บทที่ 1309 เงื่อนไขการเดิมพัน

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,309 เงื่อนไขการเดิมพัน

บรรยากาศที่เงียบสงัดถูกทำลายลงด้วยเสียงอุทานดังอื้ออึง

เพราะว่าจุ่ยถููวัดความแข็งแกร่งได้ถึงหกสิบห้าคะแนน

คะแนนสูงกว่าฮันลั่วเซวี่ยถึงยี่สิบแต้ม

ความแข็งแกร่งของนักรบกอริลล่าทำให้ทุกคนตกตะลึง

คะแนนสูงมากเกินไป

สูงจนน่าเหลือเชื่อ

“เหตุไฉนคนบาปจึงได้มีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้?”

“นี่หมายความว่าเขาคู่ควรกับของรางวัลประจำค่ำคืนนี้มากที่สุดแล้วหรือ?”

“เจ้าคนบาปเล่นลูกไม้ใดอยู่หรือไม่?”

“จับตัวมันมาทรมานดีกว่า”

ผู้เข้าแข่งขันจำนวนมากที่วัดพลังออกมาได้เลขตัวเดียวต่างก็ส่งเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ

พวกเขาจ้องมองไปที่จุ่ยถููราวกับมีบางอย่างผิดปกติ

สถานะคนบาปต่ำเตี้ยเรี่ยดิน มีค่าเพียงเป็นคนส่งอาหารให้แก่เทพเจ้าเท่านั้น แต่บัดนี้ คนบาปนามจุ่ยถููกลับวัดพลังออกมาว่ามีความเหมาะสมที่จะได้ครอบครองหมวกเหล็กอมตะและคัมภีร์ไพรีดารารายมากที่สุด เพราะฉะนั้น นี่จึงเป็นเรื่องที่ผู้คนรับไม่ได้

“ฮ่า ๆๆ ประเสริฐ ประเสริฐที่สุด”

ชายฉกรรจ์นามเซวี่ยอี้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ “ในที่สุด เจ้าคนบาปผู้ต่ำต้อยก็ตอบแทนข้าวสุกที่พวกเราเลี้ยงดูมันสักที ข้าเชื่อว่าท่านเทพแห่งเหมืองแร่จะต้องมีความสุขแน่นอนเมื่อได้รับของรางวัลทั้งสองชิ้นนั้น”

เมื่อคนบาปชนะได้ของรางวัล ของรางวัลก็จะตกเป็นของผู้เป็นเจ้านาย

จุ่ยถููไม่พูดคำใด ได้แต่หมุนตัวเดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้ของตนเอง

ตลอดเวลาเขาไม่ส่งเสียงพูดเลยสักคำ

ระดับความแข็งแกร่งหกสิบห้าคะแนนทำให้หลายคนตกตะลึง

หลังจากนั้นมีกลุ่มผู้เข้าแข่งขันลองเข้ารับการทดสอบดูอีกหลายคน

แต่ไม่มีใครวัดได้เกินสิบคะแนน

และมีถึงสองคนที่กลับออกมาจากหอคอยผู้พิชิตในสภาพบาดเจ็บสาหัสเลือดท่วมตัว…

สุดท้าย สายตาของผู้คนในห้องโถงใหญ่ก็จับจ้องมาที่บุคคลสองคน

เป็นพานตั่วชิงกับหลินเป่ยเฉิน

เหลือเพียงบุรุษหนุ่มสองคนนี้เท่านั้นที่ยังไม่ได้เข้ารับการวัดพลัง

หอกแห่งตะวันพานตั่วชิงเป็นนักรบฝึกหัดที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าเทพตะวัน ตลอดการแข่งขันที่ผ่านมา เขาแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากุหลาบเทวะเจียงรั่วไป๋ และหลายคนก็เชื่อว่าหากไม่ใช่นางก็ต้องเป็นพานตั่วชิงผู้นี้เองที่คว้าตำแหน่งผู้ชนะการแข่งขันในท้ายที่สุด

ส่วนหลินเป่ยเฉินที่ทุกคนรู้จักกันในนามเจี๋ยนเซียวเหยาหนึ่งคนหนึ่งกระบี่สร้างชื่อเสียงเลื่องลือด้วยการทำลายสถิติในการแข่งขันเกือบทุก ๆ รอบ และผู้คนจำนวนมากก็ขนานนามให้เขาเป็นปีศาจน้อย

สำหรับบุรุษหนุ่มทั้งสองคนนี้ ผู้ใดจะมีความแข็งแกร่งมากกว่ากัน?

