บทที่ 1482 ชื่อเสียงโด่งดัง + ตอนที่ 1483 คราบนมของเหยียนหมิงซุ่น

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1482 ชื่อเสียงโด่งดัง + ตอนที่ 1483 คราบนมของเหยียนหมิงซุ่น Ink Stone_Romance

 

ตอนที่ 1482 ชื่อเสียงโด่งดัง

งานเลี้ยงต้อนรับเพิ่งจะจบลง ชื่อเสียงของเหมยเหมยก็ดั่งกระฉ่อนออกนอกมหาวิทยาลัยเมืองหลวงไปแล้ว ทุกคนในเมืองหลวงรู้กันหมดแล้วว่าในมหาวิทยาลัยเมืองหลวงมีดาวมหาวิทยาลัยที่ยอดเยี่ยมอยู่คนหนึ่ง ไม่ใช่แค่สวยเท่านั้น แต่ยังสามารถร้องเพลงและเต้นรำได้ อีกทั้งยังมีปัญญาเป็นเลิศเป็นนักเขียนที่เขียนหนังสือขายดีติดอันดับ

พูดได้ว่าสมบูรณ์แบบรอบด้าน

อีกทั้งยังเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของปรมาจารย์ด้านการเต้นไต้ผิ่นเหลียน นี่มันน่าทึ่งมาก

ถึงแม้ว่าคุณไต้ผิ่นเหลียนจะเกษียณอายุไปแล้วก็ตาม  แต่หลายคนก็ยังจำท่วงท่าของเธอได้ ถ้าพูดถึงการเต้นของฮวาเซี่ย แน่นอนว่าไต้ผิ่นเหลียนมาเป็นอันดับหนึ่งและไม่มีใครกล้าแข่งกับเธอ

ไม่เพียงแต่ทักษะการเต้นที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังเป็นเพราะความเสียสละที่เธอทำเพื่อส่งเสริมการเต้นรำของฮวาเซี่ย

คุณไต้ผิ่นเหลียนไม่แต่งงานตลอดชีวิต ไม่ใช่เพราะเธอไม่มีใครไล่ตามจีบ มีผู้ชายนับไม่ถ้วนไล่ตามจีบเธอแต่เธอปฏิเสธไปหมด ในหมู่มวลชายหนุ่มก็มีชายหนุ่มที่เธอรักอย่างสุดซึ้งเช่นกัน

แต่เพราะว่าเธอชอบเต้นรำมากกว่า ดังนั้นเธอจึงค่อนข้างปฏิเสธคนที่มีใจตรงกันอย่างโหดร้าย ตัดสินใจโสดตลอดชีวิตเพียงเพื่อให้ได้ใช้ชีวิตในวัยสาวของตัวเองอยู่บนเวทีต่อไป นอกจากนี้ยังทำเพื่อผลักดันการเต้นรำของฮวาเซี่ยให้ดีขึ้น นำการเต้นรำของฮวาเซี่ยเผยแพร่ไปทั่วโลก

คุณไต้ผิ่นเหลียนทำได้แล้ว เธอสร้างท่าเต้นมากมาย และกระแสตอบรับก็ดีทั้งในและต่างประเทศ จนกระทั่งเธอได้รับเชิญให้ไปตั้งถิ่นฐานที่ต่างประเทศด้วยมิตรภาพที่แน่นแฟ้น แต่คุณไต้ผิ่นเหลียนปฏิเสธไปหมด

เธอเพียงแค่ยินดีที่จะอยู่ที่มาตุภูมิของตัวเอง ไม่ยอมไปที่ไหนทั้งนั้น

ดังนั้นคุณไต้ผิ่นเหลียนจึงเป็นที่เคารพนับถือของคนทั้งโลก ไม่เพียงเพราะทักษะการเต้นที่ยอดเยี่ยมของเธอ แต่เป็นเพราะการวางตัวที่มีเสน่ห์ของเธอด้วย

การเต้นระบำกลองของเหมยเหมยในงานเลี้ยงต้อนรับ สถานีโทรทัศน์ใหญ่ของเมืองหลวงรีรันออกอากาศทั้งหมด ตามมาด้วยเมืองจินและสถานีโทรทัศน์หลักอื่น ๆก็นำมาออกอากาศเช่นกัน

