บทที่ 1307 ผลคะแนนการทดสอบ

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,307 ผลคะแนนการทดสอบ

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

ชายฉกรรจ์แทบจะเป็นลมล้มพับไปบนพื้นหิน ในอ้อมแขนประคองกอดศพของศิษย์น้องร่างกายสั่นเทา เขาหันหน้ามองไปที่ใต้เท้าหมิงรั่วด้วยความโกรธแค้นและกล่าวว่า “ศิษย์น้องของข้าตายได้อย่างไร? รีบบอกข้ามาเดี๋ยวนี้ เขาตายได้อย่างไร?!”

ด้วยความโกรธแค้นที่กลืนกินสติสัมปชัญญะ ชายฉกรรจ์ผู้นี้จึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

“สามหาวนัก!”

ดวงตาของใต้เท้าหมิงรั่วเป็นประกายวาวโรจน์

ครืน!

วูบ!

มวลพลังมหาศาลแผ่กดดันบรรยากาศ แล้วลำแสงสีแดงเข้มสายหนึ่งก็พุ่งทะลวงหว่างคิ้วของชายฉกรรจ์ผู้โกรธแค้น

หากลำแสงสายนี้เป็นหอกเล่มหนึ่ง มันก็คงทะลุออกท้ายทอยของชายฉกรรจ์แล้ว

ชายฉกรรจ์ผู้โกรธแค้นถูกมวลพลังกดดันกดทับร่างกายจนทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้ชั่วคราว

ดวงตาของเขาเบิกกว้าง กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุก…

และในลมหายใจนั้นเอง…

วูบ!

ลำแสงกระบี่สาดประกาย

ขณะที่ชั่วพริบตากำแพงวายุปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา

พรึบ!

แล้วลำแสงสีแดงที่ส่องไปยังหน้าผากของชายฉกรรจ์ผู้โกรธแค้นก็หายวับไปในกำแพงวายุนั้น คล้ายกับว่าถูกเคลื่อนย้ายไปยังมิติอื่นก็ไม่ปาน

“หืม?”

ใต้เท้าหมิงรั่วอุทานออกมาเล็กน้อย มวลพลังที่เขาปลดปล่อยออกมาเมื่อสักครู่นี้ทำให้ผู้คนจำนวนมากในห้องโถงใหญ่หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

ดวงตาของใต้เท้าหมิงรั่วหันมาจ้องมองที่หลินเป่ยเฉิน

ควับ ควับ

ในเวลาเดียวกันนี้ สายตาอีกจำนวนนับไม่ถ้วนก็หันมาจ้องมองที่ใบหน้าของหลินเป่ยเฉินเช่นกัน

ทุกคนทราบดีว่ากำแพงวายุเช่นนี้เป็นวิชาประจำตัวของเจี๋ยนเซียวเหยา

เมื่อสักครู่เป็นเจี๋ยนเซียวเหยายื่นมือเข้าช่วยชีวิตชายฉกรรจ์ผู้โกรธแค้น

หลินเป่ยเฉินค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน

“เป็นเพราะเขากำลังเศร้าเสียใจมากเกินไป จึงพูดออกมาโดยไม่ยั้งคิด เหตุไฉนใต้เท้าจึงต้องถือสาหาความด้วย?”

หลินเป่ยเฉินไม่ได้อยากจะลงมือช่วยเหลือเลย

แต่ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุใด เมื่อเห็นชายฉกรรจ์ผู้โกรธแค้นนั้นโอบกอดศพของซวีเหิงไม่ยอมปล่อย หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกสะทกสะท้อนใจขึ้นมาอย่างประหลาด

ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินนึกถึงอาจารย์ฉู่เหินซึ่งหายตัวไปเนิ่นนานและเขาก็นึกถึงศิษย์พี่ฮันผู้หายสาบสูญไปเช่นกัน

วันหนึ่งหากคนเหล่านั้นตายกลายเป็นศพ เขาเองก็คงมีสภาพโกรธแค้นไม่แพ้ชายฉกรรจ์คนนี้

ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจึงลงมือช่วยเหลือ

ใต้เท้าหมิงรั่วชักสีหน้าอย่างไม่พอใจคำอธิบายของเด็กหนุ่ม

การช่วยเหลือคนที่เขาอยากฆ่า ถือเป็นการขัดคำสั่งเทพเจ้าอย่างหนึ่ง

“หากข้ายืนยันจะฆ่ามันล่ะ?”

