ในเวลานี้มันมีคลื่นพลังแห่งแนวคิดรุนแรงพัดลงมาจากยอดเขาราวกับว่าทางช้างเผือกนั้นกำลังไหลกลับหัวลงมาเป็นภาพที่สวยงามตระการตา
มหาค่ายกลแห่งเขาแปดโมฆะที่ทอดตัวยาวไปนับสิบล้านกิโลเมตรนั้นมันต่างทำงานขึ้นมาพร้อมๆ กัน
คลื่นพลังระดับนี้มันทำให้คนทั้งหลายต้องสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
ต่อให้จะเป็นเจ้าฟ้าดินห้าทลายอย่างตัวเยว่เฟิงเองก็ยังแทบไม่อาจยันตัวฝืนคลื่นพลังนี้ได้
“เขาถึงยอดได้! เขา… กลับขึ้นไปถึงยอดได้! นั่นมันคือดินแดนแห่งกฎ! เขาทำได้อย่างไรกัน?”
ความตกตะลึงนั้นมันปรากฏขึ้นเต็มใบหน้าเยว่เฟิง เรื่องที่เย่หยวนก้าวไปถึงยอดได้นี้มันเหนือล้ำแค่คำว่าตกตะลึงไปมากแล้ว
กฎ นั่นมันคือสิ่งที่เจ้าฟ้าดินทุกผู้คนต่างไล่ล่าหามัน
แต่ในยุคสมัยนี้นับหมื่นล้านปีที่ผ่านมามันยังไม่เคยมีใครขึ้นไปถึงพลังของกฎได้นอกจากเหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลาย
ต่อให้เจ้าฟ้าดินทั้งหลายจะรู้ว่ายอดเขาแปดโมฆะนี้มันคือดินแดนของพลังแห่งกฎ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าจะไปแตะต้องมัน
ครั้งหนึ่งจักรพรรดิเทพสวรรค์อู๋ซินได้ก้าวขึ้นไปถึงระดับเจ็ดหมื่นกิโลเมตรได้แต่สุดท้ายก็ยังไม่อาจจะก้าวผ่านระยะสุดท้ายขึ้นไปถึงพลังแห่งกฎ
แต่วันนี้มันกลับมีคนผู้หนึ่งก้าวขึ้นไปถึงได้!
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือคนผู้นี้เป็นเพียงแค่จักรพรรดิเทพสวรรค์คนหนึ่ง
ความตื่นตะลึงนี้มันเกินกว่าที่จะจินตนาการถึง
คนแรกในรอบหมื่นล้านปี!
และคนที่ตื่นตะลึงนั้นมันมิใช่แค่ตัวเยว่เฟิง
เหล่ายอดฝีมือที่ยังหลงเหลืออยู่บนยอดเขาแปดโมฆะนั้นต่างไม่เคยคิดฝันว่าตัวเองจะได้เห็นปาฏิหาริย์เช่นนี้เข้า
“หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้จะสามารถบ่มเพาะพลังของกฎได้จริง? แต่มันเป็นแค่จักรพรรดิเทพสวรรค์คนหนึ่ง!”
“หากเขาไม่สามารถบ่มเพาะพลังระดับกฎได้แล้วเหตุใดเขาถึงปีนขึ้นยอดได้เล่า? คำพูดเจ้ามันขัดแย้งกันเองแล้ว!”
“สิ่งที่ไม่เคยมีใครทำได้มานับหมื่นล้านปี วันนี้เขากลับทำมันได้! ข้าล่ะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองจริงๆ!”
…
ความตกตะลึงของคนทั้งหลายนั้นมันไม่อาจจะใช้คำพูดใดอธิบายได้
พลังแห่งกฎนั้นมันคือตัวตนที่ปกครองทุกสิ่งอย่างเบื้องล่าง
มันคือเป้าหมายที่ยังไม่เคยมีใครไปถึง!
แต่เวลานี้มันกลับมีจักรพรรดิเทพสวรรค์คนหนึ่งก้าวไปถึงระดับนั้นได้ มีหรือที่พวกเขาจะไม่อิจฉา?