เวลานี้ผู้คนถึงได้ประหลาดใจเมื่อพบว่า นักเขียนเจ้าหญิงอัปลักษณ์ที่พวกเขาชื่นชอบ คาดไม่ถึงว่าจะมีความสามารถหลายด้านเช่นนี้

เหมยเหมยคาดไม่ถึงว่าแค่เต้นระบำกลองในงานเลี้ยงต้อนรับชุดหนึ่ง หนังสือของเธอก็ทำยอดขายระลอกใหม่ได้อีก ร้านหนังสือรายใหญ่ต่างก็ขายหมดเกลี้ยง

หลินฮั่นเหวินก็เป็นคนฉลาด เขารู้สึกถึงความผิดปกติของยอดขายจึงสอบถามหาเหตุผลได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ได้รับวิดีโอจากเหยียนหมิงซุ่นเพื่อนำไปให้สถานีโทรทัศน์ของฮ่องกงออกอากาศโดยเฉพาะ ในปัจจุบันสำนักพิมพ์สตาร์มีความสัมพันธ์กับสถานีโทรทัศน์อย่างแน่นแฟ้น ดังนั้นการถ่ายทอดเทปบันทึกภาพของนักเขียนยอดนิยมจึงเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย

หลังงานเลี้ยงต้อนรับก็เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เหมยเหมยยังนอนแผ่อยู่บนเตียง มื้อกลางวันก็กินบนเตียงนั้นแหละ

นึกถึงเหยียนหมิงซุ่นที่ร้อนแรงราวกับไฟเมื่อคืนวาน เหมยเหมยก็โมโหจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน น่าอายจริง ๆให้ตายสิ

เมื่อคืนวานเหยียนหมิงซุ่นก็ไม่รู้ว่าเส้นประสาทส่วนไหนผิดปกติ ตัดกระโปรงใหม่ที่เธอไม่เคยใส่จนขาดวิ่นเหมือนผ้าขี้ริ้ว แล้วยังมาบังคับให้เธอเต้นอีก

แต่เต้นก็เต้นสิ พอเต้นได้ไม่ถึงห้านาทีก็…

ตรงหน้าของเหมยเหมยปรากฎภาพเหยียนหมิงซุ่นที่อดกลั้นไม่ไหวเมื่อคืนวาน แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเห็นเขาเสียการควบคุมขนาดนี้ เหมือนกับจะกลืนกินเธอเข้าไปเสียอย่างนั้น

เหมยเหมยนวดมือที่ปวดเมื่อย หน้าตาเต็มไปด้วยอารมณ์รักของวัยหนุ่มสาว มีความงามของสาววัยแรกแย้มและยังมีความน่ารักไร้เดียงสาของสาววัยใส ทำให้คนละสายตาไปไม่ได้เลย

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ป้าฟางเอาโทรศัพท์มาที่ห้องของเหมยเหมย เป็นหลินฮั่นเหวินโทรมา

“ไปจัดงานแจกลายเซ็นที่ฮ่องกง?” เหมยเหมยพึมพำกับตัวเอง

ปีที่แล้วหลินฮั่นเหวินก็เสนอคำขอร้องนี้ขึ้นมา แต่เพราะเธอวุ่นวายอยู่กับการเรียนจึงปฏิเสธไป

“เหมยเหมยเธอเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ สำนักพิมพ์ของพวกเราจะโดนแฟนคลับของเธอถล่มตายอยู่แล้ว ทุกวันมีแต่คนไล่ตามฉันและถามฉันว่า เธอจะไปฮ่องกงเมื่อไหร่ หากเธอยังไม่มาอีก ฉันจะไม่กล้ากลับบ้านแล้วนะ”

หลินฮั่นเหวินพูดเกินจริง อันที่จริงเขาก็ไม่ได้พูดเกินจริงไป หลังจากที่วิดีโอการเต้นรำของเหมยเหมยออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ฮ่องกงก็มีชื่อเสียงไม่น้อยไปกว่าดารายอดนิยมเลย

และที่สำคัญที่สุดคือพ่อแม่ผู้ปกครองไม่เห็นด้วยกับการที่ลูก ๆของพวกเขาไล่ตามดารา แต่กลับสนับสนุนให้เด็ก ๆชอบเหมยเหมย เพราะพ่อแม่เหล่านี้รู้สึกว่าเหมยเหมยเป็นตัวแทนของพลังบวก หากบุตรหลานของพวกเขาสามารถเรียนรู้ถึงความสามารถของเหมยเหมยได้สักหนึ่งในสิบ ต่อให้เป็นความฝันพวกเขาก็ปลื้มปริ่มหัวใจแล้ว

…………………………………………..

