ตอนที่ 2635

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,635 : โจวเฟย

 

“โจวเฟยออกมาแล้ว!”

 

“นับว่าเป็นลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือจริงๆ…เจ้าคนที่มาจากเมืองเฉวี่ยโยวนั่นมันพึ่งมาหลุมมังกรซ่อนได้ไม่ทันไร ก็หาญกล้าท้าโจวเฟยชิงห้องที่ดีที่สุดในหลุมมังกรซ่อนแล้ว!”

 

“ดูเหมือนมันจะชื่อว่าต้วนหลิงเทียน…นับว่าชื่อมันช่างโอหังแท้!”

 

“ดูท่ายังไม่ได้โอหังแค่ชื่อ กระทั่งผู้คนยังโอหังอีกด้วย! มาถึงหลุมมังกรซ่อนครั้งแรกก็กล้าคิดท้าทายชิงห้องที่ดีที่สุด…มันคิดว่าแน่มาจากไหนกันหา? คิดว่าเอาชนะผู้ครองห้องได้ง่ายขนาดนั้นเชียว?”

 

“เหอะๆ! หากห้องนั่นชิงมาง่ายๆ ป่านนี้เป็นของข้าไปนานแล้ว”

 

“พวกเจ้าว่า…โจวเฟยจะทุบตีมันสาหัสขนาดไหน?”

 

 

ในวาจาของชายหนุ่มทั้งหลาย ไม่เพียงแต่กล่าวถึงนามผู้ถือครองห้องศิลาลึกสุดในหลุมมังกรซ่อน แต่ยังไม่มีใครดูดีต้ววนหลิงเทียนเลยสักคน ไม่คิดว่าเขาจะมีปัญญาชิงห้องบ่มเพาะจากโจวเฟยได้

 

“โจวเฟยไม่เพียงบรรลุถึงจินเซียนตะวันเหลืองแล้ว ยังเป็นถึงบุตรชายบุญธรรมของผู้พิทักษ์จวนอย่างใต้เท้า โจวทง…ในจวนผู้ว่าแห่งนี้มันจะเดินไปที่ใดผู้คนก็จับตาดู…”

 

“ข้าได้ยินมาว่าพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะของโจวเฟยสูงส่งนัก เช่นนั้นจึงถูกโจวทงรับไปเป็นศิษย์ก่อน จากนั้นค่อยกลายเป็นลูกบุญธรรม! แต่เดิมมันไม่ได้แซ่โจวด้วยซ้ำทว่าสุดท้ายกลับเปลี่ยนมาใช้แซ่โจว!!”

 

“ใช่ ยังเห็นว่าโจวเฟยมันทรยศหักหลังอาจารย์ และหันไปกราบโจวทงเป็นอาจารย์”

 

“เรื่องนี้ข้าก็ได้ยินมาเหมือนกัน เห็นว่าอาจารย์คนเก่าของโจวเฟยถึงขั้นกระอักเลือดออกมา 3 ถัง เพราะถูกโจวเฟยมันทรยศหักหลัง สุดท้ายก็ถูกโจวทงฆ่าทิ้ง!”

 

“ชู่ว..! พวกเจ้าหาเรื่องตายรึไง!!”

 

 

เสียงกระซิบกระซาบดังกล่าวย่อมเข้าหูต้วนหลิงเทียนเช่นกัน ทำให้เขาทราบว่าเบื้องหน้าเป็นใคร

 

“ลูกบุญธรรมของโจวทง?”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนหดหยีลง มองจ้องโจวเฟยเบื้องหน้าทันที

 

จึงพบว่า…

 

โจวเฟยผู้นี้แม้จะถูกนินทาเผาขนเรื่องทรยศอาจารย์ทั้งเปลี่ยนไปใช้แซ่ของโจวทง กระทั่งได้ฟังเรื่องที่อาจารย์ถูกโจวทงฆ่า มันก็ยังสงบนัก

 

ทำราวกับเรื่องทั้งหมดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมัน

 

เรื่องนี้ทำให้ยิ่งมาต้วนหลิงเทียนยิ่งรู้สึกว่ามองอีกฝ่ายไม่ออก

 

‘หืม?’

