ตอนที่ 2654

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 2,654 : หนึ่งตายหนึ่งสาหัส!

 

 

ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!

 

 

ค่ายกลกระบี่ที่อุบัติขึ้นจากรังสีกระบี่สีรุ้ง เมื่อปะทะกับโจวทง พวกมันก็เปล่งพลังอำนาจเหนือชั้นดับเพลิงพลังบนร่างของโจวทงได้ในพริบตาปานกองเพลิงถูกมวลทราบกลบถม จากนั้นยังเชือดเฉือนร่างโจวทงจนคนคล้ายเนื้อสับ!

 

เรียกว่าคนทั้งคนมีสภาพไม่ต่างอะไรกับเศษผ้าขี้ริ้ว! ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผลขาดวิ่นชิ้นเนื้อเลอะเลือนคลุกเลือด ยังปรากฏหลุมโลหิตยิบย่อยตามตัวราวรังแตน เห็นเป็นน้ำพุโลหิตเล็กๆแข่งกันฉีดพุ่งปรี๊ดๆ แลดูน่ากลัวนัก!!

 

ไม่นานพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่อ่อนโทรมลงของโจวทงก็เริ่มฉาบคลุมไปทั่วบาดแผลทั่วกาย ห้ามไม่ให้พ่นฉีดน้ำพุโลหิตออกมาอีก…

 

“ฮืด~~ แฮ่ก ~~ ฮื่อ ~~~~”

 

โจวทงหอบหายใจอย่างรุนแรง เหงื่อผุดซึมกลางหน้าผากเม็ดแล้วเม็ดเล่า เป็นเหงื่อเย็นอันเกิดจากความเจ็บปวดแสนสาหัสที่เคี่ยวกรำไปทั่วร่าง!

 

หาไม่แล้วอาศัยระดับพลังฝึกปรือของมัน ต่อให้อากาศจะร้อนดั่งใจกลางดวงตะวัน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้มันหลั่งเหงื่อชุ่มโชกแบบนี้…

 

“ไฉนเจ้าไม่ฆ่าข้า?”

 

หลังหอบหายใจเข้าอย่างแรงด้วยความเจ็บปวด โจวทงก็มองถามต้วนหลิงเทียนออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว ตอนนี้สีหน้าแววตาของมันไม่เพียงเต็มไปด้วยคามตื่นตระหนกเหลือเชื่อ ยังฉายชัดถึงความหวาดผวา!

 

รังสีกระบี่สีรุ้งนับพันที่ควบรวมก่อเกิดค่ายกลกระบี่ของต้วนหลิงเทียน แม้จะหั่นเฉือนร่างมันให้ยับเยินดั่งเศษผ้าขี้ริ้ว ทั้งทะลวงร่างมันจนปรุพรุนไม่ต่างรังแตน…

 

หากทว่ารังสีกระบี่ทั้งหลายคล้ายมีดวงตางอกเงยก็ไม่ปาน! พวกมันหลีกเลี่ยงจุดตายของมันได้อย่างหมดจด ทำให้มันไม่ถูกพรากหนึ่งชีวิตของมันไป!

 

“ไม่ฆ่าเจ้า แน่นอนว่าต้องมีเหตุผล…”

 

ได้ยินคำถามของโจวทง ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “แต่เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก…อีกไม่นานเจ้าได้ตายแน่ ก็แค่ไม่ได้ตายด้วยน้ำมือข้ามันก็เท่านั้น…”

 

เหตุผลที่ไฉนเขาไม่ฆ่าโจวทงทิ้ง ก็เพราะคิดพาอีกฝ่ายไปยังเมืองเฉวี่ยโยว ให้เจ้าเมืองเฉวี่ยโยวอย่างหลิ่วเฟิงกู่ฆ่าด้วยน้ำมือตัวเองตามข้อตกลง…

 

ถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่ข้อตกลงระหว่างเขากับหลิ่วเฟิงกู่จะลุล่วง แต่เขายังจะได้รับเบาะแสของเพลิงอมตะที่เขาอยากรู้มาตลอดจากปากของหลิ่วเฟิงกู่อีกด้วย!

