ตอนที่ 1916 ฮูหนิวที่น่าเกรงขาม

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 1916 ฮูหนิวที่น่าเกรงขาม

 

“ตุบ ตุบ ตุบ” เหล่าอัจฉริยะจากความทรงจํามากมาย เหยียบย่ําเข้าใส่ร่างกายของเขาและไล่ตามสตรีตรงหน้าไป โชคดีที่เป้าหมายของเหล่าอัจฉริยะไม่ใช่เขา ไม่เช่นนั้นหากถูกอัจฉริยะมากมายขนาดนี้ปลดปล่อยการโจมตีเข้าใส่พร้อมกันชีวิตของเขาคงดับสิ้นไปแล้ว

 

“อ้ากก! อ้ากก! อ้ากก!” หลิวย่าโอดครวญ

 

“โอ้ เจ้าไม่ใช่พวกเดียวกันพวกมันงั้น!” สตรีที่วิ่งนําอยู่ด้านหน้าหันหลังกลับมามองด้วยสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ําเสียงไม่สบอารมณ์ “แต่ก็บอกไปแล้วไงว่าให้หลบไป หากทําให้เวลาอันมีค่าของหนิวเสียไป เจ้าคิดว่าตนเองจะรับผิดชอบไหวรึ?”

 

“อย่ามาให้หนิวเห็นหน้าอีกเป็นครั้งที่สอง ไม่เช่นนั้นหัวของเจ้าระเบิดแน่!”

 

หลังจากกล่าวเสร็จ เด็กสาวก็วิ่งหายไปพร้อมกับกองทัพเหล่าอัจฉริยะมากมาย

 

หลิวย่า “…”

 

หยางหงอี้ คนผู้นี้คือผู้สืบทอดขุมอํานาจราชานิรันดร์ระดับหกที่ยิ่งใหญ่ และบรรลุระดับสี่นิพพานมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งล้านปี ทั้งๆ ที่เขาสามารถทะลวงผ่านไปยังระดับแบ่งแยกวิญญาณได้แล้วแท้ๆ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะติดอยู่ในระดับพลังนี้

 

นั้นเพราะเขามีความทะเยอทะยานอันสูงส่ง ที่จะบรรลุเป็นนิรันดร์ห้านิพพาน!

 

เพียงแต่ระดับห้านิพพานนั้นเป็นอะไรที่บรรลุได้อย่างยิ่ง หลังจากเวลาผ่านมานับล้านปี เขาก็ยังไม่สามารถทะลวงผ่านได้ และติดค้างอยู่ในระดับสี่นิพพานสูงสุดมาตลอด

 

เพียงแต่เขาเป็นบุรุษที่มีความมุมานะเป็นเลิศ อะไรก็ตามที่ตัดสินใจไปแล้ว เขาไม่มีทางเปลี่ยนใจเด็ดขาด

 

เพราะอย่างไรนิรันดร์ก็มีอายุขัยไร้ขีดจํากัดอยู่แล้ว ตราบใดที่บาปเคราะห์แห่งสวรรค์ยังไม่รุนแรงถึงขั้นที่ไม่สามารถทนไหว เขาก็ไม่จําเป็นต้องทะลวงผ่านไปยังระดับแบ่งแยกวิญญาณ

 

หากไม่สามารถก้าวสู่ระดับห้านิพพานได้ เขาก็จะเป็นได้เพียงราชาในหมู่ราชาทั่วไป ที่ด้อยกว่าอัจฉริยะชั้นแนวหน้า

 

เขาเชื่อว่าโอกาสในครั้งนี้เป็นสิ่งที่สวรรค์มอบให้แก่เขา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องเป็นคนแรกที่ไต่ขึ้นไปยังยอดเขาได้ หลังจากได้ครอบครองวาสนาที่ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์และปฐพี่แล้ว ประตูสูงระดับห้านิพพานของเขาก็จะเปิดออก

 

ตูม!

 

ภายใต้แรงกดดันอันรุนแรงของภูเขา หยางหงอี้ได้ทําการขัดเกลาพลังต่อสู้ของตนเอง ไปพร้อมกับโค่นล้มอัจฉริยะจากความทรงพลัง

 

“เดี๋ยนเขียนลู่ เหลาซง ซานจื้อง พวกเจ้ารอก่อนเถอะ ในอนาคตภาคภายหน้านี้ คนที่จะสามารถสั่นสะเทือนดินแดนแห่งเซียนเพียงแค่ยกเท้าจะต้องเป็นข้าผู้นี้!”

 

ครื้นนนน!

 

ทันใดนั้นเอง จู่ๆ พื้นดินก็เดินการสั่นสะเทือน

 

ใบหน้าของหยางหงอี้ชะงักแข็งค้าง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? จริงอยู่ที่เขาเพิ่งกล่าวออกไปว่าจะสั่นสะเทือนดินแดนแห่งเซียนด้วยการยกเท้า แต่ประเด็นก็คือตัวเขาในตอนนี้ยังไม่ได้มีพลังขนาดนั้น แถมยังไม่ได้ยกเท้าด้วย

 

“หลบไป! ไสหัวไป!” เสียงตะโกนดังขึ้น พร้อมกับร่างอันงดงามของเด็กสาวผู้หนึ่ง ได้วิ่งขึ้นมาจากเส้นทางเบื้องล่าง

 

ช่างงดงามอะไรอย่างนี้

 

หยางหงอี้เผยสีหน้าตกตะลึง เพียงแต่ในพริบตาต่อมา สีหน้าของเขาก็ต้องแปรเปลี่ยนกลายเป็นหวาดผวาแทน

 

พระเจ้าช่วย.. เหตุใดถึงใดถึงได้มีคนไล่ตามสตรีผู้นี้มามากมายขนาดนี้?