“น่าเบื่อจริง”

พานตั่วชิงลุกขึ้นยืนอย่างแช่มช้า

เขาเป็นบุรุษหนุ่มผู้มีสง่าราศีในทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหว พานตั่วชิงยกแขนบิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนยิ้มมุมปากเหยียดหยามว่า “วัดได้หกสิบห้าคะแนนรึ? คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ แฮะ แต่ข้ากลับไม่รู้สึกกดดันสักนิด เพราะว่ามันน่าเบื่อเกินไป น่าเบื่อมากเกินไปจริง ๆ”

วาจาของพานตั่วชิงสามหาวเป็นอย่างยิ่ง

แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในตนเองที่เปี่ยมล้น

ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องยอมรับว่าพานตั่วชิงเป็นนักรบเทวะที่หล่อเหลา มีเสน่ห์ และบ้าคลั่ง

ขณะนี้ หลายคนอดตกตะลึงในความมั่นใจของพานตั่วชิงไม่ได้

“เจี๋ยนเซียวเหยา เหลือเจ้ากับข้าเพียงสองคนแล้ว”

พานตั่วชิงจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยสายตาท้าทาย “ที่เจ้าไม่ยอมเข้ารับการวัดพลังเช่นนี้ คงเป็นเพราะไม่มั่นใจในโชคชะตาและพรสวรรค์ของตนเองแล้วกระมัง?”

หลินเป่ยเฉินเงยหน้ามองไปที่พานตั่วชิงและตอบกลับว่า “ชาติที่แล้วเจ้าปลูกขิงขายเป็นอาชีพหรืออย่างไร? เหตุไฉนจึงได้ชอบขิงผู้อื่นถึงเพียงนี้?”

“หืม?”

พานตั่วชิงชะงักไปเล็กน้อย เพราะไม่เข้าใจสิ่งที่เด็กหนุ่มพูด

หลินเป่ยเฉินไม่ได้กล่าวอะไรต่อ

แต่ในใจกำลังคิดว่าคนอะไรแม่งขี้โม้ชะมัด

“เจ้ากับข้าเหลือกันเพียงสองคน ไม่ทราบว่าเจ้ากล้าเดิมพันกับข้าหรือไม่?”

พานตั่วชิงเดินเข้ามาหยุดยืนห่างจากหลินเป่ยเฉินประมาณห้าวา ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ กล่าวต่อด้วยความเย้ยหยัน “แต่ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่กล้า”

หลินเป่ยเฉินดึงบุหรี่ออกมามวนหนึ่ง ก่อนจะจุดไฟให้แก่ตนเองอย่างช้า ๆ เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้และพ่นควันออกมาเป็นรูปวงแหวน หลังจากนั้นจึงได้ถามเสียงเรียบ “ไม่ทราบเจ้าจะเดิมพันในสิ่งใด?”

“เดิมพันค่าพลังความแข็งแกร่งของพวกเรา”

พานตั่วชิงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“เดิมพันอย่างไร?”

หลินเป่ยเฉินเคาะเศษเถ้าบุหรี่

“ใช้นางเป็นสิ่งเดิมพัน”

พานตั่วชิงชี้มือไปที่ฮันลั่วเซวี่ยและกล่าวเสียงดังว่า “ข้าชนะ นางต้องเป็นของข้า ในอนาคตหลังจากนี้ เจ้าห้ามยุ่งเกี่ยวกับนางอีก แต่หากเจ้าชนะ ข้าจะยกนางให้กับเจ้า”

สีหน้าของฮันลั่วเซวี่ยแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย

นางจ้องมองไปที่พานตั่วชิงด้วยความเดือดดาล

เงื่อนไขเช่นนี้ถือว่าหยาบคายมากจริง ๆ

แต่ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะได้พูดคำใด หลินเป่ยเฉินก็กล่าวออกไปว่า “ขอปฏิเสธ”

“เจ้ากลัวหรือ?”