 

“ผู้ใด…เป็นผู้ใดที่อยากฆ่าข้า!?”

 

ลูกตาโจวทงหดเล็กลง

 

“แล้วเจ้าคิดว่าใครล่ะ?”

 

ต้วนหลิงเทียนย้อนถาม

 

“หลิ่วเฟิงกู่?”

 

ไม่ทันคิด ปากโจวทงก็เอ่ยนามนี้ออกมาอย่างไม่รู้ตัว

 

สาเหตุที่ไฉนมันเอ่ยนามนี้ออกมา เพราะจิตใต้สำนึกโจวทงบอกว่าเป็นคนอื่นไม่ได้อีกแล้ว…

 

หลิ่วเฟิงกู่มาจากเมืองเฉวี่ยโยว

 

และต้วนหลิงเทียนก็มาจากเมืองเฉวี่ยโยว

 

“ผู้ว่าโจวนับว่าหัวไวไม่เบา…”

 

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มอ่อนๆ

 

“ท่านพ่อบุญธรรมเล่นงานมันด้วยพลังวิญญาณเร็วเข้า! หากยอดสมบัติสวรรค์คุ้มกันวิญญาณของต้วนหลิงเทียนมันไม่ใช่ยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูง! เช่นนั้นมันก็ไม่มีทางรับมือการโจมตีทางวิญญาณจากท่านที่เป็นต้าหลัวจินเซียนได้แน่!!”

 

แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบโจวทง โจวเฟยที่อยู่ไกลห่าง ก็ได้สติกลับมาจากอาการตกตะลึงเพราะเห็นโจวทงเสียท่าต้วนหลิงเทียนเรียบร้อย!

 

หลังฟื้นสติ มันก็เร่งตะโกนบอกโจวทงอย่างร้อนรน!

 

ส่วนเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนครอบครองยอดสมบัติสวรรค์คุ้มกันวิญญาณระดับกลางนั้น ทั้งคู่ทราบจากปากเหมียวไหลหลงผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงินแล้ว

 

จึงรู้ว่าต้วนหลิงเทียนนั้นไม่กลัวการโจมตีทางวิญญาณของตัวตนตั้งแต่ขอบเขตจินเซียนลงมา

 

อย่างไรก็ตามยอดสมบัติสวรรค์คุ้มกันวิญญาณระดับกลาง อย่างดีก็ป้องกันพลังวิญญาณได้แค่ตัวตนขอบเขตจินเซียนเท่านั้น หากเป็นพลังวิญญาณระดับต้าหลัวจินเซียน ย่อมไม่ใช่อะไรที่พลังของยอดสมบัติสวรรค์คุ้มกันวิญญาณระดับกลางจะต้านทานได้…

 

มีเพียงแต่ยอดสมบัติสวรรค์คุ้มกันวิญญาณระดับสูงขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะป้องกันพลังวิญญาณของตัวตนขอบเขตต้าหลัวจินเซียนได้!

 

พอได้ยินเสียงตะโกนเตือนของโจวเฟย โจวทงแต่เดิมที่สิ้นหวังเพราะคิดว่าไร้หนทางรอดชีวิตแน่แล้ว สองตาที่หมองมัวของมันก็หวนคืนสู่ความกระจ่างใส ยังทอแสงจ้าปานดวงดาวกลางฟ้าในยามค่ำคืน!

 

ซัว!

 

ครู่ต่อมา มันก็รีบสำแดงทักษะวิญญาณจู่โจมทันที!

 

ปรากฏเปลวเพลิงสีเทาคล้ายมีสภาพ พวยพุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของมันด้วยความเร็วปานภูตผี จี้เข้าหาต้วนหลิงเทียนเร็วรี่ และพุ่งเข้าไปในร่างของต้วนหลิงเทียนโดยที่ต้วนหลิงเทียนไม่ทันได้ตอบสนองใดๆ!

 

เปลวเพลิงสีเทาคล้ายมีสภาพดังกล่าว ก็คือทักษะวิญญาณจู่โจม ด้วยพลังวิญญาณระดับต้าหลัวจินเซียนของโจวทง! หลังชำแรกเข้าร่างได้แล้ว มันก็พุ่งเข้าหาดวงจิตต้วนหลิงเทียนทันที!!

