บทที่ 2066 คนระยำ

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้อึ้งไป แล้วก็เงียบไปอีก ที่หยางชิ่งแนะนำมีเหตุผลจริงๆ แต่เขากลับอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้ายิ้มเจื่อน ในปีนั้นด่าอิ๋งจิ่วกวงว่าขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ นึกไม่ถึงว่าวันนี้ตัวเองจะต้องทำเรื่องประเภทเดียวกัน ทำได้เพียงถอนหายใจแล้วบอกหยางเจาชิงว่า “เจ้าให้สวีถังหรานไปจัดการ เรื่องนี้เขาน่าจะชำนาญ!”

“ขอรับ!” หยางเจาชิงเอ่ยรับ แต่ในใจกลับอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำ เวลาจะทำเรื่องไร้คุณธรรม ท่านอ๋องมักนึกถึงสวีถังหราน แต่สวีถังหรานก็ไม่เคยทำให้ท่านอ๋องผิดหวังเช่นกัน พอได้ทำเรื่องไร้คุณธรรมก็ทำได้อย่างแม่นยำตรงจุด เป็นบุคลากรที่มีฝีมือด้านนี้จริงๆ กอปรกับหนังหน้าหนาด้าน ทำให้คนอื่นละอายที่สู้ไม่ได้

เมื่อออกจากจวนท่านอ๋องแล้ว สวีถังหรานก็กลับมาที่บ้านตัวเองอย่างกลัดกลุ้ม

เสวี่ยหลิงหลงที่ออกมาต้อนรับอดไม่ได้ที่จะถาม “เป็นอะไรไป? หรือว่าผู้การใหญ่วังสวรรค์ไม่ได้มาเพื่อประกาศคำสั่งแต่งตั้งให้ผู้ตรวจการใหญ่?”

สวีถังหรานถอนหายใจ “ใช่ที่ไหนล่ะ เจ้ายังไม่รู้ถึงความสามารถของผู้ตรวจการใหญ่อีกเหรอ? กำหนดไว้แล้ว ตอนนี้ผู้ตรวจการใหญ่เป็นท่านอ๋องแล้ว เป็นอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้แบบของแท้สมราคา! ต่อไปเวลาเจอผู้ตรวจการใหญ่ต้องเปลี่ยนคำเรียกเป็นท่านอ๋อง เวลาเจอฮูหยินก็ต้องเรียกหวังเฟย!”

“เป็นเรื่องดีนี่! แล้วเจ้าทำไมดูกลุ้มใจอย่างนั้นล่ะ?” เสวี่ยหลิงหลงประหลาดใจ

“ถ้าพูดถึงการคุมทัพ ข้าสู้รคนอื่นไม่ได้ ถ้าพูดถึงวรยุทธ์ ใต้บังคับบัญชาท่านอ๋องก็มียอดฝีมือมากมายดุจเมฆบนฟ้า ถ้าพูดถึงความสามารถ…เรื่องเล็กน้อยที่ข้าทำไม่อาจนำมาโอ้อวดอย่างเปิดเผยได้เลย เฮ้อ! ครั้งนี้ทัพใต้มีตำแหน่งว่าง จะต้องมีการปรับปรุงครั้งใหญ่แน่นอน ไม่รู้ว่าท่านอ๋องจะเตรียมการให้ข้ายังไง” สวีถังหรานกล่าวอย่างสิ้นหวังเล็กน้อย

เสวี่ยหลิงหลงเข้าใจแล้ว ที่แท้ก็วิตกกังวลกับผลได้ผลเสียเพราะเรื่องนี้นี่เอง ผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว นางเองก็รู้จักเขาดีแล้วเช่นกัน รู้ว่านี่คือเรื่องที่เขาใส่ใจมากที่สุด เพราะก้าวตามผู้ตรวจการใหญ่มาตลอด ตอนนี้จู่ๆ ผู้ตรวจการใหญ่กลายเป็นท่านอ๋อง ระยะห่างนี้เกรงว่าคงอาศัยการประจบสอพลอท่านอ๋องมาเติมช่องว่างไม่ได้ เกรงว่าคงต้องทิ้งระยะห่างกันอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ข้าต้องติดต่อฮูหยินอีกสักหน่อยดีไหม…ติดต่อหวังเฟยสักหน่อย ให้หวังเฟยช่วยพูดให้?” เสวี่ยหลิงหลงลองถาม

