บทที่ 1504 ผู้ป่วยติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ + ตอนที่ 1505 คำแถลงบนหนังสือพิมพ์

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1504 ผู้ป่วยติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ + ตอนที่ 1505 คำแถลงบนหนังสือพิมพ์ Ink Stone_Romance

 

ตอนที่ 1504 ผู้ป่วยติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ

เหมยเหมยยังไม่กล้าฟันธงว่าโฮ่วเซิ่งหนานคือผู้ติดเชื้อ HIV ฉะนั้นเธอยังบอกพวกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไปโต้ง ๆไม่ได้ หากว่าเธอเดาผิดก็เท่ากับใส่ร้ายโฮ่วเซิ่งหนาน เรื่องนี้ก็ไม่มีทางจบลงง่าย ๆ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสงสัยแต่ฉีฉีเก๋อกลับไม่เข้าใจ “ทำไมบาดเจ็บหรือประจำเดือนมาแล้วเข้าใกล้ไม่ได้?”

“ตอนนี้ฉันยังพูดไม่ได้ อย่างไรก็ตามพวกเธอจำคำของฉันไว้ก็พอ ในช่วงนี้เลยต้องจำไว้ให้ดีนะ แล้วพวกเธอก็ช่วยบอกพวกสวีจื่อเซวียนด้วยแล้วกันว่าให้ระวังตัวหน่อย” เหมยเหมยไม่ไว้วางใจเลยพูดย้ำแล้วย้ำเล่า

แม้จะไม่ชอบนิสัยของพวกสวีจื่อเซวียนนัก แต่ในเมื่อไม่มีความแค้นลึกซึ้งใหญ่โตอะไร ก็จะพยายามเตือนแล้วกัน!

จะยืนมองพวกเธออยู่ใกล้อันตรายแต่ตัวเองกลับนิ่งดูดายไม่ได้ เหมยเหมยยังไม่ใจเหี้ยมถึงขั้นนั้น!

ฉีฉีเก๋อก็ยิ่งไม่เข้าใจจึงทำหน้างุนงง

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคล้ายจะนึกอะไรได้เลยสีหน้าเปลี่ยนไปหน่อย พลางยื่นมือข้างซ้ายของเธอออกมา แผลตรงนิ้วชี้ใกล้หายดีแล้วทิ้งรอยแผลเป็นสีน้ำตาลไว้

สัปดาห์ที่แล้วจ้าวเหมยก็ห้ามเธอเข้าใกล้มิสโฮ่วที่บาดเจ็บเลือดไหลอีก ทั้งยังแสดงท่าทางจริงจังมาก ตอนนั้นเธอไม่ได้คิดมาก แต่พอตอนนี้นึกได้ว่าตอนนั้นสีหน้าจ้าวเหมยเองก็ดูท่าทางประหลาดมาก เฉกเช่นในเวลานี้

เริ่มแรกจ้าวเหมยถามว่าถังม่านลี่ได้ค้างข้างนอกหรือเปล่า แล้วถึงกำชับให้พวกเธออยู่ให้ห่างจากถังม่านลี่ โดยเฉพาะตอนบาดเจ็บกับประจำเดือนมา

บาดเจ็บกับประจำเดือนมีจุดคล้ายกันตรงไหนบ้าง?

ก็คือเลือด…

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนใจดิ่งวูบ เธอน่าจะเดาสาเหตุได้แล้วแต่เธอไม่กล้าฟันธงออกมาเลยมองเหมยเหมยอย่างหยั่งเชิงด้วยสายตาที่สื่อความหมายชัดเจน เหมยเหมยพยักหน้าให้เธอนิด ๆแล้วก็ส่ายศีรษะ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเข้าใจความหมายของเหมยเหมยดีว่าสิ่งที่เธอเดาถูกต้อง แต่จ้าวเหมยไม่ให้เธอพูดออกไป

เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆหัวใจเต้นระส่ำเหมือนเดิมแต่กลับกังวลผิดปกติ เธอฟาดมือใส่ฉีฉีเก๋อที่ยังคิดจะซักถามต่อไปทีหนึ่ง “เธอจะถามอะไรเยอะแยะ? บอกให้เธออย่าเข้าใกล้ก็อย่าเข้าใกล้ จะพูดมากทำไม?”