ตอนที่ 1483 คราบนมของเหยียนหมิงซุ่น

เหมยเหมยไม่ตอบรับในทันที ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากไปฮ่องกงแต่มันไม่มีเวลาจริง ๆ กำหนดการตลอดปีนี้จัดไว้อย่างดีจนเต็มแล้ว ต่อให้เธอจะตอบตกลงหลินฮั่นเหวินก็ไม่มีเวลาเจียดให้ได้เลย

“ใช้เวลาไม่นานเท่าไรหรอก ขอแค่สามวัน เธออยู่ฮ่องกงหนึ่งวัน เผื่อล่าช้าระหว่างทางอีกหนึ่งวัน ส่วนอีกวันเตรียมไว้เผื่อเหตุฉุกเฉิน อย่างมากแค่สามวันเอง”

หลินฮั่นเหวินทุ่มเทอย่างสุดความสามารถ แน่นอนว่าเขาก็มีเจตนาที่เห็นแก่ตัว

ระยะนี้เขาเพิ่งได้เดินในเส้นทางรัก โสดมาเกือบค่อนชีวิต ในที่สุดกามเทพก็นึกถึงเขาเสียที จุดประกายความรักกับผู้กำกับคนสวยของสถานีโทรทัศน์

ความรักก็คือความรัก การงานก็สำคัญเช่นกัน แฟนของหลินฮั่นเหวินสนใจเรื่องของเหมยเหมยมาก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้สัมภาษณ์เธอ หลินฮั่นเหวินเข้าใจนิสัยของเหมยเหมยดี รู้ว่าเธอไม่เคยอยากเด่นอยากดัง

ดังนั้นจึงไม่ได้พูดถึงความหมายของแฟนสาวไปโดยตรงแต่พูดอ้อมโลก คิดว่าจะให้เหมยเหมยตอบตกลงเรื่องงานแจกลายเซ็นก่อน หลังจากนั้นค่อยพูดถึงเรื่องที่สถานีโทรทัศน์ต้องการอย่างนิ่มนวล

เพื่อความรักแล้ว เขาจะโกหกคนเป็นครั้งแรกก็ได้!

แน่นอนถ้าหากเหมยเหมยปฏิเสธไม่ยอมรับคำขอสัมภาษณ์ของสถานีโทรทัศน์อย่างเด็ดขาด เขาก็จะไม่ฝืน

ในจุดของหลักการเหตุผลก็ต้องมีเช่นกัน

เหมยเหมยคิดแล้วคิดอีกก็พูดว่า “ฉันขอดูกำหนดการก่อน หากถึงเวลานั้นสามารถหาเวลาได้ ฉันจะติดต่อคุณอีกครั้งนะคะ”

“ได้ จะรอข่าวดีนะ!”

หลินฮั่นเหวินดีใจมาก เขารู้ว่าถ้าเหมยเหมยพูดแบบนี้ ส่วนใหญ่ก็คือตกลงเรียบร้อยแล้ว

หลังวางสายโทรศัพท์ไป เหมยเหมยก็ไม่ได้ลุกจากเตียง แต่กลับฟุบอยู่บนเตียงครุ่นคิดกำหนดการครึ่งปีหลัง

อีกครึ่งเดือนก็จะเป็นนิทรรศการภาพวาดของคุณปู่ อย่างน้อยก็ต้องยุ่งจนถึงสิ้นเดือน ในเดือนธันวาคมลูกม้าตัวน้อยของบ้านฉีฉีเก๋อเกิด เธอและเหยียนหมิงซุ่นต้องไปดูม้าน้อยที่ทุ่งหญ้า ไม่แน่ว่าอาจจะอยู่เที่ยวที่นั่นอีกหลายวัน

หากไปฮ่องกงคงได้ช่วงปิดเทอมฤดูหนาวแล้ว เดิมทีสัญญาว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเหยียนหมิงซุ่นในช่วงปิดเทอมฤดูหนาว ตอนกลางคืนคงต้องพูดเกลี้ยกล่อมให้เขาผ่อนปรนสักหน่อย