“เฮ้อ!” สวีถังหรานสาย่หน้า “หวังเฟยเห็นหน้ายิ้มๆ รับแขก แต่ความจริงแล้วเป็นคนเฉียบแหลม ตอนนี้เป็นช่วงที่ท่านอ๋องกำลังสร้างสมดุลด้านผลประโยชน์ให้ฝ่ายต่างๆ ในทัพใต้ หวังเฟยรู้อยู่แจ่มแจ้ง เกรงว่าคงไม่เข้ามายุ่งเรื่องนี้ง่ายๆ”

เสวี่ยหลิงหลงกลับไม่กังวล “ท่านอ๋องไม่ได้ขดาความยุติธรรมกับเขา ตามที่ข้าเห็น ตราบใดที่ทำงานของตัวเองดี เรื่องอื่นท่านอ๋องก็ย่อมพิจารณาเอง”

“ความคิดอ่านของสตรี!” สวีถังหรานหงุดคิด “เจ้าจะเข้าใจอะไรล่ะ? คนเราหากไม่ตรองการไกล ความยุ่งยากใจก็จะใกล้เข้ามา”

พูดถึงอะไรกับอะไรน่ะ? เสวี่ยหลิงหลงทั้งโมโหทั้งอยากขำ ตอบซ้ำๆ ว่า “ใช่ๆๆ ข้ามันมีความคิดอ่านแบบสตรี พอใจหรือยัง?” พูดจบก็กลอกตามองบน

ระหว่างทั้งสองเงียบไปครู่หนึ่ง สวีถังหรานจ้องบนท้องเสวี่ยหลิงหลง แล้วกลอกลูกตาไปมา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

เมื่อเห็นว่าจ้องนานแล้ว เสวี่ยหลิงหลงก็รู้สึกแปลกๆ เอามือมาบังท้องอย่างรู้สึกอึดอัด “เป็นอะไรไปอีก?”

“หลิงหลง พวกเรามีลูกสาวสักคนเถอะ” จู่ๆ สวีถังหรานก็พูดขึ้นมา

“เอ่อ…” เสวี่ยหลิงหลงงุนงง “หมายความว่ายังไง? เจ้าบอกว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลามีลูกไม่ใช่เหรอ?”

“ลูกสาวใช้เวลาไม่นานก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว อาศัยความสัมพันธ์ระหว่างบ้านเรากับท่านอ๋อง ถ้ามีลูกสาวอีกสักคนแต่งงานกับท่านอ๋อง แบบนั้นจะเป็นญาติกันแล้ว ต่อไปท่านอ๋องจะต้อง…” สวีถังหรานกล่าวเหมือนขอความเห็น

ยังพูดไม่ทันจบ เสวี่ยหลิงหลงก็ยืนขึ้นพร้อมสีหน้าตกใจ ก้าวเข้ามาหยิกสวีถังหรานอย่างโมโห “เจ้านี่ช่างคิดได้เนอะ เพื่อจะไต่เต้า ไม่น่าเชื่อว่าจะนำภัยมาให้ลูกสาวตัวเอง ปกติข้าก็กังวลอยู่แล้วว่าสนิทกับเฟยหงจะทำให้หวังเฟยไม่พอใจหรือเปล่า ตอนนี้ยังคิดจะโยนลูกสาวเข้ากองไฟอีก เจ้าอยากแตกคอกับหวังเฟยหรือไง?”

สวีถังหรานที่โดนหยิกจนแยกเขี้ยวยิงฟันเข้าใจกระจ่างว่าตัวเองคิดผิด ก็เพราะตัวเองกับจวนท่านอ๋องมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดี ถ้าให้ลูกสาวแต่งงานกับท่านอ๋องจริงๆ หวังเฟยจะไม่กังวลหรอกหรือว่าเขามีเจตนาแอบแฝง จึงกล่าวยอมรับผิดซ้ำๆ “ฮูหยินปรานีด้วย สามีเลอะเลือน สามีสำนึกผิดแล้ว!”