 

เดี๋ยวก่อน คนเหล่านั้นมันเหล่าอัจฉริยจากความทรงจําของราชานิรันดร์หย่งชางไม่ใช่รึไงกัน!

 

บ้ารึเปล่า แทนที่จะค่อยๆ จัดการศัตรูเหล่านั้นทีละคน แต่กลับล่อให้พวกเขาไล่ตามมาที่เดียว แบบนี้นี่เจ้าอยากขนาดนั้นเลยหรืออย่างไร?

 

แต่ยังไม่ได้ที่สมองของหยางหงอี้จะวิเคราะห์ทัน เด็กสาวผู้นั้นก็วิ่งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว จนเขารู้สึกหวาดกลัวและรีบขยับตัวหลีกทางไปด้านข้าง

 

“ครื้นนน” หลังจากที่เด็กสาววิ่งผ่านไป กลุ่มอัจฉริยะมากมายก็พุ่งทะยานไล่ตามไปติดๆ เพียงแต่เส้นทางของภูเขานั้นแคบมาก อย่างมากพื้นที่ก็กว้างพอให้คนสามคนยืนเรียงกันเท่านั้น เพราะงั้นต่อให้เขาจะหลบทางให้เด็กสาววิ่งผ่านไปแล้ว แต่ร่างของเขาก็ยังถูกเหล่าอัจฉริยะมากมายเหยียบย่ํา จนร่างกลิ้งไปกลิ้งมาราวกับลูกแก้ว

 

“ตุบ ตุบ ตุบ” เด็กสาวกับเหล่าอัจฉริยะนับร้อยวิ่งผ่านไป และเหลือทิ้งไว้เพียงฝุ่นควันที่ฟังกระจายตามพื้น

 

หยางหงอี้ฝันลุกขึ้นยืน และจดจ้องสายตาไปยังทิศทางที่เด็กสาววิ่งหายไป ใบหน้าของเขาในตอนนี้ปูดบวม และมีร่องรอยฟกช้ําไปทั่วร่าง

 

“บัด ซบ..!” เขาชูนิ้วกลางไปตามแผ่นหลังของเด็กสาว หากอีกฝ่ายหันหลังวิ่งกลับมาล่ะก็เขาจะต้องขอสู้เป็นตายกับนางแน่นอน

 

ความอัปยศครั้งนี้ เขาไม่อาจทําใจยอมรับได้

 

ฮองผู่หลิง อู้ฉุน… เฉ้าจริ้นเหริน อัจฉริยะมีชื่อที่ถูกฮูหนิวแซงหน้าไป ต่างตกตะลึงและเกรี้ยวกราด

 

ยิ่งฮูหนิวไต่ขึ้นเขาไปได้สูงเท่าไหร่ กองทัพเหล่าอัจฉริยะยุคบรรพกาลก็ยิ่งเพิ่มจํานวนขึ้นจนจํานวนเพิ่มขึ้นจากหลักร้อยกลายเป็นหลักหมื่น

 

กองทัพเช่นนี้นับว่าน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากตัวตนจากความทรงจําเหล่านี้ คือสุดยอดอัจฉริยะจากแต่ละยุคสมัย

 

หากเอี้ยนเขียนลู่ได้เห็นภาพนี้ล่ะก็ เกรงว่าเขาคงจะตกตะลึงเป็นอย่างมากแน่นอน

 

เพียงแต่ฮูหนิวไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น นางยังคงตะโกนเรียกชื่อหลิงฮันไปตลอดทาง พร้อมกับยั่วยุผู้คนมากมาย

 

ในเดือนที่สิบ

 

หลิงฮันและจักรพรรดินี้ยังคงปะทะกับคู่ต่อสู้อย่างดุเดือด ที่ผ่านๆ มาก่อนจะได้มายังภูเขาแห่งนี้ ถึงแม้พวกเขาจะได้พบเจอศัตรูมาแล้วมากมาย แต่คนที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ให้พวกเขาได้ก็มีอยู่ไม่มาก

 

เพียงแต่คู่ต่อสู้ที่พบเจอที่นี่นั้น ทุกคนต่างเป็นสุดยอดอัจฉริยะ ที่ราชานิรันดร์หย่งชางยอมรับว่าเป็นศัตรู

 

หลิงฮันรู้สึกว่าโลหิตในร่างของเขากําลังเดือดพล่าน จิตวิญญาณของเขาถูกขัดเกลาจนรู้สึกได้ถึง ประตูแห่งขีดจํากัดที่กําลังเหมือนจะเปิดออก แต่ก็ไม่สามารถเปิดได้

 

และแล้วก็ถึงเวลาของหยกต้นกําเนิดวิถีสวรรค์!

 

“ข้าใกล้จะทะลวงผ่านเร็วๆ นี้แล้ว!” จักรพรรดินีเองก็รู้สึกเหมือนกับหลิงฮัน

 

“อืม เข้าไปในหอคอยทมิฬและดูดซับหยกต้นกําเนิดวิถีสวรรค์กันดีกว่า หากพลาดโอกาสนี้ไปไม่รู้ว่าจะต้องรออีกนานแค่ไหนกว่าจะมีครั้งหน้า!” หลิงขั้นเข้าสู่หอคอยทมิฬพร้อมกับจักรพรรดินี

 

หลังจากที่ทั้งสองเข้าไปได้ไม่นานนั้นเอง ฮูหนิวก็วิ่งพากองทัพเหล่าอัจฉริยะจํานวนมากวิ่งเข้า

 

มา

 

“หลิงฮัน! หลิงฮัน!” นางตะโกนอย่างตื่นเต้นตลอดทาง