พานตั่วชิงหัวเราะเยาะเย้ยหยัน “แม้แต่ปีศาจน้อยก็มีความหวาดกลัวเช่นกัน?”

“หวาดกลัว? กลัวเจ้าเนี่ยนะ? เจ้าไม่มีค่ามากพอที่จะทำให้ข้ากลัวได้หรอก”

หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอ ก่อนจะอัดควันเข้าปอดและกล่าว “ข้าเพียงอยากถามว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ทำไมแม่นางฮันถึงต้องยอมร่วมเดิมพันกับพวกเราด้วย? เจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงไปลากผู้อื่นเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องนี้?”

พานตั่วชิงชะงักกึก ก่อนพูดว่า “ข้าหมายความว่าพวกเราเดิมพันกัน…”

“แต่นางไม่เกี่ยวข้องกับการเดิมพันของพวกเรา”

หลินเป่ยเฉินแทรกขึ้นด้วยความขุ่นเคืองใจ “เพราะว่าจิตใจของเจ้ามันต่ำช้า เจ้าถึงทำกับสตรีเป็นเหมือนสิ่งของ คงคิดว่าตนเองเป็นวีรบุรุษสินะ ฮ่า ๆๆ ข้าจะบอกอะไรให้ หากที่นี่มีอินเทอร์เน็ต ข้าก็คงไม่ต้องทำอะไรเจ้าหรอก เกิดเฟมทวิตรู้ถึงพฤติกรรมของเจ้า เพียงเท่านี้เจ้าก็ตายไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแล้ว”

พานตั่วชิงเบิกตาโตด้วยความมึนงง

เจี๋ยนเซียวเหยาหมายถึงอะไร?

ทุกคำที่เด็กหนุ่มพูดออกมา แทบจะหาจุดเชื่อมโยงกันไม่ได้เลย

“พูดมากน่ารำคาญ สรุปก็คือเจ้ากลัวข้าเท่านั้นเอง”

พานตั่วชิงไม่อยากเจรจากับหลินเป่ยเฉินอีกต่อไป น้ำเสียงจึงเพิ่มความเกรี้ยวกราดมากขึ้นอีกหลายส่วน

หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นดีดนิ้ว

ป๊อก!

ก้นบุหรี่กระเด็นไปตกอยู่เบื้องหน้าพานตั่วชิง

“เจ้าจะพูดอะไรก็ได้”

หลินเป่ยเฉินกล่าวเสียงเรียบ “ข้าเพียงไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับบุคคลต่ำช้าที่เห็นสตรีเป็นสิ่งของต่างหาก”

“เจ้า…”

เมื่อเห็นสีหน้ายิ้มย่องของหลินเป่ยเฉิน พานตั่วชิงก็ชักจะโกรธแค้นขึ้นมาจริง ๆ

เขาหยุดชะงักไปเล็กน้อย ก่อนหัวเราะเยาะ “หากเป็นเช่นนั้น เราเปลี่ยนสิ่งของเดิมพันดีหรือไม่…”

“ข้าสนใจเดิมพันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น”

หลินเป่ยเฉินเสแสร้งแกล้งถูมือด้วยความตื่นเต้น “พวกเรามาเดิมพันกันด้วยศิลาเทวะดีหรือไม่?”

