ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1351 ไปกันหมดแล้ว แล้วหนูรินจังจะทำยังไง? ฮือ…..
ในท้ายที่สุดแสนรักก็ไม่ได้ตกลงรับปากกับเรื่องนี้ในทันที
เพราะว่าเขาจำเป็นต้องพิจารณาถึงสองเรื่อง เรื่องแรกคือ ลูกชายจะยินยอมไปหรือไม่? เรื่องที่สองคือ แน่นอนว่าจะต้องปรึกษากับเส้นหมี่แม่ของเขาก่อน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
ในคืนนั้น ทุกคนต่างมากันที่เรืองรอง
แสงดาว: “สถาบันวิจัยคือที่ไหนกัน? ดีกว่าโรงเรียนที่พวกเราหาให้ชินชินเหรอ?”
ม็อกโก: “นั่นคือสถานที่ที่บ่มเพาะบุคคลที่มีความสามารถสูงระดับประเทศ ตอนนี้ในประเทศไม่มีที่ไหนที่จะเทียบกับที่นี่ได้”
แสงดาว: “…….”
ดิลก: “จริงด้วย ฉันก็คิดว่าส่งไปได้นะ ชินชินเด็กคนนี้มีพรสวรรค์ชั้นเยี่ยม มีความสามารถแบบนี้อยู่ ไม่ควรจะสิ้นเปลืองไปโดยเปล่าประโยชน์ ควรจะทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ
คุณตาคนนี้ เพราะเขาเคยเป็นทหารมาก่อน ความรู้สึกรักชาตินั้นยังคงมีอยู่ในกระดูกของเขา
เส้นหมี่ที่อยู่ได้ข้างได้ยิน ขอบตาก็แดงขึ้นมานิดหน่อยอีกครั้ง
แน่นอนว่าเธอรู้ว่านี่เป็นเรื่องดี แต่ลูกเพิ่งจะอายุแค่สิบขวบ อีกทั้ง นิสัยของเขานั้นมีความสันโดษมากกว่าเด็กๆ ทั่วไป ถึงแม้ว่าในหลายปีมานี้มีความเปลี่ยนแปลงไปมากหลังจากที่น้องชายกับน้องสาวมาอยู่ด้วย แต่เธอกังวลใจมากว่า เมื่อเขาไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย จะทำให้เขากลับไปเป็นแบบเมื่อก่อนอีก
หากเป็นเช่นนั้น เธอก็ไม่ยอมให้ไปเสียดีกว่า
เธอหวังอยากให้ลูกของตัวเองมีสุขภาพแข็งแรง ส่วนอย่างอื่นนั้นไม่สำคัญ
“พอแล้ว ผมไม่ใช่หน่วยงานสวัสดิการ ทำเพื่อประเทศนี้จนผมเองก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดมาแล้ว ตอนนี้จะส่งลูกเข้าไปอีก ผมติดค้างอะไรนักเขาเหรอ?”
ในที่สุดแสนรักก็เอ่ยปากพูดขึ้น
เขาเหลือบมองดูผู้หญิงด้านข้างที่ไม่พูดอะไรอยู่อะไรเลยเอาแต่นั่งก้มหน้าเช็ดน้ำตาอยู่ ดวงตาจึงเปลี่ยนเป็นเย็นชาลงแล้วทิ้งประโยคนี้ออกมาแบบตรงๆ
ทุกคนได้ยินเข้าจึงไม่กล้าที่จะโต้แย้งใดๆ
และหลังจากที่เส้นหมี่ได้ฟังแล้ว ก็เงยหน้าขึ้นมาทันที ดวงตารูปทรงอัลมอนด์ที่ยังคงเปียกและแดงก็เต็มไปด้วยประกาย
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ในห้องของชินจังชั้นสอง หลังจากที่หนูรินจังกับคิวคิวต่างอาบน้ำกันเสร็จแล้ว ก็สวมชุดนอนแล้วมาที่ห้องของพี่ชาย
“พี่ชินจัง พี่คิดยังไง? พี่อยากไปที่สถาบันวิจัยอะไรนั่นจริงเหรอ?”
หนูรินจังเป็นสาวน้อยที่ใจอ่อนไหวเหมือนกับหม่ามี๊ เมื่อได้ยินว่าพี่ชายจะไปเรียนต่อในสถานที่ที่ห่างไกลกันมาก เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ
ชินจังไม่พูดอะไร
แต่หลังจากคิวคิวที่อยู่ด้านข้างได้เห็นแล้ว ก็ยื่นมือเล็กๆ ออกมาตีพี่ชายฝาแฝดคนนี้เบาๆ
“ไม่เป็นไรนะ พี่จะตัดสินใจยังไง พวกเราก็สนับสนุนพี่ อันที่จริงผมรู้สึกว่า แทนที่พี่จะแอบทำสิ่งนี้สิ่งนั้นอยู่ที่บ้านตลอดเวลา หากมีแพลตฟอร์มในการพัฒนาที่ใหญ่กว่า มันก็เป็นเรื่องดีนะ”
“จริงเหรอ?”
ในที่สุดชินจังก็เงยหน้าขึ้นมามองดูน้องชายด้วยดวงตาสวยงามคู่หนึ่งที่สับสนกังวลใจอยู่นานมากแล้ว
คิวคิวทุบหน้าอกน้อยๆ : “ใช่สิ ผมตัดสินแล้วว่าต่อไปเมื่อโตขึ้นอีกหน่อยจะไปที่ค่ายทหารกับลุงใหญ่ ผมจะเรียนรู้การขับรถถัง ขับเครื่องบินรบ ขับเรือรบกับเขา ผมจะเรียนรู้ให้หมดเลย!”
