มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1238

“วิชากระจอก ๆ!”

น้ำเสียงเย็นชาถูกส่งออกมาจากภายในชนเผ่าเล็กด้านล่าง จากนั้นฝ่ามือธรรมดาที่ไม่ได้ดูโดดเด่นแต่อย่างใดก็ลอยออกมากลางอากาศ เทียบกับมือยักษ์ของมารเขียวแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถเทียบกันได้เลย

แต่หลังจากนั้น วินาทีที่เมื่อฝ่ามือของทั้งสองชนเข้าหากัน มือใหญ่มารเขียวอันทรงพลังกลับแหลกสลายเป็นเถ้าธุลีไปในทันที

หลัวซิวเดินออกมาจากที่พัก ก้าวเท้าขึ้นไป เหาะข้ามไปกลางอากาศ จากนั้นไม่นานก็ได้มาถึงบริเวณห่างออกไปร้อยลี้

“เผ่าพันธุ์มนุษย์สารเลว!”

กลางปริภูมิที่แตกร้าว หุบเขาผีเขียวเดินออกมา เผชิญหน้ากับหลัวซิวกลางอากาศ

ออร่าที่รุนแรงยังคงสั่นสะเทือนอยู่กลางท้องฟ้าสูง เห็นได้ชัดว่าผลจากการต่อสู้ระหว่างทั้งสองยังไม่ได้หายไป

เหตุผลที่ออกมาห่างจากเผ่าไปหลายร้อยลี้ นั่นเพราะไม่ต้องการให้กระทบกับคนอื่นในชนเผ่าของถูหมิง

ถูหมิงและลูกชายของเขาอะลี่ รวมถึงคนอื่น ๆ ในเผ่าต่างพากันเดินออกมา แต่ละคนต่างพากันเงยหน้าขึ้นไปมองกลางท้องฟ้าสูงที่ห่างออกไปหลายร้อยลี้

ชนเผ่างูเกล็ดเขียว มีเทพปีศาจมาเยือน!

เมื่อใดที่เทพมารจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ผู้นั้นพ่ายแพ้ เช่นนั้นเหล่าชนเผ่าของถูหมิง ก็มีแค่เพียงต้องสูญสลายไปเท่านั้น!

ถูหมิงใช้ตัวสำนึกส่งเสียง พูดบางอย่างกับผู้อาวุโสที่อยู่ข้างกาย

ผู้อาวุโสท่านนี้เมื่อฟังจบก็พยักหน้ารับ จากนั้นก็ก้าวถอยออกไป รวบรวมเหล่าบรรดาหนุ่มสาวภายในเผ่าเอาไว้

คนหนุ่มสาวเหล่านี้ จะเป็นไฟแห่งความหวังของอนาคตของชนเผ่า

“ข้าไม่ไป! ข้าเชื่อว่านายท่านจะต้องชนะเป็นแน่!” แน่นอนว่าอะลี่ก็อยู่ในบรรดาคนหนุ่มสาวเหล่านี้ด้วย เมื่อได้ยินว่าผู้เป็นพ่อจะส่งตนไปยังที่อื่น มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจความหมายนี้?

ถูหมิงขมวดคิ้ว กำลังจะเอ่ยปากตักเตือนลูกชาย แต่การต่อสู้ ณ กลางอากาศห่างไปนับร้อยลี้ก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว

ไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำพูดใด ผู้อาวุโสสองของชนเผ่างูเกล็ดเขียวมาด้วยความเกรี้ยวกราด ดังนั้นเมื่อตามมาถึง ก็ใช้ฝ่ามือตีโจมตีทันที หมายจะทำลายชนเผ่าของถูหมิงทั้งเผ่าให้สูญสิ้น

หลัวซิวก็คร้านจะเอ่ยสิ่งใด บาดแผลของเขาฟื้นฟูได้ประมาณหนึ่งแล้ว แต่กลับเลือกที่จะหยุดอยู่ที่ชนเผ่าของถูหมิงเป็นเวลาหนึ่งเดือน นั่นก็เพื่อช่วยชนเผ่าของถูหมิงแก้ไขปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง

“ก็แค่แดนเทพมารขั้นสองเท่านั้น”

เขาก้าวไปในอากาศ สีหน้านิ่งเรียบ เขาเพียงแค่สาวเท้าก้าวเดินไปอย่างง่ายดาย แต่กลับสามารถข้ามระยะห่างของโซนได้ในพริบตา วินาทีต่อมาก็พลันปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของหุบเขาผีเขียว นิ้วหนึ่งชี้ขึ้นมา ร่องรอยของโซนที่แตกร้าวขยายออกไป ฉีกกระชากทุกสิ่งทุกอย่าง

“ไปตายเสีย!”

หุบเขาผีเขียวคำราม แขนทั้งสองข้างกลายเป็นงูยักษ์เกล็ดเขียว ระหว่างที่เลื้อยทำให้ปริภูมิถูกบดขยี้ คลายการโจมตีจากโซนที่แตกร้าวของหลัวซิว

จากนั้น งูยักษ์เกล็ดเขียวทั้งสองตัวก็อ้าปากกลืนกิน ความดุร้ายแผ่ขยายออกมา

หลัวซิวยิ้มบาง ๆ เล็กน้อย ยื่นนิ้วทั้งสองออกไป แต่ละนิ้วปล่อยมังกรกระบี่ออกมา แฝงไปด้วยพลังแห่งกฎโซน

“ปัง!”

มังกรกระบี่สองตัวกับงูยักษ์เกล็ดเขียวสองตัวปะทะเข้าด้วยกัน แขนทั้งสองข้างของหุบเขาผีเขียวระเบิดออก กลายเป็นละอองเลือดในทันที

แต่มังกรกระบี่ทั้งสองของหลัวซิวก็แหลกตามไปด้วยเช่นกัน สลายไปจากกลางอากาศ

พลังงานอันกว้างขวางไร้ที่สิ้นสุดสะเทือนไปทุกทิศทุกทาง ผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารต่อสู้ด้วยความดุเดือด ทุกสิ่งทุกอย่างภายในรัศมีร้อยเมตร ทั้งหมดถูกทำลายเป็นฝุ่นผง

“เจ้าไม่ใช่เทพมาร!” สีหน้าของหุบเขาผีเขียวเผยความนิ่งขรึมออกมา

อีกฝ่ายไม่ใช่เทพมาร หุบเขาผีเขียวไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกผ่อนคลายเท่านั้น แต่กลับมีความเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เมื่อได้ต่อสู้กัน ออร่าผลการฝึกตนของหลัวซิวย่อมถูกแผ่กระจายออกมาเป็นธรรมดา หลังจากที่หุบเขาผีเขียวสัมผัสได้ ก็พบว่าเจ้าหนุ่มเผ่าพันธุ์มนุษย์ผู้นี้ เป็นเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้า

แต่มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้าคนหนึ่ง กลับสามารถต่อกรกับเทพมารได้ นี่มันตรรกะแบบใดกัน?

ไม่ต้องสงสัย คนตรงหน้านี้ ต้องเป็นอัจฉริยะที่กองกำลังใหญ่สักแห่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์ฝึกฝนออกมาเป็นแน่ เพราะว่าต่อให้เป็นอัจฉริยะชั้นยอดของเผ่าปีศาจ ก็ไม่มีทางที่จะทำให้มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้าสามารถต่อกรกับเทพมารได้เป็นแน่