“ฮ่า ๆๆ นึกว่าปีศาจน้อยสูงส่งมาจากที่ใด ที่แท้ก็เป็นเพียงคนจนขาดแคลนเงินทองผู้หนึ่งเท่านั้น”

พานตั่วชิงเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะเหยียดหยาม กล่าวว่า “ตกลง เราจะวางเดิมพันด้วยศิลาเทวะหนึ่งหมื่นก้อน ผู้แพ้ต้องจ่ายให้แก่ผู้ชนะ… ในชีวิตนี้ เจ้าคงไม่เคยเห็นศิลาเทวะมากมายขนาดนี้มาก่อน คงยินดีเดิมพันแล้วกระมัง?”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”

หลินเป่ยเฉินยิ้มออกมาเล็กน้อย “แต่มีปัญหาอยู่ข้อหนึ่ง”

“ปัญหาอะไร?”

พานตั่วชิงขมวดคิ้วนิ่วหน้า

“ปัญหานั้นก็คือ…”

หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้า “ข้าไม่มีศิลาเทวะหนึ่งหมื่นก้อน”

“เจ้า…”

พานตั่วชิงกลายเป็นฝ่ายที่ต้องขมวดคิ้วบ้าง เขากัดฟันกรอดและตัดใจกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นลดการเดิมพันเหลือหนึ่งพันก้อนก็ได้”

หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่ม “แต่ถ้าข้าชนะ ข้าต้องได้ศิลาเทวะจากเจ้าหนึ่งหมื่นก้อน”

“หมายความว่าหากเจ้าชนะ ข้าต้องมอบศิลาเทวะให้กับเจ้าหนึ่งหมื่นก้อน แต่หากข้าชนะ ข้าจะได้รับศิลาเทวะจากเจ้าเพียงหนึ่งพันก้อนเท่านั้นหรือ?” พานตั่วชิงจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยสายตาดูถูกดูแคลน

“ครึ่งประโยคแรกกล่าวได้ถูกต้อง”

หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “หากข้าชนะ เจ้าต้องมอบศิลาเทวะให้กับข้าหนึ่งหมื่นก้อน”

พานตั่วชิงกัดฟันอย่างพยายามสงบสติอารมณ์ “แล้วหากเจ้าแพ้ล่ะ?”

“หากข้าแพ้ เจ้าก็จะไม่ได้อะไรทั้งนั้น… เพราะว่าข้าเป็นคนจน”

หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปอย่างเยือกเย็น

“เจ้า…”

พานตั่วชิงตกตะลึง

เช่นเดียวกับบรรดาผู้คนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่

ในโลกนี้มีบุคคลที่หน้าหนาเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ?

เจี๋ยนเซียวเหยากล้าพูดออกมาได้อย่างไร?

หลินเป่ยเฉินมีสีหน้าเรียบเฉย

เขาเป็นคนจน เขาไม่มีศิลาเทวะมากมายขนาดนั้นหรอก

นี่คือเหตุผลที่เข้าใจได้ไม่ยาก

“ฮ่า ๆๆ ปรากฏว่าปีศาจน้อยผู้สูงส่ง กลับกล้าเสนอเงื่อนไขที่ไร้ยางอายออกมาแล้ว”

พานตั่วชิงหัวเราะในลำคอตอบกลับมา “ถ้าอย่างนั้น มีเหตุผลอันใดที่ข้าต้องเดิมพันกับเจ้าด้วย?”

“เหตุผลที่เจ้าต้องเดิมพันกับข้านั้น”

หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตและกล่าวตอบ “ก็เพราะว่าเจ้าเป็นฝ่ายเดินมาขอเดิมพันกับข้าเองนะ”

เมื่อได้รับฟังคำตอบนี้ หลายคนก็พยักหน้าคล้อยตามโดยไม่รู้ตัว

เพราะพานตั่วชิงเป็นฝ่ายเดินมาท้าเดิมพันกับเจี๋ยนเซียวเหยาก่อนจริง ๆ

พานตั่วชิงแค่นหัวเราะในลำคอและกล่าวตอบในที่สุด “ตกลง ข้ารับปากเจ้า หากเจ้าชนะ ข้าจะมอบศิลาเทวะหนึ่งหมื่นก้อนให้กับเจ้า แต่หากข้าชนะ ข้าก็ต้องการเพียงสิ่งเดียวจากเจ้าเท่านั้นและมันก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ไม่ยากด้วย”