เพ่งมองไปทางหลัวซิวที่กำลังลอยอยู่บนฟ้า สีหน้าอารมณ์ของเหล่าวัยรุ่นยุคใหม่ที่เป็นอัจฉริยะในโลกมารหม่นหมองลงไปหมด เนื่องจากหมอนี่อยู่เพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 5 แต่กลับมีศักยภาพความสามารถระดับนี้ อนาคตหากเขาบรรลุเป็นเทพมารเมื่อไหร่ เขาก็จะสามารถเคียงบ่าเคียงไหล่กับตาเฒ่าประหลาดระดับเทพฟ้าเลยมิใช่หรือ?

นี่จึงทำให้วัยรุ่นที่คุยโวโอ้อวดว่าตนเป็นผู้ไร้เทียมทานต่างรู้สึกแห้ว การเอาคนเปรียบเทียบกับคนนี่มันสามารถทำให้หัวเสียจนตายได้จริง ๆ

อัจฉริยะผู้ไร้เทียมทานส่วนมากจะฝึกตนจนบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ตั้งแต่อายุยังไม่มาก ซึ่งนี่ก็หมายความว่าหลัวซิวผู้นี้มีศักยภาพที่ไร้ขอบเขต ทันทีที่เขาเติบใหญ่ขึ้นมา ต้องได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกาอสูรฟ้าแน่นอน ยิ่งกว่านั้นคือเขาอาจจะมีโอกาสครอบครองสถานที่ใดสถานที่หนึ่งในพิภพกลางที่กว้างใหญ่ได้ด้วย!

เมื่อเปรียบเทียบกับพิภพนับล้านในจักรวาลแล้ว พิภพหนึ่งก็เป็นเพียงสถานที่ที่แคบเล็กที่เดียวเท่านั้นเอง พิภพที่ไร้ขอบเขตถึงจะเป็นเวทีที่กว้างใหญ่มากกว่าต่างหาก!

ใบหน้าของนายน้อยตวนมู่ขาวเผือก ทรงผมกระเซอะกระเซิง เขาคิดยังไงก็คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายแพ้ อีกทั้งยังเป็นการพ่ายแพ้อย่างราบคาบด้วย

ไม่ใช่เป็นเพราะศักยภาพของเขาอ่อน แต่เป็นเพราะหลัวซิวแข็งแกร่งมากเกินไป! พลังกฎความตายถูกยับยั้ง พลังอมตะก็เทียบเคียงกับฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ด้วย

ใบหน้าของเขาบูดเบี้ยวอย่างรุนแรง ในฐานะที่เป็นผู้ภาคภูมิของสวรรค์ในบรรดาวัยรุ่นระดับเทพมาร เขาใช้เวลาเพียงสองร้อยกว่าปีเท่านั้น ก็สามารถฝึกตนจนบรรลุขึ้นมาถึงแดนเทพมารได้สำเร็จ เขาจึงยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้ไม่ได้

“เจ้ายังไม่ยอมแพ้อีกหรือ?”หลัวซิวเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง แล้วกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

มุมปากของนายน้อยตวนมู่กำลังกระตุก เส้นเลือดบริเวณหน้าผากนูนขึ้น เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าทุกอย่างดำเนินการมาถึงขั้นนี้แล้ว หากลงมือโจมตีต่อละก็ มีแต่จะเป็นการทำให้ตัวเองอับอายขายหน้ามากเข้าไปใหญ่

“ฮ่าฮ่า เฒ่าประหลาดตวนมู่ เห็นหรือยัง? น้องชายคนนี้ของข้ากระทืบนายน้อยของเจ้าจนขี้หดตดหายแล้ว!”เซียวจื่อเจี้ยนเห็นว่าหลัวซิวเป็นผู้ชนะ เขาจึงหัวเราะดังลั่นออกมาอย่างจองหองมากยิ่งขึ้น

เขาไม่มีทางสนใจภาพลักษณ์หน้าตาของเขาปีศาจนรกอยู่แล้ว มีแต่จะรู้สึกว่ายังหยามหน้าฝ่ายตรงข้ามไม่มากพอ

สีหน้าของเฒ่าประหลาดตวนมู่นั่นก็ดูหม่นหมองจนน่ากลัวเช่นกัน ทุกคนต่างประเมินศักยภาพของเจ้าหนุ่มที่มีนามว่าหลัวซิวผู้นี้ต่ำเกินไป แพ้การประลองไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่นัก แต่ทว่าเกล็ดมังกรครามยักษ์สามเกล็ดนั้นเป็นก้อนเนื้อบนหัวใจของเขาเชียวนะ!