ดวงตาของใต้เท้าหมิงรั่วทอประกายวาวโรจน์ด้วยความเหยียดหยาม

หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วและไม่พูดอะไร

แต่ในใจของเขาเกิดความโกรธแค้นอย่างไม่ทราบเหตุผล ความรู้สึกบางอย่างกำลังสั่งให้เขาก้าวเดินออกไปเผชิญหน้ากับใต้เท้าหมิงรั่ว

“น้องเจี๋ยน ท่านไม่ต้องช่วยข้าหรอก”

ทันใดนั้น ชายฉกรรจ์ผู้โกรธแค้นก็ได้สติกลับคืนมา เขาประคองศพของซวีเหิงอยู่ในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็ถือกระบี่ที่แตกหักของผู้เป็นศิษย์น้อง ลุกขึ้นยืนพร้อมกับกล่าวว่า “มีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องอธิบายให้เจ้าทราบ ตอนที่เจ้าสู้อยู่กับราชาหมาป่าศิลานั้น ศิษย์น้องของข้ามีเจตนาจะกลับไปช่วยเหลือเจ้า แต่เขากลับไปไม่ได้เพราะข้าใช้กระบี่แทงเขาจนได้รับบาดเจ็บ เพื่อขัดขวางไม่ให้เขากลับไปช่วยเหลือเจ้าตามที่ได้เคยลั่นวาจาไว้…”

หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตกตะลึงไปเล็กน้อย

เพื่อรักษาชีวิตของศิษย์น้อง จึงต้องแทงศิษย์น้องจนได้รับบาดเจ็บ?

ปรากฏว่าซวีเหิงมีเจตนาทำตามคำสัญญา คือกลับมาช่วยเหลือหลินเป่ยเฉินจริง ๆ

“ศิษย์น้องของข้าเป็นบุคคลที่ทำตามคำสัญญาเสมอ แม้เขาจะไม่เคยว่ากล่าวข้าที่ทำเช่นนั้น แต่ข้าก็รู้ว่าเขารู้สึกละอายใจอยู่เสมอและอยากจะหาโอกาสมาพูดคุยปรับความเข้าใจกับเจ้า… น่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว”

ชายฉกรรจ์ค้อมศีรษะลงแสดงความเคารพต่อหลินเป่ยเฉิน

หลังจากนั้น เขาก็หันกลับไปจ้องมองใต้เท้าหมิงรั่วด้วยความเกลียดชัง

“สาเหตุการตายของศิษย์น้องข้าไม่ชัดเจน นี่แสดงให้เห็นว่าหอคอยผู้พิชิตของท่านมีปัญหา รอให้กระบี่สวรรค์อาจารย์ของพวกเรารับทราบเรื่องนี้ก่อนเถอะ ท่านจะต้องมาแก้แค้นให้แก่ซวีเหิงแน่นอน แล้วหัวสุนัขของท่านก็จะต้องหลุดออกจากบ่า ท่านจะได้รู้ว่าความเจ็บปวดที่แท้จริงเป็นเช่นไร… ลงมือเถอะ”

ชายฉกรรจ์ผู้โกรธแค้นแผดเสียงคำรามดังกึกก้อง

เมื่อหลินเป่ยเฉินได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น เขาก็สัมผัสได้ทันทีว่าคลื่นพลังในอากาศเกิดความปั่นป่วนอย่างรุนแรง

ใต้เท้าหมิงรั่วกำลังหวาดกลัว

กระบี่สวรรค์… ชื่อนี้หรือคือสิ่งที่ทำให้ใต้เท้าหมิงรั่วหวาดกลัว?