 

หมายทำลายดวงจิต ป่นวิญญาณต้วนหลิงเทียนให้แหลก!

 

อย่างไรก็ตาม

 

เมื่อเปลวเพลิงคล้ายมีสภาพนั่นเข้าใกล้ดวงจิตต้วนหลิงเทียน และเจียนจะแผดเผาดวงจิตของต้วนหลิงเทียนนั้นเอง

 

บังเกิดความเปลี่ยนแปลงในฉับพลัน!

 

ซัว!

 

ชิ้นสวนโลหะแตกหักหนึ่ง ไม่ทราบมาจากที่ใด อยู่ๆก็ผุดโผล่บังขวางระหว่างเพลิงวิญญาณสีเทากับดวงจิตของต้วนหลิงเทียน ราวกับคันกันน้ำขวางกั้นระหว่างทั้ง 2 เอาไว้ไม่ให้ล่วงล้ำ!

 

พริบตาต่อมา

 

แสงลี้ลับที่ปกคลุมชิ้นส่วนโลหะแตกหักตลอดเวลา อยู่ๆก็ส่องสว่างขึ้นมา! ทันใดนั้นก็แผ่ขยายเปล่งพลังดูดกลืนอันน่ากลัวขุมหนึ่ง กลืนกินเพลิงสีเทาคล้ายมีสภาพจนหายวับไปทันใด!

 

หลังกลืนกินเพลิงสีเทาคล้ายมีสภาพนั่นไปแล้ว แม้แสงลี้ลับจากชิ้นส่วนโลหะที่ส่องสว่างจะหดตัวและหม่นแสงลงกลับสู่สภาพปกติ ทว่าแสงลี้ลับที่เคยเรืองรองลอบชิ้นส่วนโลหะดังกล่าวอย่างสลัวๆ ก็ดูเหมือนจะสว่างขึ้นเล็กน้อย!

 

อย่างไรก็ตามเพราะต้วนหลิงเทียนไม่ได้ใช้สำนึกเทวะส่องภายในชมดูเรื่องราวอยู่ จึงไม่ได้รู้เลย…

 

ไม่งั้นเขาต้องสามารถแน่ใจได้เรื่องหนึ่ง

 

นั่นก็คือหลังได้กลืนกินพลังวิญญาณเข้าไปแล้ว ชิ้นส่วนโลหะแตกหักลึกลับนี่ เหมือนจะมีความเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย…

 

‘หายไปในพริบตาเลย…ดูเหมือนพลังของชิ้นส่วนโลหะประหลาดนี่ อย่างน้อยๆก็ต้องเทียบได้กับยอดสมบัติสวรรค์คุ้มกันวิญญาณระดับสูงสุดแน่นอน ไม่งั้นหากเป็นแค่ระดับสูงคงไม่กลืนพลังวิญญาณของต้าหลัวจินเซียนได้ง่ายดายขนาดนี้…’

 

หลังสัมผัสได้ว่าชิ้นส่วนโลหะไม่สมบูรณ์กลืนกินพลังวิญญาณของโจวทงได้ง่ายดายในเสี้ยวพริบตา ไม่ปรากฏการปะทะต้านทานใดๆ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะลอบกล่าวในใจอย่างยินดี

 

‘แบบนี้…ดูเหมือนต่อให้จะเป็นพลังวิญญาณที่เหนือกว่าขอบเขตต้าหลัวจินเซียน มันก็อาจจะกลืนกินได้!’