เมื่อเห็นเขายอมรับผิด เสวี่ยหลิงหลงถึงได้หยุดมืออย่างกะหืดกระหอบ แต่รออีกสักพัก เห็นสวีถังหรานมีสีหน้าหดหู่ อีก นางก็อดไม่ได้ที่จะปวดใจ รู้ว่าเขาคิดจะไต่เต้าก็เพื่อครอบครัว นางกลอกตาแล้วหันตัวเข้าไปซุกในอ้อมกอดเขาอีก นั่งบนตักเขา เขามือคล้องคอ ใช้เรือนร่างอ้อนแอ้นคลอเคลียบนร่างเขา มือล้วงลงไปด้านล่าง เป็นฝ่ายยั่วยวนก่อน หวังจะคลายความกลัดกลุ้มให้เขา

เป็นอย่างที่คาดไว้ สวีถังหรานโดนนางยั่วจนไฟติด กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเข้าไปในห้องนอน ฉีกเสื้อผ้าทิ้งบนพื้นตลอดทาง พอไปถึงเตียงทั้งสองก็เปลือยเปล่าแล้ว

ใครจะคิดว่าพอถึงช่วงเวลาสำคัญ สวีถังหรานก็หยุดไปกะทันหัน ในมือหยิบระฆังดาราออกมา หลังจากติดต่อกันแล้ว เขาก็เก็บระฆังดาราแล้วรีบลุกขึ้น ทำท่าเหมือนจะออกไปทำงาน เสวี่ยหลิงหลงที่ถูกกระตุ้นจนหอบหายใจไม่อยากปล่อยเขาไป เอาสองมือคล้องคอเขาไว้ ช้อนสายตามองพร้อมอ้อนว่า “นายท่าน งานในบ้านก็สำคัญนะคะ”

“หยางเจาชิงนัดเจอข้า” สวีถังหรานกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

“ทำงานบ้านให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปก็ยังไม่สายนะคะ” เสวี่ยหลิงหลงออดอ้อนไม่หยุด เผยอปากแดงสวย

“ไม่แน่ว่าท่านอ๋องอาจมีงานให้ เดี๋ยวกลับมาค่อยปรนนิบัติฮูหยิน” สวีถังหรานผลักนางให้ลุกขึ้น รีบใส่เสื้อผ้า ท่าทางร้อนรนมาก รีบวิ่งออกไปนอกห้องแล้ว

“คนระยำ!” เสวี่ยหลิงหลงตะคอกด่า โดนยั่วโมโหแทบตายอยู่แล้ว คว้าหมอนทุ่มออกไปข้างนอก กระแทกหลังสวีถังหราน แต่สวีถังหรานไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ทำได้เพียงดึงผ้าแพรขึ้นมาปกป้องเรือนร่างเย้ายวนเหมือนทิวทัศน์ฤดุใบไม้ผลิ แล้วนอนมองเพดานอย่างกะฟัดกระเฟียด

นัดเจอกันที่ประตูจวนท่านอ๋อง สวีถังหรานที่รออยู่นอกประตูเดินไปเดินมาอยู่พักหนึ่งกว่าหยางเจาชิงจะออกมา เขาเดินเข้าไปหาทันที เจียดรอยยิ้มพร้อมถามว่า “พ่อบ้านหยางมีอะไรจะกำชับ?”

หยางเจาชิงกลับมองแก้มเขาอย่างอึ้งๆ ยื่นมือชี้เขาอยู่นานกว่าจะเอ่ยถาม “หยางไปขัดจังหวะเรื่องดีๆ ของนายท่านหยางหรือเปล่า?”

“เอ่อ…” สวีถังหรานอึ้งนิดหน่อย แล้วหยิบกระจกขึ้นมาส่อง เห็นบนแก้มมีรอยริมฝีปากของเสวี่ยหลิงหลงทิ้งไว้ อดไม่ได้ที่จะปาดเหงื่อด้วยความอับอาย เพราะรีบร้อนเกินไปจึงไม่ได้สนใจ จึงรีบเอามือเช็ดหน้าซ้ำๆ ลดรอยออกเร็วมาก แล้วยิ้มเข้าสู้ “ให้พ่อบ้านหยางเห็นเรื่องน่าขำแล้ว เออใช่ มีเรื่องอะไรจะกำชับ?”

