมากมายที่ก่อนหน้านี้สนิทกับพวกเขา

อวี่เหวินซาน เป็นพี่ชายคนโตของอวี่เหวินชวน พร้อมทั้งทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านของตระกูลอวี่เหวิน ครั้งนี้ถูกส่งมาอวยพรงานแต่งให้หวังลั่วกับผังอวี้เหนียง เพราะเห็นดังนี้ก็รีบเดินออกมาจากกลุ่มคน แอบถ่ายทอดเสียงโน้มน้าว บอกว่าเลิกร้องไห้ได้แล้ว เขาแทบจะตะโกนเรียกอยากให้เกียรติว่าท่านยาแล้ว ไม่รู้หรือว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตคนในตระกูลมากขนาดไหน?

ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาถูกขังอยู่ที่นี่ เขาก็เตรียมตัวที่จะตายแล้ว ตอนนี้มีโอกาสรอดชีวิตก็ย่อมไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

หยางเจาชิงเดินเนิบนาบไปข้างๆ พวกเขา บนใบหน้ามีรอยยิ้ม ถามเสียงเรียกว่ “ไม่ต้องร้องไห้แล้ว ถ้ารู้สึกว่าแต่งงานกับผู้ตรวจการใหญ่ของพวกเราแล้วลำบาก ตอนหลังค่อยปรึกษาเรื่องนี้กันอีกทีก็ได้!” คำพูดนี้เรียกได้ว่าอ่อนโยนแต่แทงใจเหมือนซ่อนเข็มในผ้าฝ้าย สำหรับเขา พวกเจ้าไม่พอใจ ข้าเองก็ปวดหัวเหมือนกัน เดี๋ยวพอฮูหยินกลับมาก็ยังไม่รู้เลยว่าข้าจะชี้แจงอย่างไร

ไม่ใช่ว่าเขาจงใจจะทำให้อับอาย แต่ท่าทีบางอย่างก็ยังต้องแสดงออกไป มิอาจปล่อยให้ฝั่งอวี่เหวินชวนคิดว่าถ้าตัวเองหนีไปแล้วพวกเขาจะอยู่ไม่ได้ ที่นายท่านแสดงท่าทีเย็นชาก็เป็นเพราะเหตุนี้เช่นกัน

“พี่หยางเข้าใจผิดแล้ว ลูกสาวจะแต่งงาน แม่ลูกกอดกันร้องไห้ก็เป็นเรื่องปกติมาก…” อวี่เหวินซานรีบกุมหมัดคารวะหยางเจาชิง แล้วก็ช่วยพูดแก้ตัวให้ไม่หยุด เพราะชะตากรรมของทั้งครอบครัวล้วนอยู่ในมือเหมียวอี้ เขาไม่กล้าล่วงเกินหยางเจาชิงเช่นกัน เขารู้อย่างลึกซึ้งว่าคนที่อยู่ข้างกายเหมียวอี้อย่างหยางเจาชิงนั้นคำพูดมีอิทธิพล อาจจะตัดสินชะตาชีวิตของทั้งครอบครัวพวกเขาได้เช่นกัน พออวี่เหวินหรูเมิ่งแต่งงานไปแล้วทำให้คนอย่างหยางเจาชิงไม่พอใจ ก็ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน

มารดาของอวี่เหวินหรูเมิ่งก็ไหวตัวทันเช่นกัน รีบผละออกจากลูกสาว ปาดน้ำตาแล้วกล่าวขออภัยหยางเจาชิงซ้ำๆ “ผู้การหยางอย่าถือสาเลยค่ะ ลูกสาวเติบโตและกำลังจะแต่งงาน ผู้น้อยดีใจเกินไป ดีใจจนน้ำตาไหลเลย เป็นเพราะดีใจจึงร้องไห้ค่ะ!”