 

ทว่าทันใดนั้นเอง ประกายตาต้วนหลิงเทียนพลันสว่างขึ้นวาบหนึ่ง ลอบคิดในใจว่า ‘เหอะๆ…เกือบคิดว่ามันจะไม่เก็บเอามาใส่ใจซะแล้ว’

 

หลังมองจ้องอย่างละเอียด ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็พบความโกรธที่ลุกโชนขึ้นในส่วนลึกของแววตาโจวเฟยชัดเจน

 

ฟุ่บ!

 

และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนสังเกตเห็นโทสะในแววตาโจวเฟย อีกฝ่ายก็เคลื่อนร่างออกไปจากสายตาเขา

 

มันไม่ได้พุ่งเข้ามาเล่นงานเขาแต่อย่างใด เพียงเหินลอยขึ้นไปในอากาศบริเวณกลุ่มคนดู

 

สองตามันมองจ้องไปยังคนๆหนึ่ง

 

‘เจ้านั่น…ดูเหมือนจะเป็นคนที่เริ่มพูดเรื่องโจวเฟยทรยศอาจารย์แล้วหันไปหาโจวทงสินะ’

 

ต้วนหลิงเทียนมองตามสายตาโจเฟยไป ก็รู้ได้ทันทีว่ามันจ้องใครอยู่…

 

“นกดีย่อมเลือกไม้งามทำรัง…ข้าไม่คิดว่านั่นคือการทรยศอะไร”

 

ทันใดนั้นเองโจวเฟยก็มองกล่าวกับชายผู้นั้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทำให้ผู้ฟังเสมือนติดในถ้ำน้ำแข็ง

 

หน้าชายหนุ่มที่ถูกมองจ้องเปลี่ยนสีไปทันที มันรีบส่ายหัวโบกมือโบกไม้เป็นพัลวัน เร่งกล่าวว่า “โจวเฟย…ข้าก็แค่พูดไปเรื่อยเท่านั้น!”

 

“ในเมื่อเจ้าพูดแล้ว เช่นนั้นก็ต้องรับผิดชอบ”

 

ทันใดนั้นเอง สองตาโจวเฟยเปลี่ยนเป็นเยียบเย็น ฝ่ามือของมันคล้ายกลับกลายเป็นมีดดาบ!

 

ฟั่ฟฟ!!

 

พริบตาต่อมาดจวเฟยก็สะบัดมือฉับไว ปรากฏเป็นประกายแสงมีดคมหนึ่งพุ่งแหวกอากาศออกไปเกิดเสียงเสียดหู!

 

ฉับ!!

 

“อ๊าาาา…!!”

 

เสียงบางสิ่งถูกตัดขาดดังขึ้น! ก่อนที่หลุมมังกรซ่อนอันเงียบสงบจะกึกก้องไปด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด! สีหน้าชายหนุ่มคนอื่นๆที่ชมเรื่องราวเปลี่ยนไปทันใด สายตาที่ใช้มองโจวววเฟยตอนนี้ยังเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว!!

 

‘ช่างอำมหิตจริงๆ…แค่ผู้อื่นพูดความจริงนิดหน่อย ก็ตัดแขนผู้อื่นแล้ว’

 

ใจต้วนหลิงเทียนจมลงโดยพลัน

 

แม้โจวเฟยจะตัดแขนผู้อื่นทิ้ง หากแต่ด้วยมีกฏของหลุมมังกรซ่อนอยู่ เช่นนั้นมันจึงไม่ได้ทำลายแขนที่ขาดหลุดออกจากร่างอีกฝ่ายแต่อย่างไร ปล่อยให้อีกฝ่ายพุ่งมือออกมาปานสายฟ้าฟาดคว้าแขนข้างที่ขาดกลับไปต่อแต่โดยดี