คำถามใหญ่ปรากฏขึ้นในใจของหลินเป่ยเฉินทันที

“กระบี่สวรรค์เป็นผู้ใดกัน?”

พานตั่วชิงที่เงียบงันมาตลอดเวลาพลันก้าวออกมาข้างหน้าและหัวเราะเสียงดังลั่น “นี่ต้องโทษว่าเป็นความผิดของซวีเหิงเอง หลังจากที่หอคอยให้คะแนนเขาเพียงหนึ่งแต้ม เขาก็รีบโคจรพลังเพราะอยากจะได้คะแนนมากขึ้น… และนั่นจึงนำมาสู่การดีดสะท้อนของมวลพลังในหอคอย ร่างกายของเขาจึงกระดูกแตกหัก วิญญาณแตกสลาย นี่จะโทษว่าเป็นความผิดของใต้เท้าหมิงรั่วได้อย่างไร? เจ้าช่างยโสโอหัง สมควรตายเป็นหมื่น ๆ ครั้งนัก”

ชายฉกรรจ์ผู้โกรธแค้นแสยะยิ้มด้วยความดูแคลน “เฮอะ”

เขาขี้เกียจเกินกว่าจะพูดคุยกับพานตั่วชิง

“ไม่เป็นไร”

ใต้เท้าหมิงรั่วพลันถอนหายใจออกมา “ที่แท้ก็เป็นลูกศิษย์ของกระบี่สวรรค์เกาซัวนี่เอง เจ้ากลับไปเถอะ นำศพของเขากลับไปด้วย หากกระบี่สวรรค์ติดใจในความตายของซวีเหิงจริง ๆ ก็ให้เขามาที่นี่ได้ตลอดเวลา ข้าจะรอคอยอยู่เสมอ”

“ฮ่า ๆๆ…”

ชายฉกรรจ์ผู้โกรธแค้นระเบิดเสียงหัวเราะ

ก่อนยิ้มเหยียดหยามและอุ้มร่างไร้ชีวิตของซวีเหิงหมุนตัวเดินจากไป

ในห้องโถงใหญ่ตกอยู่ภายใต้ความเงียบงันอีกครั้ง

“ทุกท่านคงเห็นแล้วว่าการเข้ารับการตรวจวัดพลังนั้นมีอันตรายถึงชีวิต”

ใต้เท้าหมิงรั่วหันกลับมากวาดตามองกลุ่มคนในงานรื่นเริงและอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ต่อให้ไม่ตายก็มีโอกาสได้รับบาดเจ็บ… พวกท่านต่างก็เป็นผู้เข้าแข่งขันที่น่าจับตามอง หากคิดว่านี่คือสิ่งที่อันตรายเกินไป คิดถอนตัวตอนนี้ก็ไม่มีผู้ใดว่ากล่าวแล้ว…”

“ข้าจะลองดู”

เสียงคำรามดังขึ้น

เป็นบุรุษหนุ่มผู้ถือถ่อไม้ไผ่ลุกขึ้นยืน

เขาเป็นคนถ่อแพอยู่ในแม่น้ำใต้ดิน สภาพแวดล้อมอยู่ในความมืดมิด ปกติมักสื่อสารด้วยการตะโกน และการตะโกนของเขาจึงกลายเป็นการพูดคุยปกติ

ลำแสงสีแดงถูกยิงออกมาจากหอคอยผู้พิชิตและรัดพันร่างของบุรุษหนุ่มผู้นี้เข้าสู่ด้านใน

“บุคคลผู้นี้มีนามว่าฮั่วเซี่ย เป็นคนถ่อแพจากแม่น้ำใต้ดิน เพิ่งจะสร้างชื่อเสียงขึ้นมาเมื่อไม่นานนี้เอง”

นักบวชสาวเซียงเหยียนกระซิบบอกข้อมูลให้หลินเป่ยเฉินรับทราบ “ไม่มีผู้ใดทราบถึงที่มาที่ไปของเขา และไม่มีผู้ใดทราบอีกเช่นกันว่าเขาได้พลังวิเศษเหล่านั้นมาจากที่ใด”