 

และพอคิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

 

‘ชิ้นส่วนโลหะไม่สมบูรณ์ชิ้นนี้ มันเกิดจากหินดำประหลาดนั่น กับป้ายหยกของอาสาม…แม้ความเป็นมาของหินดำแปลกๆนั่นจะไม่ปรากฏ แต่ป้ายหยกนั่นจะอย่างไรก็เป็นของที่อาสามเค่อเอ๋อ ยอดฝีมือจากดินแดนแห่งทวยเทพที่ทรงพลังยิ่งกว่าตัวตนระดับจักรพรรดิสวรรค์พกติดตัวไว้ เพราะเห็นว่าไม่ใช่ของธรรมดา…’

 

‘ไม่รู้จริงๆว่าชิ้นส่วนโลหะไม่สมบูรณ์นี่มันคืออะไรกันแน่ แล้วมีความลับอะไรซุกซ่อนอยู่…’

 

ตอนนี้ในใจต้วนหลิงเทียนยิ่งมายิ่งทวีความสงสัยในวัตถุประหลาด อย่างชิ้นส่วนโลหะแตกหักมากขึ้น

 

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังสนใจชิ้นส่วนประหลาดในร่างเขานั้น

 

ฟืด! ฟืด! ฟืด!

 

เสียงสูดลมหายใจเข้า 3 สำเนียงพลันดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง แม้จะไม่ได้ดังอะไรมากมายแต่พอมาดังในจังหวะที่สภาพแวดล้อมโดยรอบเงียบงันเช่นนี้ จึงเหมือนดังเป็นพิเศษ

 

ถึงขั้นทำให้ต้วนหลิงเทียนคืนสติขึ้นมาทันที เขาหันไปเหลือบมองโจวทงที่ใช้พลังวิญญาณจู่โจมเมื่อครู่…

 

และสายตาที่ต้วนหลิงเทียนใช้มองสบตาโจวทงนั้น ช่างเปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหารอันเยียบเย็นทั้งน่ากลัวนัก!

 

หากเขาไม่มีเศษโลหะแตกๆนั่นล่ะก็…

 

สิ่งที่โจวทงกระทำเมื่อครู่ ก็มากพอจะพรากหนึ่งชีวิตของเขาไปแล้ว…

 

“มะ…ไม่…ไม่จริงน่า…เจ้าถึงกับมียอดสมบัติสวรรค์คุ้มกันวิญญาณระดับสูง!!”

 

และในขณะที่โจวทงกำลังมองต้วนหลิงเทียนด้วยความตื่นตระหนกนั้น โจวเฟยที่ลอยร่างอยู่ไกลๆก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาเสียงหลงด้วยความเหลือเชื่อ ตอนนี้สีหน้าของมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวต้วนหลิงเทียนจับใจ!

 

ยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูง!

 

ไม่ต้องพูดถึงพ่อบุญธรรมมันเลย…

 

กระทั่งผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยวยังไม่มีด้วยซ้ำ!!

 

แต่ต้วนหลิงเทียนเบื้องหน้ามัน ไม่เพียงแต่จะมียอดสมบัติสวรรค์ระดับสูง ยังเป็นยอดสมบัติสวรรค์ประเภทเครื่องรางป้องกันวิญญาณที่หาได้ยากยิ่งกว่ายอดสมบัติสวรรค์ประเภทอื่นมาก!

 

“หึ!”

 

แทบจะพร้อมกันกับที่โจวเฟยอุทานออกมาอย่างเสียขวัญ ต้วนหลิงเทียนก็พ่นลมด้วยความไม่สบอารมณ์เสียงเย็น

 

และในขณะที่เสียงสบถเยียบเย็นชาดังขึ้น ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือไปทางโจวเฟยส่งๆ

 

ฟั่ฟฟฟ!!

 

หากทว่าทันใดนั้นเอง รังสีกระบี่สีรุ้งสายหนึ่ง พลันพุ่งทะยานขวางฟ้าไปฉับไว ด้วยสภาะประหนึ่งจะแยกผ่าสวรรค์และโลก!

 

ฉัวะ!!

 

เสียงสะบั้นดังขึ้นแผ่วเบา เป็นรังสีกระบี่สีรุ้งดังกล่าวตัดร่างโจวเฟยในแนวขวาง แยกตัวมันออกเป็นสองเสี่ยง พิกลนักแม้ตัวจะแยกเป็นสองทว่าสีหน้าของมันไม่ได้แปรเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย…

 

บอกให้รู้ว่าเมื่อเผชิญกับการลงมือครานี้ของต้วนหลิงเทียน สำหรับโจวเฟยแล้วมันรวดเร็วสุดที่จะตอบสนองสิ่งใดได้ทัน

 

ปงงงง!!

