ภาค 11 คุนหลุนกลาง กว่างเฉิงบูรพา บทที่ 1084 ตามรอยในนพยมโลก

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ยิ่งเข้ามาด้านในชายฝั่งนพยมโลกแห่งนี้มากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่คุกคามผู้คนของนพยมโลกเท่านั้น

เยี่ยนจ้าวเกอ จักรพรรดิแพร และจักรพรรดิไร้จำกัดย่อมไร้ปัญหา แต่ด้วยพลังฝึกปรือของเมิ่งหว่าน นางกลับไม่อาจต้านทานต่อไปได้อีก ได้รับการกัดกินจากพลังแห่งนพยมโลก ค่อยๆ สูญเสียสติสัมปชัญญะ

มาตรแม้นว่าจะมีจิตใจแน่วแน่ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่คนที่ไร้ซึ่งรัก ไร้ซึ่งความอยาก ย่อมได้รับผลกระทบ

ทั้งหมดล้วนอาศัยหยกแขวนชิ้นหนึ่งที่จักรพรรดิแพรมอบให้นางป้องกันตัวและชำระล้างจิตใจ จึงค่อยเคลื่อนไหวในนี้ได้

พวกเยี่ยนจ้าวเกอไม่คิดจะติดต่อกับปีศาจในพื้นที่แห่งนี้ เมื่อพวกมันไม่อาจส่งผลคุกคามต่อพวกเขา ก็ถูกทำลายพินาศ

ทุกคนเดินทางอย่างมีเป้าหมายตามร่องรอยที่เฟิงอวิ๋นเซิงได้ทิ้งเอาไว้ ประสิทธิภาพเร็วขึ้นมาก

หลังจากเดินทางต่อเช่นนี้อีกหลายวัน ฝีเท้าของพวกเยี่ยนจ้าวเกอกลับเชื่องช้าลง จิตใจของทุกคนกลายเป็นหนักอึ้งขณะมองดูมิติตรงหน้า

สถานที่แห่งนี้คือบริเวณพรมแดนของชายฝั่งยมโลกแห่งนี้ หากเดินหน้าต่อไป จะเข้าใกล้ต้นตอที่ถูกกัดกินของมิติแห่งนี้ และเป็นบริเวณที่อยู่ติดกับนพยมโลก

ฝีเท้าของเฟิงอวิ๋นเซิงคล้ายกับยังคงมุ่งหน้าต่อไป

เยี่ยนจ้าวเกอค้นหารอบๆ แล้วเที่ยวหนึ่ง แต่ไม่พบร่องรอยใดอีก คล้ายกับว่าการเคลื่อนที่ไปด้านหน้าเป็นทางเลือกเดียว

จักรพรรดิสรรพสิ่งไร้จำกัดถามอย่างแช่มช้า “สหายน้อยเฟิงผู้นี้ออกจากเขากว่างเฉิงเพื่อท่องโลก ได้พกมงกุฎจันทรามาด้วยหรือไม่”

ตอนนี้เขารู้แล้วว่า เฟิงอวิ๋นเซิงเป็นคนของเขากว่างเฉิงที่ครอบครองมงกุฎจันทรา

“มงกุฎจันทรามีนางเป็นผู้ควบคุมมาโดยตลอด” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ

เมิ่งหว่านที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้าเป็นปรกติ ผลแพ้ชนะจากการต่อสู้ที่เหมือนกับทุ่มเทชีวิตกับเฟิงอวิ๋นเซิงเมื่อก่อนหน้า ทำให้นางละทิ้งการยึดมั่นด้านนี้ไปแล้ว

จักรพรรดิสรรพสิ่งไร้จำกัดพึมพำกับตัวเอง “กลับไม่ทราบว่าสหายน้อยเฟิงได้เลื่อนสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงแล้วหรือยัง”

ถึงแม้จะมีร่องรอยที่เฟิงอวิ๋นเซิงเหลือไว้ตามรายทาง แต่เป็นเพราะว่าการเคี่ยวกรำของเวลา จึงไม่มีรายละเอียดมากพอให้กล่าวถึง ยากจะแยกแยะพลังฝึกปรือและสภาพจิตใจของเฟิงอวิ๋นเซิงในปัจจุบัน

“หากว่าศิษย์พี่เฟิงทำลายนภาเห็นเทวะสำแดงสำเร็จ เช่นนั้นก็สามารถใช้พลังทั้งหมดของมงกุฎจันทราได้ในระยะเวลาสั้นๆ” เมิ่งหว่านเป็นสตรีแห่งจันทรา อีกทั้งยังเคยครอบครองมงกุฎจันทรา จึงเข้าใจเป็นอย่างดี

