ตอนที่ 2402 ทัพบุตรเทวะ!

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“ผู้บัญชาการสามทัพเผ่ามนุษย์ หนี่ซวนขอคารวะท่านนักบุญฟ้าคราม!”

เบื้องหน้าเย่หยวนนั้นมีชายแก่ดูภายนอกเหมือนคนอายุราวหกสิบอยู่

หนี่ซวนคนนี้คือหนึ่งในแม่ทัพใหญ่ของทัพเผ่ามนุษย์ เป็นถึงเจ้าฟ้าดินห้าทลาย!

แต่ทางจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ก็ได้ส่งข่าวไปบอกทุกผู้คนในหลากเผ่าพันธุ์แล้วว่านักบุญฟ้าครามได้กลับมาและต้องได้รับความเคารพอย่างสูงส่งล้ำที่สุด

หนี่ซวนนั้นมองดูชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาตื่นตะลึงไม่น้อย

เขานั้นเป็นยอดฝีมือที่บรรลุเต๋ามาในยุคนี้จึงไม่ได้สัมผัสเรื่องราวของยุคก่อนและย่อมจะไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเฉียนจี้จึงได้คิดให้ค่าความเคารพกับเด็กหนุ่มผู้หนึ่งถึงขั้นนี้

เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะถามขึ้น “ลองว่าสถานการณ์ปัจจุบันมาหน่อย”

ท่าทางนี้ของเย่หยวนนั้นตัวหนี่ซวนย่อมจะไม่ชอบใจแต่เขาก็ยังคงต้องรายงานสถานการณ์ไปตามหน้าที่

เผ่าเทวานั้นได้ออกมาจากเมืองนรกแปดอาณาจักรของแดนตะวันตกและบุกเข้ามาอย่างรุนแรงจนแทบประชิดชายแดนของแดนกลางแล้วในเวลานี้

เผ่าทั้งหลายนั้นพยายามต้านทานพร้อมๆ รับถอยแต่มันก็ยังไม่อาจจะหยุดยั้งเหล่าเผ่าเทวาไว้ได้

ยอดฝีมือแต่ละคนของเผ่าเทวานั้นมันแข็งแกร่งอย่างมากมาย เมื่อกลายเป็นกองกำลังแล้วมันย่อมจะยิ่งยากที่หลากเผ่าพันธุ์จะต้านทานไว้

สุดยอดอสูรทั้งแปดที่เดิมทีอยู่ในเมืองนรกแปดอาณาจักรนั้นก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสกันถ้วนหน้า

โชคยังดีที่กองทัพหลากเผ่าพันธุ์มาถึงทันและยังหยุดยั้งการรุกรานของเผ่าเทวาไว้ได้ทัน

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นยอดฝีมือของฝั่งหลากเผ่าพันธุ์มันก็ตายตกลงไปอย่างไม่อาจนับ

แต่เวลานี้ยอดคนของทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ออกมาลงมือใดๆ และมองดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ

ไม่เช่นนั้นแล้วศึกครั้งนี้มันคงไม่จบลงง่ายๆ

แน่นอนว่าวันนั้นมันก็คงอยู่ไม่ไกลแล้วเช่นกัน

เมื่อเย่หยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็ต้องขมวดคิ้วแน่น

ในสายตาของเขานั้นการที่เผ่าเทวาบุกรุกเข้ามาได้อย่างรวดเร็วนี้มันย่อมจะมิใช่แค่เพราะพวกมันนั้นเก่งกาจแต่เป็นเพราะว่ากองกำลังของฝ่ายนี้เองที่แตกแยกภายใน

สภาพที่เกิดขึ้นกับเหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายนั้นมันก็กำลังเกิดขึ้นกับหลากเผ่าพันธุ์เช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นเผ่ามนุษย์ เผ่าอสูร เผ่าปีศาจใดๆ กำลังต่อสู้นั้นมันไม่อาจจะเทียบเคียงกับยุคก่อนได้เลย

หากไม่กล้าพอที่จะเผชิญหน้าความตายมีหรือที่จะต่อต้านเผ่าเทวาที่เก่งกาจนั้นได้?

ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าการแลกชีวิตเพื่อเอายุคสมัยนี้มาของพวกซ่างเหิงมันเป็นเรื่องที่ถูกต้องจริงๆ หรือไม่

สถานการณ์เช่นนี้ตัวเฉียนจี้เองก็ไม่อาจจะทำอะไรกับมันได้

บางอย่างนั้นมันไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้

เฉียนจี้นั้นติดต่อเหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายมาสิ้นแต่สุดท้ายก็ได้กำลังมาเพิ่มแค่ราวแสนคน

และเวลานี้เย่หยวนก็ได้รับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการของกองทัพนี้ มุ่งหน้ามาถึงยังแนวหน้า

“ข้าอยากไปสถานที่ที่อันตรายที่สุดภายใต้ระดับเก้าลาย!” เย่หยวนบอก

หนี่ซวนคิดไปพักหนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้นมา “หากท่านนักบุญฟ้าครามว่าเช่นนั้นแล้วมันก็ย่อมจะมีเรื่องที่นายท่านน่าจะสนใจอยู่!”

