เย่เฉินตอบอืมคำหนึ่ง เอ่ยไปว่า “ถ้ามีเบาแสอะไรต้องแจ้งให้ผมทราบเป็นอันดับแรก!”

ท่านหงห้าตอบอย่างพินอบพิเทา “ได้ครับ ปรามาจารย์เย่ ผมทราบแล้ว!”

เย่เฉินกดวางสาย หันไปหาป้าหลี่กับหลี่เสี่ยวเฟินที่อยู่ข้างตัว เปิดปากเอ่ย “ป้าหลี่ เสี่ยวเฟิน ทั้งสองคนไม่ต้องกังวลจนเกินไปนะครับ ให้เพื่อนช่วยสืบหาข่าวแล้วเขามีกำลังกว้างขวางมาก ผมคาดว่าจะได้เบาะแสบางส่วนกลับมาในไม่ช้านี้”

ป้าหลี่กล่าวด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “เย่เฉิน ขอบใจเธอมากนะ!”

เย่เฉินรีบตอบไปว่า “ป้าหลี่ครับ ทำไมป้าพูดแบบนี้ล่ะครับ ผมก็มาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเหมือนกัน ตอนนี้น้องๆ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหายตัวไป ผมต้องทุ่มสุดกำลังเพื่อพาตัวพวกเขากลับมาแน่นอน!”

หลี่เสี่ยวเฟินเอ่ยด้วยเสียงสะอื้น “พี่เย่เฉิน เมื่อวานพี่บริจาคเงินให้มากขนาดนั้น กลับมาป้าหลี่ยังบอกอยู่เลยว่า พวกเราจะติดตั้งกล้องวงจรปิดในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ากันสักชุด ไม่นึกเลยว่าวันนี้จะ…”

พูดมาถึงตรงนี้ หลี่เสี่ยวเฟินก็สะกดไว้ไม่ไหวอีกต่อไป ร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง

เย่เฉินรู้จักป้าหลี่กับหลี่เสี่ยวเฟินดี คนที่ทำงานในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าส่วนใหญ่ล้วนใจบุญยิ่งนัก สำหรับเด็กๆ ที่ไร้พ่อแม่เหล่านี้ ล้วนดูแลใส่ใจเหมือนลูกของตัวเองทั้งสิ้น มองว่าตัวเองคือครอบครัวของเด็กกำพร้าเหล่านี้

ตอนนี้เด็กๆ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหายไปสิบคนในหนเดียว สำหรับพวกเขาแล้ว ย่อมเป็นสะเทือนใจมหาศาล

ขณะที่เย่เฉินกำลังจะเอ่ยปลอบพวกเธอ ก็มีสายเรียกเข้าจากท่านหงห้า

เขารีบกดรับสาย

ได้ยินเสียงท่านหงห้าดังมาจากปลายสาย “ปรมาจารย์เย่ ผมไปสืบข่าวมาแล้ว ไอ้หลิ่วจ้าวเฉินคนนั้น เมื่อคืนไปพบเพื่อนคนหนึ่งที่ถนน ยืมรถไอวีโก้สวมทะเบียนคันหนึ่งมา ทั้งครอบครัวออกจากบ้านในตอนดึก ช่วงเช้ามืดก็ไม่ทราบที่อยู่แล้ว”

“ยืนรถไอวีโก้มาคันหนึ่ง?!” เย่เฉินเลิกคิ้ว เอ่ยเสียงเยียบเย็น “คนร้ายที่ลักพาตัวเด็ก ก็ขับรถไอวีโก้คันหนึ่งเหมือนกัน ผมเดาว่าคนที่ลงมือน่าจะไอ้นี่กับครอบครัวของเขาแล้ว!”

ท่านหงห้ารีบเอ่ยทันที “ปรมาจารย์เย่ครับ หรือจะให้แจ้งหมายเลขโทรศัพท์ของไอ้หนุ่มนี่ต่อทางตำรวจเลย ให้ทางตำรวจสืบค้นจากหมายเลขโทรศัพท์ของเขาแล้วจับกุมคน!”

เย่เฉินเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “ไม่! ไอ้สวะที่มุ่งร้ายต่อเด็กเล็กๆ แบบนี้ ให้พวกเขาเข้าคุกจะสะดวกสบายสำหรับพวกเขาเกินไป! ผมต้องการชีวิตของพวกเขา!”

ท่านหงห้าสะท้านทันที เอ่ยโพล่งออกไป “หากว่าปรมาจารย์เย่มีอะไรให้รับใช้ ให้หงห้าตายหมื่นครั้งก็ยินดี!”

เย่เฉินสอบถาม “คุณสามารถจับพิกัดจากโทรศัพท์ของไอ้หนุ่มได้ไหม?”

ท่านหงห้าตอบ “ไม่มีปัญหาครับ ผมมีคนอยู่ในฝ่ายโทรคมนาคม สามารถตรวจสอบข้อมูลตามตำแหน่งจริงของเขาได้!”

เย่เฉินจึงกล่าวไปว่า “ดี! คุณช่วยตรวจสอบให้ผมเดี๋ยวนี้เลย!”

ท่านหงห้าตอบรับทันที “ปรมาจารย์เย่ครับ ขอเวลาให้ผมห้านาที!”

“ได้!”

เย่เฉินวางสาย แล้วติดต่อหาเฉินจื๋อข่ายต่อทันที พอเปิดปากก็ถามเลย “ตอนนี้เมืองจินหลิงสามารถโยกย้ายเฮลิคอปเตอร์ได้กี่ลำ? แต่ละลำบรรจุคนได้เท่าไหร่?”

เฉินจื๋อข่ายตอบ “เรียนคุณชาย ที่ป๋ายจินฮ่านกงมีเฮลิคอปเตอร์ขนส่งอยู่สองลำ ทุกลำสามารถบรรจุคนได้สิบสองที่นั่ง ในสนามบินที่ทางบริษัทสายการบินของตระกูลเย่ลงทุนอยู่ ยังมีเฮลิคอปเตอร์ขนาดกลางอยู่อีกสามลำ แต่ละลำบรรจุคนได้แปดที่นั่งครับ! ”

เย่เฉินตอบอืมคำหนึ่ง เอ่ยต่อไปว่า “เตรียมเฮลิคอปเตอร์ทั้งหมดให้พร้อม พากำลังคนที่มีฝีมือดีที่สุดของคุณไป อีกอย่างนะ คุณให้เฮลิคอปเตอร์ขนาดกลางลำหนึ่งมารับผมในละแวกสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจินหลิงเดี๋ยวนี้เลย!”

เฉินจื๋อข่ายรีบสอบถาม “คุณชายจะทำอะไรเหรอครับ?”

เย่เฉินตอบเสียงเย็น “ผมจะผดุงธรรมแทนสวรรค์!”

________