 

‘แขนที่ขาดนั่นถึงจะต่อได้แต่ก็ต้องใช้พลังประสานทั้งรักษาตัวอีกนาน…ระหว่างกระบวนการเชื่อมประสานเพื่อไม่ให้เกิดเหตุแทรกซ้อนก็ต้องใช้เวลาทั้งพลังไม่น้อย ไม่พ้นทำให้การบ่มเพาะพลังต้องล่าช้าออกไป…’

 

ต้วนหลิงเทียนก็รู้เรื่องนี้ดี

 

“หากไม่ใช่เพราะในหลุมมังกรซ่อนมีกฏห้ามฆ่าคน…ป่านนี้เจ้าเป็นคนตายไปแล้ว!”

 

โจวเฟยเหลือมอชายหนุ่มที่ถูกตัดแขนด้วยสายตาเยียบเย็นกล่าวออกเสียงเหี้ยม ทำให้อีกฝ่ายเร่งก้มหัวลงไปไม่กล้าสบตาทันที ด้วยกลัวว่าจะสร้างความไม่พอใจให้โจวเฟยอีก

 

“โหดร้ายนัก…”

 

“โจวเฟยผู้นี้…อย่าได้ไปยุ่งกับมันเถอะ”

 

 

ขณะเดียวกันในหลุมมังกรซ่อนตอนนี้ จะผู้ที่ชมดูเรื่องราวแต่แรกก็ดี หรือผู้ที่พึ่งออกมาจากห้องบ่มเพาะหลังได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวเอะอะก็ดี พอได้รับทราบรายละเอียด แต่ละคนก็มองไปยังโจวเฟยด้วยสายตาหวาดกลัว

 

“เจ้าเรียกว่า ต้วนหลิงเทียน งั้นสิ้นะ?”

 

สายตาโจวเฟยเปลี่ยนไปเร็วไว สุดท้ายก็มาตกลงบนร่างต้วนหลิงเทียน มันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาโหดเหี้ยมกล่าวออกเสียงเบา…

 

“เจ้าตัดแขนตัวเองทิ้งข้างหนึ่ง จากนั้นโขกหัวขอขมาให้ข้า 3 ครั้งข้อหากล้าท้าทายข้าเสีย”

 

“หากเจ้าไม่ทำ…ข้าไม่เพียงแต่จะกระชากแขนขาเจ้าให้ขาด ยังจะเจียดเวลามาทรมานเจ้าให้สำนึก!”

 

กล่าวถึงท้ายประโยคแววตาโจวเฟยก็คมกล้าปานมีดดาบ

 

สิ้นเสียงกล่าวด้วยอำมหิตของโจวเฟย ทุกคนก็หันไปมองจ้องต้วนหลิงเทียนทันที เพื่อรอดูว่าต้วนหลิงเทียนจะเอายังไง

 

“ดูเหมือนโจวเฟยจะมีโมโหแล้วจริงๆ…”

 

“ไม่รู้ไอ้หน้าขาวจากเมืองเฉวี่ยโยวนั่นมันจะเลือกทางไหน…หากมันตัดแขนตัวเองแต่โดยดีก็สามารถฟื้นตัวรักษาได้ในเวลาไม่นาน แต่ถ้ามันไม่ทำ ไม่เพียงแต่โจวเฟยจะกระชากแขนขามันให้ขาด ยังจะทรมานมันด้วย ทีนี้แม้มันจะต่อแขนต่อขาได้แต่คงต้องใช้เวลานานนัก”

 

“เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ…ตัดแขน กับกระชากแขนให้หลุดนั้นมันต่างกันคนละเรื่อง! หากแผลตัดเรียบสนิทคิดเชื่อมประสานก็ง่ายนิดเดียว ยังสามารถหายดีได้ในเวลาอันสั้น…แต่ถ้าถูกกระชากขาดล่ะกก็ เช่นนั้นก็ต้องใช้เวลารักษายากฟื้นฟูแล้ว…”