เมื่อเด็กหนุ่มคนนี้พูดถึงตรงนี้ดวงตาทั้งสองข้างก็ส่องเป็นประกายขึ้นมา
หนูรินจังที่อยู่ด้านข้างได้ยิน ดวงตากลมโตฉ่ำน้ำเดี๋ยวก็มองไปที่พี่ชายคนนี้ เดี๋ยวก็มองไปที่คนนั้น ร้อนใจจนแทบจะร้องไห้แล้ว
“แล้วหนูจะทำยังไง? พวกพี่ไปกันหมดแล้ว หนูจะทำยังไงอ่ะ?”
“หา?”
พี่น้องฝาแฝดต่างมองดูมาที่น้องสาว
ตอนนี้พวกเขาถึงได้รู้ว่าตนไม่ได้สนใจเธอ
“อย่าร้องนะอย่าร้อง น้องอยากทำอะไร? พี่ชายจะช่วยน้องวิเคราะห์” อิคคิวรีบปลอบน้องสาวทันที คนฉลาดอย่างเขาจึงเริ่มลองที่จะนำน้องสาวเข้าสู่หัวข้อสนทนานี้ทันที
พอหนูรินจังได้ฟัง ถึงแม้ว่าบนขนตาอันยาวหนายังคงเปื้อนด้วยหยดน้ำตา แต่เธอก็ไม่ได้ร้องไห้แล้วจริงๆ
“หนู……..”
เธอเอียงศีรษะน้อยๆ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
แต่น่าเสียดายมาก เมื่อคิดอยู่สักพักแล้ว เธอพบว่า เธอเหมือนจะไม่ได้ถนัดเรื่องอื่นเลยนอกจากเรื่องกินแล้ว
อิวคิว: “…….”
ชินจัง: “น้องชอบทำเครื่องแต่งกายให้กับตุ๊กตาของตัวเองไม่ใช่เหรอ? ยังทำเครื่องประดับตกแต่งศีรษะสวยๆ ให้กับน้องดาราด้วยอยู่บ่อยๆ น้องสามารถเรียนรู้อันนี้ได้นะ”
หนูรินจัง: “จริงด้วยสิ”
ในที่สุดเธอก็คิดถึงสิ่งนี้ ทันใดนั้น จึงนำไข่มุกสีชมพูอมส้มเม็ดเล็กที่ติดอยู่ตรงหน้าอกไว้ตลอดนั้นออกมา
ไข่มุกเม็ดนั้น ได้ถูกเธอฝังมุกไว้เรียบร้อยแล้ว โดยฝังด้วยด้ายเงินสีขาวหิมะ เธออายุยังน้อยมาก แต่กลับสามารถหลอมให้มันกลายเป็นนกอินทรีที่สวยงามมากตัวหนึ่งได้ จากนั้นไข่มุกจึงได้กลายเป็นของมีค่าประดับอยู่ในจะงอยปากของนกอินทรี ซึ่งดูแล้วสวยงามยิ่งนัก
หนูรินจังกำมันเอาไว้อย่างมีความสุข
อิคคิวเห็นว่าเธอนำสิ่งนี้ออกมาอีกแล้ว ดวงตาก็จ้องมองอยู่ที่นกอินทรีตัวนั้นสักพักหนึ่ง ในที่สุดก็คงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า: “น้องสาว ทำไมน้องถึงทำนกอินทรีแค่ตัวเดียวล่ะ? น้องไม่ชอบผีเสื้อเหรอ?”
“ไม่ชอบ นี่คือของที่อยู่บนตัวพี่ชายคนสวย!”
เธอตอบคำถามด้วยน้ำเสียงชัดแจ๋ว
จากนั้นประคองจี้เล็กๆ อันนี้เดินไปอย่างมีความสุข
พี่ชายคนสวย?
นั่นไม่ใช่พี่กาวินที่จากไปตั้งนานแล้วเหรอ?
เฮ้อ……
สองพี่น้องฝาแฝดถอนหายใจกัน
ในคืนนั้น เพราะว่าทั้งสามคนพี่น้องต่างคนก็ต่างค้นพบเป้าหมายกับความฝันในอนาคตของตัวเองแล้ว จึงพากันนอนหลับอย่างสนิท
และผู้ใหญ่สองคนที่อยู่ชั้นบนเองก็นอนหลับสนิททั้งคืน เพราะว่าไม่ได้ไปคิดถึงเรื่องนี้อีก
เวลาผ่านไปเร็วมาก หลังจากที่หนึ่งวันผ่านไปแล้ว ก็ถึงเวลาสำหรับงานแต่งงานของคณาธิปที่เจแปน
ดังนั้น ในเช้าของวันนี้ คนของเรืองรองต่างพากันตื่นนอนแต่เช้าตรู่ เส้นหมี่ยุ่งอยู่กับการแต่งตัวให้ลูกๆ ทั้งสามคน ส่วนแสนรักนั้นเนื่องจากคณาธิปต้องไปเจแปนเมื่อวันก่อนเพื่อเตรียมงานแต่ง ที่บริษัทจึงไม่มีคน จากนั้นเขาก็ต้องไปที่หิรัญชากรุ๊ปอีกครั้ง
ส่วนแสงดาวก็ไปที่คฤหาสน์หลังเก่า
เธอคิดดีแล้ว ในเมื่อเจแปนทางนั้นต้องการญาติและเพื่อนๆ งั้นเธอก็พาวงศ์ตระกูลเหล่านี้ไปด้วย เหอะ กลัวซะที่ไหน?