เย่หยวนขมวดคิ้วถามขึ้นมา “อ่า ลองว่ามา”

หนี่ซวนตอบกลับไป “หลายวันก่อนนั้นมันมีกำลังทัพเผ่ามังกรถูกลอบโจมตีจากเผ่าเทวาจนเสียหายหนักหน่วง โชคยังดีที่กองทัพนี้มันได้มีเด็กสาวมากพรสวรรค์ผู้หนึ่งร้องไห้นำความวิบัติจนหลบเลี่ยงหายนะ แต่อย่างไรเสียพวกเขาก็ติดอยู่ภายในหุบแก่นแท้บนไม่อาจจะหลบหนีออกมาได้ ข้านั้นได้ส่งกำลังเข้าไปช่วยเหลือแล้วแต่ก็ถูกทัพเผ่าเทวาดักลอบโจมตีจนแตกพ่ายสิ้น! ให้ข้าเดาแล้วทัพเผ่าเทวานี้มันคงเป็นทัพบุตรเทวะผู้มีกำลังน่าหวาดกลัว มันคงเหมาะมือกับทัพของท่านนักบุญฟ้าครามพอดี!”

เย่หยวนฟังไปได้แค่ครึ่งประโยคสีหน้าของเขาก็ต้องเปลี่ยนสีไป

ร้องไห้นำความวิบัติ นี่มันเหมือนหลงเสี่ยวฉุนเลยมิใช่หรือ?

หลงเสี่ยวฉุนนั้นติดอยู่ในหุบแก่นแท้บน?

เขาขมวดคิ้วแน่น “เช่นนั้นมันจะยังมีหวังที่ทัพเผ่ามังกรนั้นอยู่รอดหรือไม่?”

หนี่ซวนส่ายหัวออกมา “เรื่องนั้นย่อมจะไม่มีใครยืนยันได้! หุบแก่นแท้บนนั้นมันเป็นดินแดนอันตรายแต่เดิมมีแต่หายนะเปี่ยมล้น แต่ก็เพราะความอันตรายของมันนี้จึงทำให้พวกเขาทั้งหลายหลบรอดมือเผ่าเทวาไปได้ แต่ต่อให้พวกเขาจะรอดจากการไล่ล่าของทัพบุตรเทวะได้พวกเขาก็อาจจะไม่อาจรอดจากความอันตรายของหุบแก่นแท้บน”

เย่หยวนใจตกลงไปอยู่ตาตุ่มทันทีที่ได้ยิน

“เอาล่ะ เรื่องนี้มันจะรอช้าไม่ได้ ข้าจะไปที่หุบแก่นแท้บนทันที!” จากนั้นเย่หยวนก็หันหน้าพุ่งตัวหายไปทันที

ระหว่างทางมานั้นเย่หยวนได้นำกองทัพมาด้วยความเร็วเกือบเท่าแสง

เมื่อคิดถึงเด็กน้อยหลงเสี่ยวฉุนนั้นท้องไส้ของเย่หยวนก็ปั่นป่วนขึ้นมาด้วยความกังวล

เขานั้นหวังแค่ว่าหลงเสี่ยวฉุนจะยังไม่เป็นอะไรไป

เย่หยวนนั้นได้ยินหนี่ซวนบอกมาว่าทัพบุตรเทวะนั้นมันเป็นหนึ่งในกองทัพเลื่องชื่อของเผ่าเทวา!

พวกมันทั้งหลายนี้มีชัยชนะอย่างไม่เคยพ่าย!

ครั้งหนึ่งมันเคยมีกองทัพมนุษย์ที่นำโดยเจ้าฟ้าดินสองทลายแต่ก็ยังถูกทัพบุตรเทวะนี้ทำลายลงสิ้น ตัวแม่ทัพที่เป็นถึงเจ้าฟ้าดินสองทลายนั้นเองก็ตายลงในศึกด้วย!

แค่นี้มันก็ชัดเจนแล้วว่ากำลังต่อสู้ของทัพนี้มันมากมายปานใด

ว่ากันว่าทัพบุตรเทวะนี้มันคือกองทัพที่รวบรวมเหล่าบุตรเทวะที่เคยถูกเขี่ยตกจากตำแหน่ง พวกเขาทั้งสองแสนนั้นเป็นถึงเต๋าสวรรค์แปดลายขั้นปลายกันสิ้น!

บุตรเทวะของเผ่าเทวานั้นมีใครบ้างที่ไม่แข็งแกร่ง?

แม้จะเป็นบุตรเทวะที่เสียตำแหน่งไปในภายหลังเองมันก็คงมีกำลังฝีมืออย่างเหนือจินตนาการ

ต่อให้จะไม่เก่งกาจเท่าบุตรเทวะที่เหลือรอด แต่มันก็คงไม่อ่อนแอไปกว่ากันมาก

และจำนวนของยอดฝีมือระดับนั้นมันคือสองแสน เป็นกองกำลังยิ่งใหญ่ที่เกิดกว่าคำว่าน่ากลัว

ที่ด้านข้างเย่หยวนนั้นว่านเจิ้นเตือนขึ้นมา “ท่านนักบุญฟ้าคราม หากเรามุ่งหน้าเข้าไปตรงๆ เช่นนั้นแล้วถูกทัพบุตรเทวะซุ่มโจมตีมันจะเสียเปรียบเอามากแล้ว!”