ฉีฉีเก๋อลูบแขนปอย ๆอย่างน่าสงสาร ยัยอ้วนนี่แรงเยอะชะมัด!

ยังบอกว่ากินแต่หญ้าทุกวัน ต้องแอบกินเนื้อมาแน่ ๆ!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ้มเห็นฟันให้เหมยเหมยแล้วพูดรับปาก “เธอสบายใจได้ ฉันจะจับตาดูยัยโง่นี้ไม่ให้คลาดสายตาเลย!”

เหมยเหมยค่อนข้างไว้ใจเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพอสมควร หญิงสาวผู้นี้แม้จะทำอะไรไม่เป็นที่น่าถูกใจอยู่บ้างแต่เป็นคนฉลาดหลักแหลมหัวไว นอกจากชอบอวดรวยที่ทำเอารู้สึกขยาดไปสักนิดแต่ไม่มีนิสัยเสียอย่างอื่น มีเธอคอยสอดส่องฉีฉีเก๋อคิด ๆดูแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไร

แต่เรื่องของโฮ่วเซิ่งหนานจะชักช้าไม่ได้เด็ดขาด ต้องรีบจัดการให้ได้!

มิฉะนั้นผู้หญิงคนนี้ใช้ชีวิตส่วนตัวมั่วไปทั่วแบบนี้ ถ้ายิ่งชักช้าคนที่ตกเป็นผู้โชคร้ายก็ยิ่งมาก ไหนจะแพร่เชื้อไปเรื่อย ๆ อนาคตมหาวิทยาเมืองหลวงก่อตั้งเป็นหมู่บ้านโรคเอดส์ได้เลย

ณ ห้องทดลองแห่งหนึ่งของคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเมืองหลวง

ศาสตร์จารย์ผมขาวโพลนคนหนึ่งในชุดเสื้อกาวน์สีขาว หน้ากาก ถุงมือเต็มยศ เขาเลื่อนตาออกจากกล้องจุลทรรศน์ด้วยสีหน้าหนักอึ้งอย่างมาก ราวกับมีก้อนหินขนาดใหญ่กดทับอยู่ในใจ

“เชื้อไวรัส HIV” ศาสตราจารย์อาวุโสถอดหน้ากากออกแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

วัยรุ่นที่อยู่ข้าง ๆในชุดเต็มยศเช่นกัน ต่างสูดหายใจเฮือกหนึ่งแต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี

“ศาสตราจารย์ แต่พวกเราตรวจดูตั้งนานไม่พบเชื้อ HIV นี่นา!” นักศึกษานึกแปลกใจเหลือเกิน หากไม่ใช่เพราะเลือดที่ส่งมาในครั้งนี้แปลกเกินไปก็คงไม่กินเวลามาถึงตอนนี้แล้วยังหาข้อสรุปไม่ได้หรอก

“ไม่เจอไม่เท่ากับไม่มีอยู่ เพียงแต่ครั้งนี้เชื้อซ่อนตัวดีมากจนเราเกือบโดนมันหลอกเข้าให้ ตอนนี้มั่นใจได้แล้วว่าเจ้าของเลือดคนนี้คือผู้ติดเชื้อ HIV ที่ไม่แสดงอาการ” ศาสตราจารย์กล่าว

“ผู้ไม่แสดงอาการ? หรือว่าเจ้าตัวจะไม่มีอาการกำเริบ?”

“ไม่ใช่ว่าไม่กำเริบเพียงแต่เชื้อฟักตัวเป็นเวลานาน อาจจะห้าปีสิบปีหรือยี่สิบปี บางทีอาจจะมีสุขภาพแข็งแรงไปตลอดชีวิตก็เป็นได้ แต่เธอกลับเป็นตัวพาหะชั้นดีเหมือนผู้ติดเชื้อคนอื่น ๆ” ศาสตราจารย์อธิบาย

……………………..