หยางเจาชิงยิ้มพร้อมยื่นมือเชิญ พอทั้งสองเดินเคียงกันออกไปไกลแล้ว เขาถึงได้ถ่ายทอดเสียงบอกว่า “ท่านอ๋องเพิ่งจะกำชับเรื่องเรื่องหนึ่ง เลือกให้นายท่านสวีไปจัดการ”

สวีถังหรานทำสีหน้าจริงจังทันที พยักหน้าซ้ำๆ “ดี พ่อบ้านหยางกำชับมาได้เลย”

หยางเจาชิงบอกว่า “ตอนนี้ท่านอ๋องคุมทัพใต้ ไม่เหมือนในอดีตแล้ว ถ้าถูกปิดข่าวก็อาจจะทำให้งานใหญ่ล่าช้า ดังนั้นเรื่องบางเรื่องคงต้องจำใจ ยกตัวอย่างเช่นจะได้รับข่าวจากวังสวรรค์ทันเวลาหรือเปล่า ดังนั้นจึงต้องคิดหาทางแทรกคนของพวกเราไปไว้ที่วังสวรรค์”

ตอนที่สวีถังหรานพยักหน้า ก็ถามอย่างสงสัยว่า “จะให้ข้าไปวังสวรรค์เหรอ?”

“เจ้า? ถ้าเจ้าจะไปวังสวรรค์ก็ต้องถูกรสนิยมของประมุขชิงด้วย!” หยางเจาชิงมองประเมินเขาศีรษะจดเท้า แล้วเตือนว่า “วังหลัง!”

สวีถังหรานกระจ่างทันที ถามว่า “ต้องการจะส่งสนมเข้าวังเหรอ?”

“นายท่านสวีเป็นคนฉลาดหลักแหลมอย่างที่คาดไว้ พอชี้แนะก็กระจ่างเลย ใช่แล้วล่ะ หายอดหญิงงามที่สามารถใช้งานได้” หยางเจาชิงกล่าว

สวีถังหรานรับประกันทันที “พ่อบ้านหยางไปบอกให้ท่านอ๋องวางใจได้ เป็นยอดหญิงงามแน่นอน ไม่ให้บกพร่องแม้แต่น้อย มีแต่จะดีกว่า!”

หยางเจาชิงส่ายหน้า “ไม่ใช่แค่สวยมาก พวกเราล้วนเคยอยู่ที่อุทยานหลวงมาก่อน คงจะรู้เรื่องราวสกปรกของวังหลัง ไม่ใช่แค่ต้องสวยและช่วงชิงความโปรดปรานเก่ง ต้องมีไหวพริบด้วย สามารถยืนหยัดอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ปัดแข้งปัดขากันอย่างหวังหลังได้ สามารถสืบข่าวได้ทันเวลา ที่สำคัญที่สุดก็คือต้องเชื่อฟังพวกเรา อย่าให้ถูกคนอื่นควบคุม ถ้าจะเติมเต็มเงื่อนไขพวกนี้พร้อมกันนั้นไม่ง่ายเลย ไม่ทราบว่านายท่านสวีรู้สึกว่ายากหรือเปล่า?”

สวีถังหรานไม่พูดพร่ำทำเพลง ตบอกรับประกันทันที “จะไม่ให้เกิดอุปสรรคกับงานใหญ่ของท่านอ๋องแน่นอน!”

“ดี! ข้าจะไปตอบท่านอ๋องแบบนี้!” หยางเจาชิงพยักหน้ายิ้ม

รับปากอย่างรวดเร็วง่ายดาบ แต่พอลองคิดอีกที ก็พบว่าเรื่องนี้ยากเย็นจริงๆ ตัวเองรับปากเร็วเกินไปหน่อยหรือเปล่า? ผู้หญิงสวยนั้นหาง่าย แต่ผู้หญิงสวยไม่ค่อยมีสมอง คนที่ทั้งสวยทั้งมีสมองจริงๆ ก็ยิ่งหายาก สวีถังหรานจึงกลับบ้านอย่างคำคาญใจ

เสวี่ยหลิงหลงที่นอนอยู่บนเตียงเห็นสวีถังหรานกลับมาไว ยังนึกว่าเป็นเพราะเขารีบกลับมาปรนนิบัติตัวเอง อดไม่ได้ที่จะทำสายตาหยาดเยิ้ม นอนในท่ายั่วยวนเฝ้าคอย

ใครจะคิดว่าสวีถังหรานจะไม่คิดเรื่องนี้เลย ลืมเรื่องที่นัวเนียกันก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อเห็นนางนอนอยู่อย่างนั้น ก็ยังถามอย่างแปลกใจว่า “กลางวันแสกๆ มานอนขี้เกียจได้ยังไง?” เขาส่ายหน้า แล้วหันตัวเดินออกจากห้องด้วยสีหน้าครุ่นคิด