ก่อนหน้านี้อวี่เหวินชวนก็ย้ำแล้วย้ำอีก ว่าการที่เขาสูญเสียอำนาจครั้งนี้ ก็เป็นเรื่องยากที่จะได้ลืมตาอ้าปากอีกครั้ง ถ้าอยากจะให้ในภายหลังทั้งครอบครัวมีชีวิตที่ดี ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีพวกผีวัวปีศาจงูมาหาเรื่องถึงที่บ้าน ขู่เข็ญเอาเงิน เหยียดหยามสร้างความอัปยศ เขาต้องให้ลูกสาวแต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋ออย่างราบรื่น ถ้ากลายเป็นญาติที่เกี่ยวดองกับหนิวโหย่วเต๋อแล้ว ก็จะไม่มีใครกล้ามาหาเรื่อง อวี่เหวินชวนพูดไว้ชัดเจนมาก ว่าจะต้องทนรับความอัปยศที่อยู่ตรงหน้าก่อน ในภายหลังถึงจะหลีกเลี่ยงความอัปยศใหญ่หลวงที่คนในครอบครัวต้องเผชิญ ในทางกลับกันหากไม่มีที่พึ่งพิง ในอนาคตก็อาจปกป้องลูกสาวคนนี้ไว้ไม่ได้ อาจจะต้องให้แต่งงานกับคนคนป่าเถื่อนไม่รู้หัวนอนปลายเท้า ชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียแล้ว การแต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อถึงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด พูดในกรณีที่เลวร้ายที่สุดก็คือ ตอนนี้มีแต่ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเท่านั้น ในอนาคตถึงจะมีโอกาสลืมตาอ้าปากอีกครั้ง ถ้าไม่มีแม้แต่ปัจจุบันแล้วจะไปเอาอนาคตมาจากไหน!

ขณะเดียวกันอวี่เหวินชวนก็บอกไว้แล้ว ว่าขอเพียงทำให้ลูกสาวแต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อได้อย่างราบรื่น ก็จะสนับสนุนให้เจ้าเป็นฮูหยินเอก!

นี่เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ต่อไปนี้เกียรติยศหรือความตกต่ำของทั้งตะกูลก็ล้วนผูกอยู่กับตัวของลูกสาวที่แต่งงานออกไป มารดาที่ให้กำเนิดลูกสาวคนนั้นก็ย่อมได้รับการปฏิบัติที่สูงขึ้นอีกขั้น โครงสร้างภายในตระกูลอวี่เหวินจะต้องเปลี่ยนแปลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ เกรงว่าอนุภรรยาที่ยามปกติได้รับความโปรดปรานจากอวี่เหวินชวนที่สุด ต่อไปนี้ก็ต้องก้มหน้าก้มตาอย่างว่านอนสอนง่ายเช่นกัน และต้องใช้ชีวิตแบบระมัดระวังสายตาของอวี่เหวินหรูเมิ่งด้วย

ใต้หล้าเกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตเอิกเกริกแบบนั้น ไม่รู้ว่ามีคนตั้งมากมายเท่าไรที่ชะตาชีวิตเปลี่ยนไปเพราะเรื่องนี้ หลายบ้านดีปรีดา หลายบ้านเศร้าโศก

อวี่เหวินซานพยักหน้าช่วยซ้ำๆ “ใช่แล้ว ดีใจจนน้ำตาไหล!”

สองแม่ลูกตระกูลกงรีบแยกออกจากกัน แล้วพูดแก้ตัวซ้ำๆ

“มีเรือนรับแขกแจ้งเอาไว้ให้พวกท่านแล้ว เชิญ!” หยางเจาชิงไม่พูดมาก ยื่นมือเชิญแล้ว

เมื่อวานยังแสดงความร่ำรวยต่อหน้าคนอื่นอยู่เลย ชั่วพริบตาเดียวก็ตกต่ำจนต้องทำตัวนอกเนาะเหมือนบ่าวไพร่แล้ว แขกที่อยู่ในคฤหาสน์เห็นฉากนี้แล้วปวดใจ ไม่รู้มีคนมากมายเท่าไหร่รู้สึกสะท้อนใจ

อวี่เหวินซานยังออกมาไม่ได้ เดินไปไปตรงประตูแล้วถูกทหารยามกันไว้ถึงได้กลับเข้ามาอีก ทำได้เพียงรีบถ่ายทอดเสียงกำชับสองแม่ลูกตระกูลอวี่เหวิน

สองแม่ลูกได้รับการชี้แนะ พอออกมาแล้วก็แอบบอกผู้ติดตามที่อยู่ข้างหลัง ผู้ติดตามคนหนึ่งรีบก้าวออกมาข้างหน้า มาอยู่ข้างกายหยางเจาชิง แล้วนำกำไรเก็บสมบัติวงหนึ่งยัดใส่มือหยางเจาชิงไว้ หยางเจาชิงหยุดเดิน หันตัวไปมองสองแม่ลูก เผยกำไลออกมาแล้วบอกว่า  “สิ่งนี้ไม่จำเป็นหรอก!”