ตอนที่ 1505 คำแถลงบนหนังสือพิมพ์

ทางคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเมืองหลวงรีบติดต่อเหยียนหมิงซุ่นโดยด่วน ที่แท้ตัวอย่างเลือดนี้เหยียนหมิงซุ่นเป็นคนส่งให้เอง การจะได้เลือดโฮ่วเซิ่งหนานมามันง่ายยิ่งกว่าอะไร ขณะที่เหมยเหมยเกิดข้อสงสัยนี้เหยียนหมิงซุ่นก็สั่งให้ลูกน้องไปเก็บเลือดโฮ่วเซิ่งหนานมาก่อนจะส่งไปให้ทางคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเมืองหลวงตรวจ

เพียงแต่เหยียนหมิงซุ่นคาดไม่ถึงว่าผ่านไปหลายวันแล้วก็ยังไม่มีข้อสรุปอะไร เขายังนึกว่าเหมยเหมยเดาผิดเสียอีก

นี่ก็เป็นเหตุผลที่กระดาษเล็ก ๆแผ่นนั้นของเหมยเหมยหายเงียบไป คุณหมอคณะแพทย์ศาสตร์ได้ส่งเลือดไปตรวจแล้วจริงๆ แต่เพราะเลือดของโฮ่วเซิ่งหนานมีความพิเศษอย่างมากบวกกับ ณ เวลานี้ในประเทศยังไม่มีการศึกษาโรค HIV ลึกเท่าไร

ฉะนั้นหลังการตรวจเลือดครั้งแรกได้ผลเป็นลบ หรือเท่ากับตัวอย่างเลือดนี้ไม่มีเชื้อ HIV

คุณหมอผู้กระตือรือร้นคนนั้นถอนหายใจโล่งอกไปทีพร้อมก่นด่าเจ้าของกระดาษแผ่นเล็กนี้จนไม่เหลือชิ้นดี หลงคิดว่าเป็นการกลั่งแกล้งของนักศึกษาคนไหนเสียอีก!

เหยียนหมิงซุ่นได้รับการรายงานจากคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเมืองหลวงเลยไม่กล้าประมาทอีก เขาไม่คิดเลยว่าสิ่งที่เหมยเหมยคาดเดาจะเป็นจริง

ยิ่งกว่านั้นเขารู้สึกรังเกียจมากกว่า

รังเกียจที่ตัวเองไปเข้าตาผู้หญิงสกปรกยิ่งกว่าน้ำในท่อน้ำเสียคนนี้!

ขณะเดียวกันนายใหญ่ก็นัดพบคุณปู่จ้าวที่ใช้ชีวิตกึ่งเก็บตัว เป็นการนัดพบกันโดยส่วนตัวที่คุณปู่จ้าวนึกขอบคุณอย่างมาก การพบเจอกันแบบนี้มีค่าสำหรับเขาในเวลานี้เหลือเกิน

รอคุณปู่จ้าวกลับไปเกิดสับสนทางอารมณ์อย่างมากและรู้สึกพะวงเต็มอก

แต่ไม่นานเขาก็ตัดสินใจแน่วแน่ ทุกอย่างที่เขาก็เพื่อความรุ่งเรืองของตระกูลจ้าว หลานสาวจะต้องเข้าใจ!

อีกอย่างตอนนี้หลานสาวยังเด็กจะเข้าใจความรักอะไรกัน อนาคตเขาค่อยหาคนที่ดีกว่าให้หลานสาว

คุณปู่จ้าวพูดเกลี้ยกล่อมตัวเองไม่หยุดว่าเขาคิดถูกแล้ว เขาไม่ได้สติเลอะเลือนอย่างคุณย่า เขายังหวังดีต่อหลานสาวอยู่…

เหยียนหมิงซุ่นไปที่สวนฟาร์มก่อนเพราะเขาต้องปรึกษาเรื่องนี้กับเฮ่อเหลียนชิงสักประเดี๋ยว

เฮ่อเหลียนชิงดูสีหน้าไม่ค่อยดีเช่นเดียวกับเสี่ยวเมิ่งทำเอาเหยียนหมิงซุ่นแปลกใจอย่างมาก “นี่เกิดอะไรขึ้น? ใครทำให้พ่อบุญธรรมไม่พอใจเข้า?”