เพียงแค่ว่าความตกตะลึงของพวกเขามันยังจะไม่จบเท่านี้
ในเวลานั้นเองที่เย่หยวนร้องเรียกขึ้นมา “ออกมา!”
ไฟวิญญาณเก้าสีนั้นพุ่งมารวมกันที่จุดเดียวก่อนจะกลายเป็นเงาร่างของชายแก่ขึ้น
เมื่อเฒ่าคนนี้ปรากฏตัวขึ้นมาพลังกฎแห่งเต๋าค่ายกลมันก็ปะทุขึ้นทั่วทั้งเขาแปดโมฆะทันที
เดิมทีแล้วเขาแปดโมฆะนั้นเหมือนเป็นแค่ซากค่ายกล
แต่การปรากฏตัวของเขาผู้นี้มันเหมือนคืนชีวิตให้ค่ายกลทั้งหลายทันที!
มันราวกับว่าทุกสิ่งอย่างนี้เกิดขึ้นมาเพื่อตัวเขา
แม้จะเป็นคนโง่แค่ไหนก็คงเข้าใจ
ว่าชายแก่คนนี้มันมิใช่ใครที่ไหนนอกจากเสี้ยววิญญาณของเจ้านายคนก่อนของมหาค่ายกลบนเขาแปดโมฆะ!
คนทั้งหลายต่างแทบลืมหายใจมองดูชายแก่คนนี้พร้อมๆ กันเป็นตาเดียว
นี่มันคือยอดฝีมือระดับกฎ!
“เฒ่าหลินหวู่ซวงขอคารวะท่านนักบุญฟ้าคราม!”
ภายใต้สายตาของคนทั้งหลายนั้น ชายแก่ผู้นั้นกลับก้มลงกราบต่อหน้าเย่หยวน!
เขาก้มกราบ!
ยอดฝีมือระดับกฎนั้นกลับก้มลงกราบเด็กหนุ่มอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์คนหนึ่ง!
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือยอดคนเช่นนี้กลับมิได้ใช้ฉายานามใด
เขานั้นเรียกแทนตนด้วยนามที่แท้ของตน
เหล่ายอดฝีมือบนเขาแปดโมฆะนั้นเหมือนจะลืมวิธีการใช้สมองไปชั่วขณะ
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันแปลกประหลาดจนเกินเข้าใจ เหนือล้ำกว่าสามัญสำนึกของพวกเขาไปไกลล้ำ
พวกเขานั้นคิดไปว่าเย่หยวนอาจจะได้รับสมบัติสืบทอดจากมหาบรรพกาลค่ายกลฟ้ามาจากที่ใดทำให้สามารถก้าวขึ้นไปถึงยอดได้
เมื่อตัวหลินหวู่ซวงปรากฏขึ้นมาคนทั้งหลายย่อมจะคิดว่าเย่หยวนคงกราบกรานอาจารย์แน่แล้วเพื่อขอบคุณสมบัติที่ได้รับมอบสืบทอดมา
แต่ผลลัพธ์มันกลับเป็นตรงกันข้าม
ในเวลานี้ความลึกลับของเย่หยวนในจิตใจของคนทั้งหลายนั้นมันพุ่งทะยานขึ้นไปอีกหลายเท่า
เขานั้นมีดีอะไร?