สองแม่ลูกยิ้มสู้  “เป็นน้ำใจเล็กน้อยเท่านั้น หรูเมิ่งยังอายุน้อยไม่รู้ความ ต่อไปหวังว่าผู้การหยางจะอภัยนาง” ขณะที่พูดก็ดึงมือลูกสาว อวี่เหวินหรูเมิ่งรีบย่อตัวสำนักหยางเจาชิง “ผู้การหยาง!”

หยางเจาชิงกระตุกมุมปาก รีบเตรียมตัวหลบ แล้วกุมหมัดคารวะกลับ ไม่ว่าในภายหลังอวี่เหวินหรูเมิ่งจะได้รับความโปรดปรานจากในท่านหรือไม่ แต่ก็ได้สถานะเป็นผู้หญิงของนายทาสแล้ว มีหรือที่บ่าวไพร่จะรับการคำนับจากเจ้านาย เขารับสิ่งนี้ไว้ไม่ไหว แม้ยามปกติเหมียวอี้กับฮูหยินจะไม่ให้เขาเรียกตัวเองว่าผู้น้อย แต่เขาเองก็ต้องรับรู้อยู่แก่ใจ

ฝั่งตระกูลกงรีบเอาเยี่ยงอย่าง ขอให้หยางเจาชิงรับน้ำใจไว้

มารดาของหนีฉางลองถามว่า “ผู้การหยาง ทำไมไม่เห็นอวิ๋น…ทำไมไม่เห็นกูอีกละฮูหยิน? มาแล้วยังไม่ได้คำนับเลย หวังว่าผู้การหยางจะเป็นตัวแทนรายงานให้หน่อย”

มารดาของหรูเมิ่งก็พยักหน้าเช่นกัน “ใช่ๆได้ยิน ชื่อเสียงของฮูหยินมานานแล้ว ควรต้องไปทำนะ”

หยางเจาชิงยิ้มบางๆ “ฮูหยินออกไปทัศนาจรข้างนอกแล้ว”

ทั้งสองมองหน้ากันเลิกลั่ก ออกไปทัศนาจรในเวลานี้เนี่ยนะ? ไปหลอกผีเถอะ!

ทั้งสองตระกูลล้วนคิดว่าอวิ๋นจือชิวไม่อยากพบพวกนาง ในใจยิ่งรู้สึกกังวล

พอหยางเจาชิงเห็นสถานการณ์แบบนี้ ก็นับว่าเข้าใจแล้ว ว่าเขาต้องรับของกำนัลจากสองคนนี้ไว้ เพราะถ้าตัวเองไม่รับไว้ ก็เกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายวางใจไม่ได้ ยังไม่รู้ว่าจะรายงานสถานการณ์กลับไปที่กงเชียนชิวกับอวี่เหวินชวนอย่างไร ไม่คุ้มที่จะให้เกิดปัญหาซับซ้อนเพราะเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ เรื่องบางเรื่องผู้การอย่างใหญ่อย่างเขาก็ต้องชั่งน้ำหนักเอง ต้องแยกให้ออกว่าอะไรคือสถานการณ์ภาพรวม

เขาเผยกำไลเก็บสมบัติในมือ พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นก็เคารพมิสู้ทำตามคำสั่ง ในภายหลังหากฮูหยินทั้งสองมีปัญหาอะไรก็กำชับได้เลย” เมื่อรับของขวัญมาแล้ว ต่อไปก็ต้องคอยเป็นตัวกลางสื่อสารกับเหมียวอี้ให้

เมื่อได้เห็นท่าทีแบบนี้ ได้ฟังคำพูดแบบนี้ ทั้งสองตระกูลก็โล่งอกแล้ว รู้ว่าของขวัญนี้ไม่สูญเปล่า บนใบหน้าเผยรอยยิ้มแล้ว รีบแสดงออกอย่างเกรงใจว่ามิบังอาจทำเช่นนั้น

…………………