“เฒ่าประหลาดตวนมู่ ในเมื่อกล้าพนันก็ต้องกล้ายอมรับผลแพ้ เกล็ดมังกรครามยักษ์ของมึง กูโปรดรับไว้แล้วนะ!”

เซียวจื่อเจี้ยนไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย การปั่นหัวผู้อื่นจนตายนั้นไม่ต้องชดใช้ด้วยชีวิต ก่อนที่เขาจะยื่นมือออกไปคว้ากล่องหยกที่ใส่เกล็ดมังกรครามยักษ์มา

เฒ่าประหลาดตวนมู่โกรธมากจนดวงตาแดงเถือก หัวใจกำลังมีเลือดไหลหยด แต่เขากลับไม่ได้ลงมือหยุดยั้ง ถึงอย่างไรในที่เกิดเหตุมีสายตาจำนวนมากต่างจับจ้องมาทางพวกเขา นอกเสียจากว่าเขาจะไม่สนใจภาพลักษณ์หน้าตาของตนโดยสิ้นเชิง

หลัวซิวเก็บหอกยุทธ์ เดินไปด้านหลังเซียวจื่อเจี้ยนแล้วพูดกดเสียงต่ำ: “ผู้น้อยสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย ผู้อาวุโสกลับชุบมือเปิบ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องแบ่งประโยชน์ให้ข้าส่วนหนึ่งใช่ไหมขอรับ?”

“หึ ไอ้หมอนี่ เมื่อครู่ยังพูดอยู่เลยว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฝ่ายตรงข้าม พอเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามเอาสมบัติออกมา ก็คว้าชัยชนะมาได้ เจ้ามิได้พูดความจริงกับข้า แล้วจะคิดบัญชีนี้อย่างไร?”เซียวจื่อเจี้ยนเบ้ปากพลางตอบกลับ

หลัวซิวทราบอยู่ว่าปีศาจเก้าเซียวจื่อเจี้ยนมีอุปนิสัยแปลกประหลาด ใช้จิตวิทยาของมนุษย์ทั่วไปไปเจรจากับเขาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงยิ้มแล้วพูด: “ท่านบอกว่าจะให้ข้าเป็นปีศาจที่สิบที่อายุน้อยที่สุดมิใช่หรือ? ถึงเมื่อนั้นข้าก็จะเป็นน้องชายของท่าน ท่านยังมีหน้ามาคิดบัญชีกับข้าอยู่อีกหรือ?”

เซียวจื่อเจี้ยนขมวดคิ้ว“ที่เจ้ากล่าวมามันก็มีเหตุผลอยู่ แต่ว่าเจ้ายังใช้เกล็ดมังกรครามยักษ์นี่ไม่ได้ พี่รองจะฝึกเซ่นอัญเทพฟ้าชิ้นหนึ่ง ซึ่งต้องการวัตถุดิบประเภทนี้พอดี”

“ข้าขอเพียงเกล็ดเดียว!”หลัวซิวกัดฟันพูด

วัตถุดิบที่ใช้ในการวิวัฒนาการปีกเทพดาราไร้มลทินหายากมาก ๆ กว่าจะพบเจอหนึ่งในวัตถุดิบนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาจึงปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปไม่ได้อยู่แล้ว

“พลังที่อัดแน่นอยู่ในเกล็ดมังกรครามยักษ์มีเพียงพอ เกล็ดมังกรสองเกล็ดก็เพียงพอต่อการนำมากลั่นสมบัติแล้ว……”

เซียวจื่อเจี้ยนลูบคางเบา ๆ เขาไม่ค่อยอยากให้หลัวซิวจริง ๆ เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นวัตถุดิบชั้นยอดที่ใช้สำหรับการฝึกเซ่นอัญเทพฟ้า มีผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ต่างตามหาของสิ่งนี้อยู่ทั่วโลกหล้าแต่ก็ไม่เจอเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว