มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1236

“ปัง!”

เพียงแค่หนึ่งฝ่ามือ ผู้แข็งแกร่งแห่งเผ่าอสูรอสรพิษที่มีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นหกท่านนี้ ก็ถูกตบเข้าที่กะโหลกจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ ร่างลอยละลิ่วออกไป กระแทกเข้ากับกำแพงอย่างรุนแรง

ทุก ๆ คนที่อยู่กลางโถงใหญ่ต่างก็หยุดชะงัก ไม่มีใครคาดคิดว่าเจ้าหนุ่มจากเผ่าพันธุ์มนุษย์คนนี้จะลงมืออย่างกะทันหันเช่นนี้ อีกทั้งการโจมตีของเขายังรวดเร็วเหลือเกิน เพียงแค่เผชิญหน้าก็โจมตีผู้แข็งแกร่งของชนเผ่าใหญ่ผู้หนึ่งจนถึงแก่ชีวิต

โดยเฉพาะคนจากชนเผ่าของถูหมิง ในใจก็เต็มไปด้วยความรู้สึกยินดีที่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้ล่วงเกินผู้แข็งแกร่งจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ผู้นี้ มิเช่นนั้นไม่ต้องให้คนจากชนเผ่าใหญ่เข้ามา ชนเผ่าแห่งนี้ของพวกเขาก็คงจะก็คงจะถูกทำลายราบเป็นหน้ากลองไปแล้ว

“ฆ่ามัน!”

สหายผู้หนึ่งถูกฆ่าตายไปต่อหน้าต่อตา ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเจ็ดจากเผ่าอสูรอสรพิษทั้งสามคนที่เหลือก็พากันคำรามด้วยความโกรธ หนึ่งในนั้นพลิกมือหยิบเอาดาบรบออกมา หลอมรวมพลังกฎสังหาร ฟาดตรงไปยังหลัวซิวด้วยความรุนแรง

แสงดาบยังไม่ทันสิ้นสุด เพียงแค่รังสีส่วนเกินที่แพร่กระจายออกมา ก็ทำให้โถงใหญ่แห่งนี้แหลกสลายกลายเป็นผุยผง ทุก ๆ คนต่างต่างรับรู้ได้ถึงปริภูมิโดยรอบที่พลันว่างเปล่าขึ้นมาในทันใด

“ชิ้ง!”

เสียงเหล็กกระทบกันดังสนั่นขึ้นมา ดาบรบที่หลอมรวมกฎสังหารเอาไว้ กลับถูกหลัวซิวรับไว้ด้วยมือเปล่า

นิ้วมือของเขาที่อยู่ด้านบนดาบรบจับกันเป็นตราประทับ ทันในนั้นก็ยกเท้าถีบออกไป เหยียบเข้าที่อกของคนที่ลงมืออย่างรุนแรง

ละอองเลือดระเบิดออกเป็นวงกว้าง บริเวณอกของผู้แข็งแกร่งจากเผ่าอสูรอสรพิษผู้นี้ถูกถีบออกไปในคราเดียว ร่างนั้นลอยกระเด็นไปไกลหลายร้อยเมตร จากนั้นก็ร่วงลงกระแทกกับพื้น เลือดจำนวนมหาศาลกระอักออกมาทางปาก กระดูกทั่วร่างต่างถูกแรงสั่นสะเทือนจนแหลกละเอียด

ตั้งแต่ต้นจนจบ หลัวซิวไม่ได้ใช้ผลการฝึกตนและตัวสำนึกเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังไม่ได้สำแดงพลังอมตะอีกด้วย เพียงแค่อาศัยร่างเนื้ออสุราอันบริสุทธิ์ ก็สามารถฆ่ามหาจักรพรรดิยุทธ์สองคนติดต่อกันได้อย่างง่ายดาย

ภาพตรงหน้า ทำให้เหล่าคนจากเผ่าอสูรอสรพิษในที่แห่งนั้น ตกอยู่ในความตกตะลึง

นั่นเป็นถึงผู้แข็งแกร่งที่มาจากชนเผ่าใหญ่ ไม่ใช่เพียงแค่ผลการฝึกตนระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเจ็ด อีกทั้งยังครอบครองสายเลือดระดับมารเขียว แม้แต่โอกาสที่จะสำแดงพลังในการต่อต้านยังไม่มี เพียงแค่เผชิญหน้าก็ถูกฆ่าตายเสียแล้ว?

โดยเฉพาะเผ่าพันธุ์มนุษย์ผู้นี้รับดาบรบระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เอาไว้ด้วยมือเปล่า อีกทั้งยังสามารถใช้นิ้วมือประทับตราได้อย่างชัดเจน นั่นทำให้มหาจักรพรรดิยุทธ์เผ่าอสูรอสรพิษที่เหลืออีกสองคนยิ่งหวาดผวามากขึ้นเป็นเท่าตัว

“เทพมาร!”

ชนเผ่าเล็กชั้นล่างที่สุด เหตุใดจึงได้มีเทพมารจากเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่?

ผู้แข็งแกร่งจากชนเผ่าใหญ่ทั้งสองคนที่เหลือต่างตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ

“ท่าน ……”

ถูหมิงเดินเข้ามา เนื่องจากได้รับบาดเจ็บ สีหน้าจึงค่อนข้างซีดเซียว

“พวกเขาเป็นทูตจากชนเผ่าใหญ่ หากมาตายอยู่ที่นี่ จะนำพาภัยพิบัติมาสู่ชนเผ่าของเราได้”

ถูหมิงสีหน้าขมขื่น ความจริงเขาก็อยากจะฆ่าพวกคนเหล่านี้ที่คอยกดขี่ชนเผ่าทิ้งไปเสีย แต่คนเบื้องหลังของชนเผ่าใหญ่นั้น กลับไม่ใช่ผู้ที่ชนเผ่าเล็กของเขาจะสามารถต่อกรได้

แม้ว่าจะมีเทพมารจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ท่านนี้คอยคุมบังเหียนอยู่ แต่เขาก็ใช่ว่าจะอยู่ที่ชนเผ่าเล็กของตนไปตลอดกาล ไม่ช้าไม่เร็วก็ต้องจากไป

“เจ้าคิดว่า ข้าฆ่าสองในสี่จากพวกเขาไปแล้ว หากปล่อยให้อีกสองคนมีชีวิตกลับไป ชนเผ่าของเข้าจะรอดพ้นจากสงครามนี้ได้อย่างนั้นหรือ?” หลัวซิวเอ่ยถามเสียงเรียบ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ถูหมิงก็มีสีหน้าเคร่งขรึม แต่กลับยังมีความลังเลใจอยู่บ้าง

“นี่เป็นเรื่องภายในของชนเผ่าของพวกเจ้า เจ้าตัดสินใจเองเถิด ข้าจะหยุดพักอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งเดือน”

หลัวซิวเสริมอีกหนึ่งประโยค จากนั้นก็หมุนตัวสาวเท้าก้าวออกไป

ท้ายที่สุด ถูหมิงยังคงไม่สามารถตัดสินใจกำจัดทั้งสองคนนั้นทิ้งไปได้ ส่วนผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ที่มาจากชนเผ่าใหญ่ก็ไม่กล้าที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป พวกเขาตัดสินใจจากไปในทันที

เพียงชนเผ่าเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ไม่มีค่าให้กล่าวถึง กลับมีเทพมารเผ่าพันธุ์มนุษย์ปรากฏตัวขึ้น ข้อมูลนี้จำเป็นต้องส่งสารกลับไปในทันที