ผลสุดท้าย…

ค่ำคืนนี้เหมยเหมยไม่สามารถลุกขึ้นจากเตียงได้ หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าขอลาหยุดจะโดนคนหัวเราะเยาะล่ะก็ เธอไม่อยากจะไปเรียนด้วยซ้ำ

“ต้องโทษพี่เลย…ขาฉันอ่อนไปหมดแล้ว…”

เหมยเหมยหมั่นไส้จนกัดลงไปที่หน้าอกกำยำของใครบางคนอย่างแรง แข็งหยั่งกับหิน ส่วนใครบางคนกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรสักนิดแต่ฟันของเธอต่างหากที่เจ็บแทน

มือใหญ่ของเหยียนหมิงซุ่นยังคงนวดตัวเธอไม่หยุด เพื่อคลายกล้ามเนื้อและการไหลเวียนของเลือด หัวเราะเบา ๆแล้วพูดว่า “เมื่อคืนใครเป็นคนเริ่มก่อนกัน?”

เหมยเหมยมุดหน้าลงในอ้อมแขนของใครบางคนด้วยความเขินอาย เมื่อคืนเธอก็แค่ฮึกเหิมขึ้นมาหน่อยเอง…

แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าหมอนี่จะไร้ความปรานีกันล่ะ?

ปกติเย็นชาหยั่งกับน้ำแข็งเสียอย่างนั้น แต่พอขึ้นเตียงดันกลายเป็นสัตว์ร้าย ไม่ว่าจะเลี้ยงมันอย่างไรก็ไม่เชื่องสักที!

เหยียนหมิงซุ่นก้มมองร่างเล็กที่เหนียมอายในอ้อมแขนของเขา หัวใจก็พลันอ่อนยวบราวกับสายน้ำไหล ไม่เคยรู้สึกมีความสุขเท่าตอนนี้มาก่อน อิ่มเอมไปทั้งหัวใจเลย

“อีกไม่กี่วันโฮ่วเซิ่งหนานก็จะไปจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวงแล้ว จะไม่มารบกวนเธออีก”

เดิมทีเหยียนหมิงซุ่นคิดจะบอกภรรยาสาวของตนเองตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้ว แต่บอกไม่ทันเพราะรีบไปทำธุระอื่นเสียก่อน

เหมยเหมยดีใจจนเงยหน้าขึ้นมา หอมแก้มเหยียนหมิงซุ่นแรง ๆทีหนึ่ง “ขอบคุณค่ะ…สามี…”

วัตถุส่วนล่างด้านหน้าของเหยียนหมิงซุ่นกระตุกขึ้น ตาประกายวิบวับ แต่พอเห็นรอยฟกช้ำตามร่างกายของเหมยเหมย เพลิงไฟเร่าร้อนนั้นก็ได้ระงับลงในทันที

เมื่อคืนวานก็ทำกันเกินไปจริง ๆ พักสักสองสามวันแล้วกัน ต้องค่อย ๆกินช้า ๆจะเขมือบกินให้หมดในคราวเดียวไม่ได้

เหมยเหมยยังไม่รู้ เมื่อครู่เธอรอดตัวได้อีกครั้ง ไม่งั้นวันนี้เธออย่าได้หวังจะไปเรียนเลย

ถือโอกาสตอนทานอาหารเช้า เหมยเหมยเอ่ยถึงการเดินทางไปฮ่องกงอีกครั้ง เหยียนหมิงซุ่นครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จึงพูดว่า “ไปช่วงปิดเทอมฤดูหนาวแล้วกัน ถึงเวลานั้นพี่ค่อยจัดตารางเวลา เราไปด้วยกัน จะได้ถือโอกาสซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับให้เธอด้วย”

“ขอบคุณพี่หมิงซุ่น!”

เหมยเหมยดีใจจนยิ้มแฉ่งจึงไม่ทันได้สนใจป้าฟางข้าง ๆ หอมแก้มเหยียนหมิงซุ่นไปทีหนึ่ง มีรอยคราบนมสีขาวเป็นวงกลม ทำให้ความเย็นชาบนใบหน้าของเขาอ่อนลง ดูอ่อนโยนขึ้นมาก

…………………………………………..