 

ต้วนหลิงเทียนที่สะบัดมือซัดรังสีกระบี่สีรุ้งตัดขวางร่างโจวเฟยไปแล้ว พลันพลิกฝ่ามืออีกครั้ง รังสีกระบี่ที่พึ่งตัดร่างโจวเฟยก็ปลดปล่อยพลังทำลายล้าง ป่นร่างสองเสี่ยงของโจวเฟยให้แหลกเป็นละอองโลหิต! คงเหลือเพียงแหวนหนึ่งวงกลางหมอกเลือดที่กำลังจะร่วงตกฟ้าตามแรงโน้มถ่วง…

 

โจวเฟยที่ยังมีชีวิตอยู่จนถึงเมื่อครู่ บัดนี้ได้อันตรธานสาบสูญไปจากโลกนี้อย่างไร้ร่องรอย…

 

แต่ต้นจนจบโจวทงที่ลอยร่างอยู่ไม่ไกล ไม่แม้แต่จะขยับตัวใดๆ

 

อันที่จริงรังสีกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนซัดไปเมื่อครู่ เขาไม่ได้ใช้ออกด้วยค่ายกลกระบี่หรือเคล็ดพลังใดจากยอดกระบี่อยู่ใจ  ทั้งไม่ได้ใช้เวทย์พลังจู่โจมอย่าง 13 กระบี่บงกชฟ้าเลย…

 

หากโจวทงคิดลงมือช่วยเหลือล่ะก็ ถึงแม้ตอนนี้มันจะบาดเจ็บสาหัส แต่มันก็สามารถขัดขวางได้…

 

ทว่ามันไม่กล้าลงมือขัดขวาง!

 

เพราะมันรู้ตัว ว่าถ้ามันขวางก็รังแต่จะตายเร็วขึ้นเท่านั้น

 

ฟุ่บ!

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งใช้พลังไร้สภาพดูดรั้งแหวนของโจวเฟยมาเก็บ เขาพลันได้ยินเสียงบางสิ่งฉับไวปานฟ้าผ่าเสียดหู…

 

พอหันไปมองตามเสียงจึงพบว่า…

 

เป็นมวลแสงก้อนหนึ่งกำลังพุ่งข้ามฟ้าไปดั่งลำแสง ทิศทางที่พุ่งไปยังเป็นที่ตั้งเมืองประจำมณฑลจิ่วโยว!

 

“ยันต์อมตะสื่อสาร?”

 

ไม่ใช่เรื่องยากที่ต้วนหลิงเทียนจะมองออกว่ามวลแสงที่ว่า ไม่ใช่ใดอื่นแต่เป็นพลังอาคมจากยันต์อมตะสื่อสาร ยังเป็นยันต์อมตะสื่อสารที่โจวทงใช้ออกตอนเขาเผลอ! ส่วนเรื่องที่ไฉนมันใช้เขาก็เดาได้ไม่ยาก…

 

โจวทงคิดใช้ยันต์อมตะสื่อสารแจ้งเรื่องราวให้ผู้ว่ารับทราบ และหวังจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้ว่า..

 

กระทั่งเป็นไปได้อย่างมาก ที่อาคมจากยันต์อมตะสื่อสารดังกล่าวจะบ่งบอกความเป็นมาของเขาไว้หมดสิ้น…

 

“หึ!”

 

ทันใดนั้นสองตาต้วนหลิงเทียนฉายแววเยียบเย็นหนึ่ง พลังเซียนอมตะทั่วร่างปะทุออกฉับไวกลับกลายเป็นรังสีกระบี่สีรุ้งนับพัน ควบรวมก่อเกิดค่ายกลกระบี่สีรุ้ง พุ่งไล่พลังอาคมของยันต์อมตะสื่อสารไปทันที!

 

ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ปงงง!!

 

 

ถึงแม้ว่าอาคมจากยันต์อมตะสื่อสารจะพุ่งไปว่องไวดั่งลำแสง แต่ยังคงช้ากว่าการลงมือของต้วนหลิงเทียนมาก พริบตาก็ถูกค่ายกลกระบี่ครอบงำทำลาย อันตรธานหายไปกลางฟ้า…