ไม่ทราบว่าราชันพระจันทร์สร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ขึ้นมาอย่างไร จึงทำให้มันแตกต่างจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นอื่น

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างราบเรียบ “ถึงแม้ว่าภรรยาข้าจะตั้งใจฝึกฝนตนเอง แต่เรื่องราวเกี่ยวข้องกับนพยมโลก นางจะต้องเข้าใจความสำคัญในนี้ดี ไม่มีทางเสี่ยงอันตรายโดยไม่ไตร่ตรอง”

ชายหนุ่มเข้าใจความเป็นห่วงของจักรพรรดิสรรพสิ่งไร้จำกัดดี ถ้าหากว่าใช้พลังของมงกุฎจันทราได้ทั้งหมด เฟิงอวิ๋นเซิงไม่เพียงแต่สามารถปกป้องตัวเองได้เท่านั้น ขณะเดียวกันยังป้องกันการกัดกินจากจิตมารแห่งนพยมโลก รักษาสภาพจิตใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มงกุฎจันทราเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในระดับเดียวกับตราประทับตะวัน อานุภาพของมันอยู่ในระดับสูงสุด หากไม่เจอจอมมารที่เทียบได้กับยอดฝีมือระดับเซียนของสำนักเต๋า แม้นเฟิงอวิ๋นเซิงจะเข้ามาในนพยมโลก ก็ไม่มีอันตรายมากนัก

ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากว่ายังไม่ได้เลื่อนสู่ขั้นเทวะสำแดง ไม่อาจแสดงพลังของมงกุฎจันทราออกมาได้ทั้งหมด ถึงเฟิงอวิ๋นเซิงจะกระตุ้นอานุภาพทั้งหมดของมงกุฎจันทราได้ แต่เมื่อเดินลึกเข้ามาในนพยมโลก ก็ยากจะคาดถึงผลดีผลเสียได้อยู่ดี

โดยเฉพาะถ้านางยังเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นรวมรูปแล้วเข้ามาในนี้ เมื่อได้รับการล่อลวงจากนพยมโลกแล้ว เรื่องราวก็จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง

พวกเขาครั้งนี้มาตามหาคน จะต้องวางแผนกันใหม่ และในเมื่อมาถึงแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอย่อมไม่ยอมเลิกราง่ายๆ

“พวกเราจะต้องเข้าไปตามหาถึงจะถูก” จักรพรรดิแพรยามนี้เอ่ยขึ้น “ไม่แน่ว่าตอนนี้สหายน้อยเฟิงอาจกำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่ก็เป็นได้”

จักรพรรดิไร้จำกัดผงกศีรษะ “พวกเราไปเถอะ”

ทุกคนมุ่งหน้าต่อไป เสียงที่สะท้านขวัญวิญญาณเริ่มดังขึ้นข้างหู ยิ่งมายิ่งดัง จนกระทั่งถึงตอนท้ายที่แทบทำให้แก้วหูแทบฉีกขาด

แสงดำมืดด้านหน้าเริ่มสลาย มีหมอกดำแผ่พุ่ง มีแสงสีแดงโลหิตที่น่าสยดสยองกะพริบ

ที่นี่ไม่ใช่ร่องแยกนพยมโลกที่เห็นในโลกแปดพิภพอีกต่อไป แต่เหมือนกับทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต เผชิญหน้ากับนพยมโลกโดยตรง

“ที่นี่มีบางอย่างแปลกๆ ควันมารนพยมโลกแม้ว่าจะกำลังกัดกินมิติอยู่ แต่ก็ไม่ได้ราบรื่นมากนัก” จักรพรรดิแพรมองแวบหนึ่ง กล่าวอย่างไม่ร้อนใจ “เหมือนกับมีตัวตนบางอย่างรบกวนการกัดกินมิติของนพยมโลก”

จักรพรรดิไร้จำกัดสำรวจอยู่ครู่หนึ่งค่อยสั่นศีรษะ “เกี่ยวข้องกับสายฟ้าอนัตตา แต่ก็ไม่ได้มีแค่สายฟ้าอนัตตา”

ทุกคนมุ่งหน้าต่อไป สุดท้ายเข้าไปด้านในหมอกดำกว้างใหญ่นั้น

การก้าวเท้าในครั้งนี้พลันเป็นโลกที่ต่างไปจากเดิม

ไม่ใช่ความรู้สึกที่เดินทางจากโลกแปดพิภพไปถึงโลกผืนสมุทร โลกลอยน้ำ หรือว่าจากโลกแปดพิภพไปถึงโลกซ้อนโลก แต่เป็นความรู้สึกเหมือนกับตัวเองกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอีกชนิด รูปแบบชีวิตเปลี่ยนไป