เย่หยวนมองดูที่หลินหวู่ซวงก่อนจะพบว่าใบหน้านี้มันดูไม่คุ้นเสียเลย
เวลาที่เขาอยู่ในยุคก่อนนั้นมันแสนสั้น มันย่อมไม่มีทางใดที่เขาจะไปรู้จักทุกผู้คน
ในหมู่อัจฉริยะที่เหนือล้ำกว่าใครๆ ในสมัยนั้น มันย่อมจะไม่มีตัวหลินหวู่ซวงอยู่
“ลุกเถอะ เจ้าเคยเจอข้ามาก่อน?” เย่หยวนถามขึ้น
เวลาที่เขาใช้ในมิติลับสวรรค์นั้นมันแสนสั้น ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเขาใช้เวลาเกือบทั้งหมดไปกับการเก็บตัวไม่ได้ออกไปพบปะเหล่าอัจฉริยะมากมาย
หลินหวู่ซวงตอบกลับมา “ศิษย์นั้นเป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกที่ได้เข้าไปในมิติลับสวรรค์และได้มีโอกาสเห็นตัวท่านเมื่อตอนนั้น แม้ว่าข้านั้นจะไม่อาจเห็นหน้าท่านได้ชัดเจนแต่คลื่นพลังของท่านนี้มันย่อมจะไม่มีทางผิดพลาดไปได้ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ… ศิษย์นี้เป็นสหายสนิทกับฉินเชา”
เมื่อได้ยินนามของฉินเชาเย่หยวนก็หรี่ตาลงอย่างไม่อาจห้าม
เพราะในยุคสมัยก่อนนั้นคนที่ติดตามเขานานที่สุดมันก็คือฉินเชา
น่าเสียดายที่ว่าเขาไม่อาจจะช่วยเหลือฉินเชาได้
เย่หยวนถามขึ้น “เจ้าได้เป็นมหาบรรพกาลเช่นนี้ เช่นนั้นฉินเชา…”
หลินหวู่ซวงตอบกลับมา “เขานั้นได้รับการสั่งสอนโดยตรงจากท่านนักบุญฟ้าคราม แน่นอนว่าเขาย่อมจะได้รับตำแหน่งมหาบรรพกาลไปเช่นกัน! เพียงแค่ว่าเขานั้นได้ตายลงไปในศึกกับหยวนอี้ บรรพบุรุษของตระกูลสายเลือดลึก”
เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะถอนหายใจยาว “น่าเสียดายที่ข้านั้นไม่อาจจะต่อสู้ร่วมกับพวกเจ้าได้ในครานั้น”
หลินหวู่ซวงตอบกลับมา “ตั้งแต่อดีตกาลมามันไม่เคยมีสิ่งใดที่สมบูรณ์แบบได้ ท่านนักบุญฟ้าครามนั้นได้สร้างคุณประโยชน์ชั่วลูกชั่วหลาน ไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องโทษว่าตัวเองเลย ที่สำคัญไปกว่านั้นภาระที่ท่านนักบุญฟ้าครามแบกไว้มันย่อมจะหนักหน่วงกว่าเราไปหลายเท่า สิ่งที่ท่านนักบุญฟ้าครามกล่าวในครานั้นเราย่อมจะไม่มีใครเข้าใจได้ แต่ได้มาเห็นท่านนักบุญฟ้าครามอีกครั้งในวันนี้หวู่ซวงก็รู้สึกกระจ่างขึ้นอย่างไร้ข้อกังขาใดๆ แล้ว ท่านนั้นมาเพื่อเก็บค่ายกลของศิษย์นี้คงเพราะว่าเผ่าเทวามันกลับมาผงาดขึ้นอีกครั้งใช่หรือไม่?”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “เผ่าเทวานั้นมันกำลังบุกทะลวงดินแดนของเราไม่หยุดยั้ง หลากเผ่าพันธุ์นั้นต่างไร้กำลังต่อต้านข้าจึงคิดจะใช้ค่ายกลนี้ต่อต้านมัน ส่งค่ายกลมาให้ข้าเถอะ!”
หลินหวู่ซวงตอบกลับมาพร้อมก้มหน้า “รากฐานของเก้ากฎค่ายกลนี้มันคือสิ่งที่ศิษย์ได้เรียนรู้มาตลอดชีวิต มันสามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นนับพันๆ ค่ายกลได้! ก่อนนั้นศิษย์ได้ใช้เลือดหัวใจของตนก่อนเป็นค่ายกลนี้สังหารเผ่าเทวาไปกว่าแปดพัน แต่ศิษย์เองก็ตายลงหลังจากนั้นเพราะเลือดหัวใจที่เหนื่อยอ่อน”
เย่หยวนถอนหายใจยาวออกมา “คงลำบากเจ้าแล้ว!”