พูดจบ

หอคอยผู้พิชิตก็สั่นสะเทือนเล็กน้อย ก่อนจะส่งคนถ่อแพกลับออกมา

บนร่างกายของเขาปราศจากรอยขีดข่วน เว้นแต่ถ่อไม้ไผ่ในมือที่มีควันสีเขียวลอยโขมงออกมาเท่านั้น

“คะแนนความแข็งแกร่งสิบแต้ม”

“ได้สิบคะแนนหรือนี่”

“เป็นคนแรกเลยนะที่ได้เลขสองหลัก…”

เสียงพูดคุยดังขึ้นในห้องโถงใหญ่ทันที

เมื่อหลินเป่ยเฉินหันไปมอง เขาก็เห็นว่ามาตรวัดคะแนนกำลังแสดงผลเป็นแสงสว่างสิบขีด

แต่เห็นได้ชัดว่าฮั่วเซี่ยมีลักษณะไม่พอใจ เขาเดินหน้าบึ้งปึงปังกลับไปนั่งรับประทานอาหารที่โต๊ะของตนเองด้วยความฉุนเฉียว

“ข้าอยากลองดูบ้าง”

“คนต่อไปต้องเป็นข้า”

“ฮ่า ๆๆ ของรางวัลต้องเป็นของข้าแล้ว”

หลังจากนั้น ก็มีผู้เข้าแข่งขันหลายสิบชีวิตที่ปรารถนาจะเข้าไปในหอคอยผู้พิชิต

แต่ผลคะแนนของพวกเขากลับออกมาเป็นเลขตัวเดียว

หลายคนเดินเข้าไปด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ แต่ก็ต้องกลับออกมาด้วยสีหน้าตกตะลึงและผิดหวัง

ครึ่งชั่วยามให้หลัง ยังคงไม่มีใครทำลายสถิติของฮั่วเซี่ยได้

“ให้ข้าจัดการเอง”

เจียงรั่วไป๋เดินเข้าสู่หอคอยผู้พิชิตด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ทันใดนั้น เกิดเสียงอุทานดังขึ้นไม่ขาดสาย

“สามสิบสี่คะแนน?”

“นางได้สามสิบสี่คะแนน…”

“เป็นคะแนนที่สูงที่สุดแล้ว”

“นางคือนักรบรุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดจริง ๆ ด้วย”

แม้แต่สาวรับใช้ที่นั่งอยู่ข้างกายหลินเป่ยเฉินอย่างเฟิงหลิงกับหลิวซู ก็ยังจ้องมองเจียงรั่วไป๋ด้วยดวงตาเป็นประกาย

เห็นได้ชัดว่าเจียงรั่วไป๋เป็นวีรสตรีประจำใจของสตรีเหล่านี้

หลังจากนั้น มีผู้คนเข้ารับการทดสอบอีกมากมาย

ผลการทดสอบออกมาแตกต่างกัน

แต่ไม่มีผู้ใดได้คะแนนมากไปกว่าเจียงรั่วไป๋

เด็กสาวผู้มีนามว่าหลี่อี้เทียน ซึ่งมีลักษณะเหมือนมี่หรู่หยานได้คะแนนยี่สิบเก้าแต้ม เป็นอันดับสองรองลงมาจากเจียงรั่วไป๋

เจ้าอ้วนก็เข้ารับการทดสอบเช่นกัน

เขาเดินกลับออกมาพร้อมกับห้าคะแนน

เจ้าอ้วนแก้เขินด้วยการรีบวิ่งกลับไปนั่งรับประทานอาหารกับเจ้ากิ้งก่ายักษ์ต่อไป

นักฆ่าแมวเหมียววัดได้ยี่สิบแปดคะแนน รั้งอยู่อันดับสาม

“ข้าขอลองดูบ้าง”

ในที่สุด นักบวชสาวเซียงเหยียนก็ลุกขึ้น

“ข้าเองก็เช่นกัน”

ฮันลั่วเซวี่ยกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้