คล้ายกับกายเนื้อตายไป วิญญาณออกจากร่าง เปลี่ยนจากคนเป็นภูตผี มหาจักรวาลรกร้างและโกลาหล

เมื่อเข้ามาด้านใน อย่าว่าแต่เมิ่งหว่านเลย แม้แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็ยังรู้สึกยากทนทาน

ตอนเผชิญกับการกัดกินจากควันมารนพยมโลกเมื่อก่อนหน้า ถึงอย่างไรยังถือว่าอยู่ในโลกใบอื่น บัดนี้อยู่ในนพยมโลกโดยตรง พลังที่คุกคามจิตใจนั้นไหนเลยจะเพิ่มขึ้นแค่สิบหรือร้อยเท่า

เยี่ยนจ้าวเกอถึงขั้นรู้สึกได้ว่า วิชามารเช่นคัมภีร์มารไร้รูปซึ่งที่แล้วมาตนเพียงศึกษา แต่ไม่ได้ฝึกฝนจริงจังคล้ายกับมีชีวิตเป็นของตัวเอง

อักขระวิชามารที่อยู่ในความทรงจำอาศัยพลังของนพยมโลก ค่อยๆ กอปรกันเป็นเมล็ดเม็ดหนึ่งด้วยตัวเอง แล้วหยั่งรากแตกหน่อในวิญญาณของเยี่ยนจ้าวเกอ

รอจนทุกอย่างเติบโตขึ้น ก็จะเป็นเวลาที่พิราบยึดรังสาลิกา

นอกจากคัมภีร์มารไร้รูปแล้ว ยังมีวิชามารอีกมากมายที่เหนี่ยวนำปราณมาร ก่อเกิดเป็นมารหลายตัว เพียงแต่ว่าไม่ได้แข็งแกร่งเท่าคัมภีร์มารไร้รูป

‘นพยมโลกไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่รู้ว่าอวิ๋นเซิงตอนนี้เป็นอย่างไรแล้ว’ เยี่ยนจ้าวเกอสงบจิตใจ พลางโคจรเคล็ดวิชา สะกด ทำลาย และชำระล้างมารทีละตัว

เขาคอยดูสถานการณ์ของจักรพรรดิแพร สภาพในตอนนี้ของอีกฝ่าย ในมุมหนึ่งแล้ว เรียกได้ว่าถูกนพยมโลกฉกฉวยได้โดยง่าย บางทีในตอนนี้เขายังคงไร้ช่องโหว่บนร่าง แต่ว่าในจิตใจก็ไม่แน่แล้ว

จักพรรดิไร้จำกัดมีความคิดเหมือนกับเยี่ยนจ้าวเกอ สาเหตุที่ตามมาในครั้งนี้ ก็เพื่อป้องกันภัยแฝงของเรื่องนี้

จักรพรรดิแพรกลับเหมือนปกติทุกประการ คล้ายกับไม่รู้สึกอะไร และคล้ายไม่เห็นความสนใจของเยี่ยนจ้าวเกอและจักรพรรดิไร้จำกัด

เขาเพียงแค่ตามหาร่องรอยเบาะแสที่เฟิงอวิ๋นเซิงทิ้งไว้ไปพลาง คอยดูว่าเมิ่งหว่านยังสบายดีหรือไม่ไปพลาง

ทุกคนต่างพกพาความนึกคิด เคลื่อนไหวในโลกที่ไม่สมควรมีคนอยู่ใบนี้ต่อ

กลิ่นอายของคนเป็นพลันดึงความสนใจของหมู่มาร ทว่ามารที่ปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆ อย่างมากที่สุดมีพลังไม่เกินจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เผ่ามนุษย์ ย่อมขัดขวางฝีก้าวของพวกเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้

กลับเป็นในตอนที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน พวกเยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ว่าควันมารและปราณมารที่อยู่รอบๆ คล้ายกับค่อยๆ จางลง

ทุกคนสบตากัน “ที่นี่มีตัวตนพิเศษที่รบกวนการกัดกินมิติต่างแดนในอาณาเขตบริวเณนี้ของนพยมโลกอยู่จริงๆ”

พวกเยี่ยนจ้าวเกอแยกแยะทิศทาง เดินหน้าสู่สถานที่ที่ควันมารและปราณมารเบาบางในทันที

พร้อมกับที่ทุกคนเข้าใกล้ ควันมารและปราณมารยิ่งมายิ่งอ่อนแอ กลับเป็นความเย็นเยียบที่ยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง

เยี่ยนจ้าวเกอ จักรพรรดิไร้จำกัด และจักรพรรดิแพรสบตากัน ต่างร้องขึ้นว่า “จิตกระบี่?”

………………..