“หึ! แม้ว่าเจ้าจะเป็นนักบุญฟ้าครามแต่เจ้าก็ต้องรักษาเหล่าชีวิตของเด็กชะตาไร้คาดเดาไว้ด้วย! ทุกคนนั้นต่างมาเพื่อฝึกฝนมิได้มาเพื่อตายเปล่า!” ผางเจิ้นเสริมขึ้น

เย่หยวนไม่ได้แสดงท่าทางเดือดร้อนใดๆ ตอบกลับไป “ใจเย็นๆ เถอะ พวกมันไม่มีทางมาซุ่มโจมตีเราได้!”

การเดินหน้าอย่างสุดตัวนี้ทัพของพวกเขาไม่แม้แต่จะส่งหน่วยสอดแนมใดๆ ออกไป

แม้ว่าว่านเจิ้นนั้นจะไม่รู้ศาสตร์การสงครามแต่เขาก็ฉลาดพอจะรู้ว่านี่มันไม่ถูกต้อง

หากเดินทัพตามปกตินั้นมันย่อมจะต้องส่งยอดฝีมือที่หูตาว่องไวนำหน้าไปเป็นหน่วยสอดแนมก่อน

แต่เย่หยวนนั้นกลับเหมือนไม่ระวังใดๆ มุ่งหน้าเข้าไปหวังคิดช่วยคนจนลืมแม้เรื่องนี้

เวลานี้แม้จะเป็นตัวว่านเจิ้นก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

เย่หยวนนั้นเดินทางผ่านห้วงมิติเวลากลับมาเป็นนักบุญฟ้าคราม หรือว่าเขานั้นจะลืมวิธีการรับฟังความเป็นของผู้คนไปแล้ว?

ตอนที่คุยกับหนี่ซวนนั้นตัวเขาเองก็อยู่ด้วย แน่นอนว่าเขาย่อมจะเข้าใจว่าเย่หยวนมีญาติหรือสหายที่ติดอยู่ในหุบแก่นแท้บนจากสีหน้าที่เย่หยวนแสดงออก แต่ชีวิตของญาติสนิทมิตรสหายของเขานั้นเป็นชีวิต แล้วชีวิตของเหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายนี้มิใช่ชีวิตหรือ?

กองทัพยังไม่ทันเดิน มันก็เกิดความแตกแยกขึ้นมาเสียแล้ว

จากนั้นตัวผางเจิ้นจึงได้หยุดร่างลงก่อนจะสั่ง “พวกเรา หยุดก่อน!”

เมื่อเขาสั่ง คนทั้งหลายก็ย่อมจะทำตาม

ผางเจิ้นนั้นอย่างไรก็เป็นทายาทของเต๋าบรรพกาลสายฟ้า แม้ว่าจำแหน่งของเขาจะไม่สูงล้ำเท่าเย่หยวนแต่มันก็ถือว่าสูงล้ำหัวใครๆ!

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือครั้งนี้เขากล่าวได้ถูก!

เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายนั้นมาเพื่อฝึกฝน ไม่มีใครมาเพื่อตาย แต่เวลานี้แม่ทัพกลับกำลังจะพาพวกเขาเข้าไปตาย!

ผางเจิ้นนั้นกล่าวขึ้นมา “ขออภัยด้วยท่านนักบุญฟ้าคราม! มันมิใช่ว่าข้าผางเจิ้นรักตัวกลัวตาย แต่เพียงแค่ว่าการบัญชาทัพของท่านมันอันตรายจนเกินไป หากไปลึกกว่านี้เราคงถูกลอบโจมตีได้ง่ายๆ จากทัพบุตรเทวะนั้น! ท่านนั้นอยากช่วยคนของท่านข้าก็ย่อมจะไม่หยุดท่าน แต่ท่านจะให้คนไปตายเพราะท่านเช่นนี้ไม่ได้!”

เวลานี้แม้แต่ตัวว่านเจิ้นก็ยังหยุดลงกับผางเจิ้น “เย่หยวน หรือว่าตั้งแต่เจ้าเป็นนักบุญฟ้าครามมานี้เจ้าจะลืมวิธีรับฟังความเป็นคนไปแล้ว?”

คนทั้งหลายเองก็แสดงสีหน้าไม่ค่อยพอใจกับการกระทำของเย่หยวนออกมา

แต่เย่หยวนกลับตอบมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ข้าขอบคุณที่พวกเจ้าคิดถึงชีวิตของคนในกองทัพเรา! แต่ว่าข้าไม่ได้จะให้พวกเจ้าไปรนหาที่ตาย! ทัพบุตรเทวะนั้นมันหลบซ่อนอยู่ในป่าราวสามแสนกิโลเมตรจากนี้ไป! ข้านั้นจะพาพวกเจ้าไปลอบโจมตีพวกมัน ไม่ได้ให้พวกเจ้าไปถูกมันซุ่มโจมตี!”

……………..