 

“ใช่ ความยากในการรักษาแขนที่ถูกกระชากนั้นยากกว่าถูกตัดทิ้งไม่น้อยเลย…”

 

 

เหล่าผู้คนในหลุมมั่งกรซ่อนล้วนสงสัยนัก ว่าต้วนหลิงเทียนจะเลือกทางไหน

 

มีเพียงคนเดียวที่เผยแววตานิ่งสงบ และรู้แต่แรกว่าต้วนหลิงเทียนจะเลือกทางไหน

 

คนผู้นั้นก็คือฉินอวี่

 

‘จินเซียนตะวันเหลืองอายุไม่ถึงร้อยปี…น่าเสียดายจริงๆ ที่มันเจอใครไม่เจอดันมาเจอสัตว์ประหลาดอย่างต้วนหลิงเทียน’

 

ฉินอวี่ลอบกล่าว

 

“ไอ้หนูจากเมืองเฉวี่ยโยวนั่น หลังได้เห็นความดุร้ายของโจวเฟยแล้ว…ใช่มันจะยอมสยบแต่โดยดีหรือไม่?”

 

“ตราบใดที่มันเป็นคนฉลาดมันย่อมเลือกจะตัดแขนตัวเองและเร่งคุกเข่าโขกหัวขอความเมตตาอยู่แล้ว”

 

“จากที่ดูมันน่าจะเป็นคนฉลาด”

 

 

เสียงกระซิบกล่าวดังระงมไปทั่วหลุมมังกรซ่อน หลายคนคิดว่าต้วนหลิงเทียนต้องเลือกตัดแขนตัวเองทิ้ง แทนที่จะปะทะกับโจวเฟยเพื่อท้าชิงห้องบ่มเพาะลึกสุด อันเป็นห้องบ่มเพาะที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดอีกต่อไป

 

ในขณะที่คนทั้งหลุมมังกรซ่อนไม่เว้นโจวเฟยมองต้วนหลิงเทียนเพื่อรอฟังคำตอบนั้นเอง…

 

ต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆปริปากอย่างไม่รีบไม่ร้อน

 

“ปัญญาอ่อน…”

 

ภายใต้สายตาดุร้ายของโจวเฟย และสายตาลุ้นระทึกจากผู้ชม ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองโจวเฟยด้วยสายตาเฉยเมยแล้วกล่าวคำไม่กี่คำออกมาด้วยสีหน้าไม่รู้สึกรู้สา!

 

จังหวะนี้กระทั่งฉินอวี่ยังต้องอึ้ง

 

ถึงแม้มันจะมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนมากว่าเอาอยู่แน่ๆ แต่มันก็ไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะตอบสนองโจวเฟยไปแรงแบบนี้!

 

โจวเฟยนั่นจะอย่างไรก็เป็นถึงลูกบุญธรรมของโจวทง ผู้พิทักษ์จวน!

 

ต้วนหลิงเทียนทำแบบนี้หรือไม่กลัวมีปัญหากับผู้พิทักษ์จวนผู้ว่าอย่างโจวทง?

 

“เจ้า…เจ้า…เจ้ากล้าด่าข้าว่าปัญญาอ่อน?”