“หึ!”

เฮ่อเหลียนชิงพ่นลมทางจมูกหนัก ๆทีหนึ่งแล้วยังกลอกตาใส่เหยียนหมิงซุ่นอีกทีแต่ก็ไม่พูดสักที

เสี่ยวเมิ่งตอบ “เมื่อกี้จ้าวหวายซานมา”

“เขามาทำอะไร?” เหยียนหมิงซุ่นยิ่งสงสัยเพราะนับตั้งแต่ตระกูลจ้าว ล้มจ้าวหวานซานก็ถือว่าถอนตัวออกจากวงการแล้ว น้อยครั้งที่จะโผล่หน้าในที่สาธารณะ ดังนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามาที่สวนฟาร์มเลย?

ต่อให้อยู่ในช่วงที่ตระกูลจ้าวกำลังได้ดิบได้ดีจ้าวหวายซานก็ไม่เคยมาเหยียบที่สวนฟาร์ม ครั้งนี้เขาเพื่ออะไรกัน?

เหยียนหมิงซุ่นชักสังหรณ์ใจแปลก ๆ ก่อนหางตาจะเหลือบเห็นหนังสือพิมพ์บนโต๊ะเตี้ย หัวข้อพาดข่าวชัดเจนมากเพราะเด่นหราอยู่หน้าหนังสือพิมพ์และจากสายตาคมปราดดุจเหยี่ยวของเขาไม่อยากเห็นก็ยากแล้วล่ะ

“หลานสาวจ้าวหวายซานจ้าวเหมย…”

แค่เริ่มต้นที่พูดถึงเหมยเหมยเหยียนหมิงซุ่นก็ยิ่งสังหรณ์ใจ พอเขาอ่านบทความทั้งหมดก็ยิ่งเดือดดาล ต้องพยายามระงับอารมณ์โกรธไว้ถึงไม่ฉีกหนังสือพิมพ์ทิ้ง

จ้าวหวายซาน!

เขาดูถูกมันเอง!

แอบทำการใหญ่เงียบ ๆแล้วยังเอามีดแทงข้างหลัง

ที่แท้คือจ้าวหวายซานได้ออกคำแถลงการณ์ผ่านหนังสือพิมพ์รายวันในเมืองหลวง ซึ่งความหมายโดยรวมคือหลานสาวของเขายังอายุน้อย ยังไม่คิดเรื่องแต่งงานและไม่มีคู่หมั้นที่ว่าแต่อย่างใด หากมีคนภายนอกแอบอ้างเป็นคู่หมั้นของจ้าวเหมยหรือกุข่าวลือเสียหาย ตระกูจ้าวจะไม่ยอมความอีกทั้งจะดำเนินคดีตามกฎหมาย

ชัดเจนว่าบทแถลงนี้เขียนมาให้เขาดู!

เฮ่อเหลียนชิงถามเสียงสูง “ยัยนั่นรู้เรื่องไหม?”

เหยียนหมิงซุ่นส่ายศีรษะทันที “เหมยเหมยไม่รู้อยู่แล้ว ต้องเป็นจ้าวหวายซานแอบทำลับหลังเธอ แต่จ้าวหวายซานทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน?”

“จะเพื่ออะไรได้อีกล่ะ? ต้องเป็นข้อตกลงร่วมของตาแก่จ้าวกับนายใหญ่ เหอะ คิดจะตลบหลังพวกเรา ไม่มีทาง!” เฮ่อเหลียนชิงพูดเสียงเล็กแหลมและสีหน้าถมึงทึง

……………………….