พูดจบหลินหวู่ซวงก็ยกนิ้วขึ้นมาแตะที่หน้าผากของเย่หยวนพร้อมปล่อยแสงสว่างจ้าออกมา
ค่ายกลเก้ากฎนั้นมันไหลลงสู่ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนทันที
เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ทันทีว่ามันมีข้อมูลมหาศาลกำลังไหลเข้าจิตของตน
แม้ว่าค่ายกลนี้มันจะเกิดขึ้นมาจากแค่เก้าค่ายกลหลักแต่กฎเต๋าค่ายกลที่แฝงอยู่ภายในนั้นมันไม่อาจจะสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้เลย
เมื่อยอดฝีมือบนเขาแปดโมฆะได้ยินคำพูดของคนทั้งสองนั้นพวกเขาต่างก็ต้องอ้าปากค้างไปตามๆ กัน
พวกเขานั้นไม่อาจเข้าใจได้หลายสิ่งหลายอย่าง แต่สิ่งที่ชัดเจนคือพวกเขาได้ยินหลินหวู่ซวงเรียกตนเองว่าศิษย์
ยอดฝีมือระดับกฎของยุคสมัยก่อนนั้นกลับเรียกตนเองว่าศิษย์ต่อหน้าเด็กหนุ่มจักรพรรดิเทพสวรรค์คนหนึ่ง
มันจะยังมีอะไรน่ากลัวไปกว่าเรื่องนี้ได้อีก?
“ซิ่วหยุน เจ้ารู้จัก… เจ้าหนุ่มคนนั้น? เขาเป็นใครมาจากไหนกันแน่?”
ในเวลานี้เหล่าเจ้าฟ้าดินทั้งหลายเริ่มจะค่อยๆ เดินมารวมกลุ่มคุยเรื่องราวถามจากปากของจักรพรรดิเทพสวรรค์ซิ่วหยุน ชายเพียงคนเดียวที่เย่หยวนยอมคุยด้วย
ซิ่วหยุนตอบกลับมาด้วยใบหน้าเหยเก “เขานั้นบอกว่าตนเองมาจากเมืองจักรพรรดิในแดนใต้…”
“ม-เมืองจักรพรรดิ! เจ้าล้อเราเล่นหรือ?” มีหรือที่จะมีใครไปเชื่อคำพูดเช่นนั้น?
แต่ซิ่วหยุนนั้นกลับตอบมาด้วยสีหน้าจริงจัง “เหมือนว่าเขานี้จะสร้างชื่อให้ตัวเองในแดนใต้ไว้มาก! ข้านั้นเคยส่งคนลองไปตรวจสอบดูและก็พบว่าเขามาจากเมืองจักรพรรดิน้อยๆ เมืองหนึ่งจริง ที่สำคัญไปกว่านั้นคือการสร้างชื่อทะยานฟ้าของเขานี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงแค่สองถึงสามพันปีที่ผ่านมา ความเร็วในการเติบโตของเขานี้มันเหนือล้ำจนเกินจะใช้คำพูดใดบรรยาย ครั้งก่อนที่ข้าได้เห็นเขานี้เขายังเป็นแค่เทพสวรรค์คนหนึ่งอยู่เลย แต่ดูเวลานี้สิ เขากลับก้าวขึ้นมาเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นสุด! หากข้าเดาไม่ผิดแล้วเขาอาจจะเป็นร่างกลับชาติมาเกิดของสัตว์ประหลาดเฒ่าสักคน!”
“ร่างกลับชาติมาเกิดของสัตว์ประหลาดเฒ่า? แล้วมันจะต้องเป็นสัตว์ประหลาดระดับใดถึงทำให้ยอดฝีมือระดับกฎนี้เรียกตัวเองว่าศิษย์ได้?”
ไม่มีใครสามารถตอบคำถามนั้นได้…
………………..