 

หลังดึงสติกลับมาได้ลมหายใจของโจวเฟยก็ถี่รัวขึ้น หน้าอกของมันกระเพื่อมขึ้นลง โทสะอัดแน่นแทบระเบิด มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้งแววตาก็ฉายชัดถึงเจตนาฆ่าฟันอันเยียบเย็น ราวกับคิดสับร่างต้วนหลิงเทียนให้แหลกเป็นหมื่นชิ้น ก่อนจะเผาร่างให้กลายเป็นเถ้าธุลี

 

“ลงมือเถอะ”

 

เจอโจวเฟยถามด้วยสีหน้าแววตาอำมหิต ต้วนหลิงเทียนย่นคิ้วชักสีหน้ารำคาญเต็มทน เหลือบไปมองห้องศิลาเบื้องหน้าเล็กน้อยค่อยกล่าวต่อว่า

 

“รีบหน่อยก็ดี…ข้าไม่อยากเสียเวลาบ่มเพาะพลัง”

 

คำพูดที่กล่าวออกมา ฟังแล้วเสมือนห้องบ่มเพาะเบื้องหน้าเป็นของเขาแล้วอย่างไรอย่างนั้น

 

ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!

 

 

ขณะเดียวกันคนอื่นๆที่ทยอยกันได้สติกลับคืนก็พากันสูดลมหายใจเข้าดังระงม สายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนทำราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ

 

“ไอ้หน้าอ่อนจากเมืองเฉวี่ยโยว…มันเสียสติไปแล้วเหรอ?”

 

“ถึงแม้ว่าโจวเฟยจะเป็นลูกบุญธรรมของโจวทง…แต่หากไม่ใช่เพราะพลังฝีมือสูงส่งเข้าตา มีหรือที่มันจะถูกรับเป็นลูกบุญธรรมแถมครองห้องบ่มเพาะที่ดีที่สุดในหลุมมังกรซ่อนได้…ที่มันมีหน้ามีตาได้ทุกวันนี้ล้วนมาจากพลังฝีมือของตัวเองกว่าครึ่ง เส้นสายจากโจวทงแค่ส่วนเสริมเท่านั้น…”

 

“เจ้าหนุ่มจากเมืองเฉวี่ยโยวสมควรได้ยินตอนพวกเราพูดถึงจินเซียนตะวันเหลืองแล้วไม่ผิดแน่…แต่ไฉนมันยังเฉยราวกับไม่ได้ยิน หรือมันมั่นใจว่าสามารถจัดการจินเซียนตะวันเหลืองได้?”

 

“หากมันมาจากพระราชวังฉิน คงไม่น่าแปลกใจอะไรหากจะมีพลังต้านทานโจวเฟย…อย่างไรก็ตามสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะของเมืองเฉวี่ยโยวมันช่างแร้นแค้นนัก เทียบกับเมืองประจำมณฑลแล้วนับว่าย่ำแย่กว่ามากมาย”

 

 

หลายคนคิดว่าการกระทำของต้วนหลิงเทียนไม่ต่างอะไรจากตั๊กแตนคิดหยุดรถม้า กล่าวได้ว่านอกจากฉินอวี่แล้วไม่มีใครคิดว่าเขาสู้โจวเฟยได้เลย

 

“วาจาที่เขื่องโขโอหังนัก!”

 

“ไอ้หนูในเมื่อเจ้าไม่ยอมตัดแขนตัวเอง…เช่นนั้นข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้เอง!”

 

สิ้นเสียงตะโกนอย่างดุร้ายสองครั้ง พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของโจวเฟยก็ปะทุระเบิดออกมาลุกโชนท่วมร่างดั่งเปลวไฟ พานให้บรรยากาศในหลุมมังกรซ่อนคล้ายระอุขึ้นหลายองศา

 

ปงง!!

 

ทันใดนั้นเปลววเพลิงทั่วร่างโวเฟยคล้ายจุดระเบิด ส่งร่างโจวเฟยให้พุ่งทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนปานกระสุนปืนใหญ่!

 

ฟั่บ! ฟั่บ! ฟั่บ! ฟั่บ! ฟั่บ!

 

 

ครู่ต่อมากลิ่นอายพลังทั้งเสียงแหลมคมเสียดหูปานมีดดาบพลันดังขึ้นก้องหูผู้คนในหลุมมังกรซ่อนทั้งหมด!