เสวี่ยหลิงหลงที่กำลังเตรียมจะเปิดผ้าห่มงงเป็นไก่ตาแตกทันที ไฟโกรธลุกพรึ่บพรั่บในชั่วพริบตาเดียว ทำได้แค่โยนหมอนทุ่มออกไป นางแค้นผู้ชายคนนี้นัก ในปีนั้นพอเห็นนางก็ตาค้าง ถึงขั้นทำทุกวิถีทางโดยไม่สนศีลธรรมเพื่อให้ได้นางมา ตอนนี้ตาบอดแล้ว…

ดาวเกาะคราม ปากถ้ำริมหน้าผา พระปีศาจหนานโปยืนพิงระเบียงทอดสายตามองไปไกล พร้อมถามเสียงเรียบว่า “เป็นเรื่องจริงแล้วเหรอ?”

จั่วเอ๋อร์ที่อยู่ข้างหลังตอบว่า “ใช่ค่ะ คำสั่งแต่งตั้งอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้มาถึงมือเขาแล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เป็นจริงแล้ว”

“น่าสนใจ…” หนานโปแสยะยิ้ม เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเหมียวอี้จะสร้างความเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ โดยเฉพาะหลังจากรู้ถึงวิธีการปลุกปั่นสถานการณ์เหมือนคว่ำเมฆพลิกฝน แม้แต่เขาเองก็เริ่มรู้สึกกลัวแล้วนิดหน่อย

ตอนนี้เขาเริ่มตระหนักได้ สงสัยว่าตัวเองโดนเหมียวอี้ปั่นหัวแล้วหรือเปล่า สงสัยว่าเหมียวอี้กำลังจะทำงานใหญ่ กลัวเขาจะไปหาเรื่อง เลยจงใจหาเรื่องให้เขาทำนิดหน่อย กันเขาออกไปเรื่องนี้ ตอนนี้เหมียวอี้มีอำนาจมหาศาลอยู่ในมือ แม้แต่ประมุขชิงก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ถ้าจะขู่เหมียวอี้ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ผล แต่ว่าผลที่ได้อ่อนลงมากแล้ว

หารู้ไม่ว่าเหมียวอี้ยังมีความหวังกับเขาอยู่บ้าง ถ้าเขาหาคนเจอก็ยิ่งดี ถ้าหาไม่เจอเหมียวอี้ก็มีแผนสำรองอีกอย่าง แต่สร้างเรื่องใหญ่โตขนาดนี้แล้วก็กลัวพระปีศาจจะก่อกวน ย่อมต้องกันเขาออกไปก่อน

จั่วเอ๋อร์กล่าวอย่างไม่แน่ใจ “เรื่องนี้มีเงื่อนงำนิดหน่อย ตระกูลเซี่ยโห้วออกแรงช่วยมากขนาดนั้น พอมาดูตอนนี้แล้ว ด้านต่างๆ ของทัพใต้สงบลงเร็วมาก ไม่เกิดอุปสรรคใดๆ เป็นตระกูลเซี่ยโห้วที่คอยสนับสนุนแน่นอน ก่อนหน้านี้ไม่มีเค้าลางอะไร อยู่ดีๆ ตระกูลเซี่ยโห้วจะทุ่มกำลังมากขนาดนี้เพื่อช่วยหนิวโหย่วเต๋อโค่นล่มฮ่าวเต๋อฟางเหรอ? ข้าคิดไม่ตกจริงๆ”

หนานโปหันขวับ “เจ้าแน่ใจนะว่าที่ตระกูลเซี่ยโห้วช่วยหนิวโหย่วเต๋อครั้งนี้ไม่ปกติ ดูมีเงื่อนงำมาก?”

“ไม่ปกติแน่นอน ไม่ว่าฮ่าวเต๋อฟางจะเป็นอ๋องหรือหนิวโหย่วเต๋อจะเป็นอ๋อง ก็ไม่มีผลอะไรเลยสำหรับตระกูลเซี่ยโห้ว อีกทั้งการช่วยหนิวโหย่วเต๋อครั้งนี้ก็ทำให้สายลับตระกูลเซี่ยโห้วถูกเปิดโปงแล้วไม่น้อย ราคาที่จ่ายไม่ใช่น้อยๆ จ่ายเยอะขนาดนี้เพื่อสนับสนุนให้หนิวโหย่วเต๋อขึ้นตำแหน่ง จะคุ้มเหรอ?” จั่วเอ๋อร์ถาม

หนานโปเบิกตากว้างทันที!

……………