มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1255

จากนั้นก็คือกฎห้วงเวลาทั้งสองกฎ กฎปริภูมิบรรลุถึงแดนบริบูรณ์ใหญ่แล้ว ส่วนกฎห้วงเวลาบรรลุถึงแดนบรรลุผล ค่อย ๆ ไล่ตามขึ้นมาติด ๆ

การยกระดับของแดนกฎ สิ่งที่สัมผัสได้โดยตรงก็คือศักยภาพที่เพิ่มขึ้น

แต่สิ่งที่ทำให้หลัวซิวรู้สึกปวดหัวคือสำนักเต๋าเสวียนเทียนวิวัฒนาการมานานเช่นนี้แล้ว แต่กลับยังไม่มีท่าทีที่จะวิวัฒนาการสำเร็จอีกเช่นเคย มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่ทราบว่ามันจะวิวัฒนาการอีกนานเท่าไหร่

“ฟึ่บ!”

เก็บปีกเทพทั้งสามคู่กลับเข้าไปในร่างกาย หลัวซิวค่อย ๆ ลุกตัวขึ้นพลางพูดพึมพำ: “หลังจากที่ปีกเทพดาราไร้มลทินผสมเข้ากับเกล็ดมังกรครามยักษ์แล้ว ก็เรียกมันว่าปีกเทพมังครครมยักษ์ไร้มลทินดีกว่า!”

และในตอนนี้ เขาก็สัมผัสได้ถึงการผันแปรของค่ายกลที่จัดวางอยู่บริเวณรอบถ้ำในโลกภายนอก เขาจึงรีบออกมาจากโลกาศุภร

หลังจากที่ออกมาจากโลกาศุภรแล้ว ตัวสำนึกของหลัวซิวก็สัมผัสว่ามีเงาดำหลายร่างปรากฏอยู่รอบค่ายกลที่เขาจัดวางอยู่นอกถ้ำ

เงาดำเหล่านั้นไม่ได้ปิดบังกลิ่นอายออร่าของตน พวกเขามีทั้งหมดเจ็ดคน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีไอ้ปีศาจเก้าเซียวจื่อเจี้ยนนั่นอยู่ด้วย

“ออกมาแล้ว”

แสงค่ายที่เกิดจากลายค่ายที่เชื่อมต่อกันหายไปแล้ว เงาร่างของหลัวซิวเดินมาจากที่ไกล ๆ เซียวจื่อเจี้ยนใช้นิ้วชี้ไปทางเขาแล้วพูดกับพวกคนที่อยู่ข้าง ๆ

“คนนี้คือน้องชายคนนั้นที่เจ้าหมายถึงน่ะหรือ? มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 5 แต่สามารถสังหารเทพมารได้ เช่นนั้นก็เก่งกาจกว่าเจ้าในอดีตมาก ๆ เลยนะ”

ชายร่างใหญ่ที่ร่างกายกำยำคนหนึ่งยิ้มพลางพูดเสียงดังทุ้ม

ในบรรดาปีศาจเก้า อายุเซียวจื่อเจี้ยนน้อยที่สุด แต่พรสวรรค์ของเขากลับสูงที่สุด ปีศาจยักษ์ยิ่งเคยพูดกับปากตัวเองว่าอนาคตผลสำเร็จของน้องเก้าต้องไม่ด้อยกว่าข้าแน่นอน

ปีศาจยักษ์เป็นหนึ่งในเจ้านภาที่สูงตระหง่านและมั่นคงดั่งขุนเขาที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดในโลกาอสูรฟ้า การที่เขาสามารถประเมินค่าเช่นนี้ แสดงว่าผลสำเร็จในอนาคตของเซียวจื่อเจี้ยน อย่างน้อยก็ต้องอยู่ที่ระดับเจ้านภา

ปัจจุบันกลับมีหนุ่มน้อยคนหนึ่งปรากฏ ซึ่งมีพรสวรรค์สูงกว่าเซียวจื่อเจี้ยนเสียอีก เช่นนี้ก็หมายความว่าเขาแข็งแกร่งกว่าลูกพี่ใหญ่ของหุบเขาปีศาจเก้าอีกหรือ?

“มา ๆ ๆ น้องชาย ข้าขอแนะนำให้เจ้ารู้จักก่อน ท่านทั้งหลายนี้ล้วนเป็นพี่ชายของข้า……”

จากการแนะนำของเซียวจื่อเจี้ยน หลัวซิวถึงจะทราบว่าทั้งหกคนที่ยืนอยู่ข้างกายเซียวจื่อเจี้ยน เป็นปีศาจที่สามถึงที่แปดของหุบเขาปีศาจเก้า

ปีศาจเก้าล้วนเป็นเทพฟ้า อุปนิสัยต่างกัน หน้าตาต่างกัน ฝีมือความสามารถก็แตกต่างกันเช่นกัน

“แฮะ ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าน้องชายไม่เพียงมีกำลังรบแข็งแกร่ง พรสวรรค์ด้านค่ายกลก็ไม่ธรรมดาด้วย”

ปีศาจหกสวีโยวจือใช้มือลูบหนวดเคราพลางยิ้มพลางพูด: “หากมีเวลาคงต้องขอคำชี้แนะหน่อยแล้วล่ะ”

ปีศาจหกสวีโยวจือผู้นี้เป็นนักค่ายเทพระดับ 5 แล้ว พอจะพูดได้เลยว่าคนระดับนี้หาพบได้ยากมาก ทั่วทั้งโลกาอสูรฟ้า ผู้ที่สามารถบรรลุถึงนักค่ายเทพระดับ 5 ได้นั้น คงมีเพียงคนสองคนเท่านั้น

แววตาของหลัวซิวเป็นประกายขึ้นมา“ข้าไม่กล้าให้คำชี้แนะท่านอยู่แล้วขอรับ ข้าต่างหากที่ควรเรียนรู้กับผู้อาวุโส”

ระดับของนักค่ายเทพ ระดับ 1 ถึง 3 ตรงกับเทพมาร ระดับ 4 ถึง 6 ตรงกับเทพฟ้า และนักค่ายเทพระดับ 6 ก็เทียบเท่ากับเจ้านภาแล้ว ดังนั้นการที่เขาสามารถบรรลุขึ้นมาเป็นนักค่ายเทพระดับ 5 นั้น ก็พอจะเห็นถึงความไม่ธรรมดาของเขาแล้ว

สำหรับผู้แข็งแกร่งที่ผลการฝึกตนยังบรรลุไม่ถึงแดนเทพฟ้า เป้าหมายในชีวิตนี้ของพวกเขาคือแสวงหาแดนเจ้านภา จากนั้นค่อยพัฒนาให้ดีขึ้นไปอีก จนสอดส่องความลี้ลับในแดนราชาเทพ

เพราะฉะนั้นผู้แข็งแกร่งระดับเทพฟ้าส่วนมากจึงใช้เวลาอยู่กับการฝึกตนปิดขัง น้อยมากที่จะออกมาเคลื่อนไหวในโลกภายนอก

ปีศาจเก้าในหุบเขาปีศาจเก้าก็เป็นแบบเดียวกันเช่นกัน ภายใต้สถานการณ์ทั่วไปจะมีการจัดแจงให้พี่น้องหนึ่งถึงสองคนคอยคุ้มกันรักษาหุบเขาปีศาจเก้า ส่วนคนอื่นที่เหลือล้วนจะอยู่ในสภาวะฝึกตนปิดขัง

แต่ครั้งนี้ปีศาจสามถึงปีศาจแปดต่างพากันออกจากการฝึกตนปิดขัง สาเหตุหลักนั้นเป็นเพราะหลัวซิว เมื่อผ่านการบรรยายของเซียวจื่อเจี้ยน พวกเขาต่างทราบว่าคนดังกล่าวมีศักยภาพยิ่งใหญ่ และเป็นอัจฉริยะผู้ไร้เทียมทานที่มีโอกาสบรรลุถึงแดนที่อยู่เหนือแดนเจ้านภา!

“รากฐานแข็งขัน ศักยภาพไร้ขอบเขต เป็นบุคคลที่มีความสามารถจริง ๆ!”

ชายคนหนึ่งที่มีเปลวไฟลุกโชนออกมาจากรูจมูกอยู่เป็นระยะ ๆ หรี่ตามองหลัวซิวตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาเช่นนี้เหมือนดั่งอสูรโหดตัวหนึ่งที่กำลังจ้องมองเหงื่อของตัวเองอยู่ยังไงอย่างนั้น