“อินสือหยาง…” เยี่ยนจ้าวเกอทวนชื่อนี้
จักรพรรดิไร้จำกัดมองเยี่ยนจ้าวเกอแวบหนึ่ง คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นบนทะเลสาบสะท้อนดาราก็ไม่กริ่งเกรงอีก “ว่ากันว่ามารกระบี่อินสือหยางเดิมทีเป็นจอมยุทธ์ที่อยู่ใต้การปกครองของโถงเซียน คนผู้นี้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศ เป็นอัจฉริยะแห่งมรรคากระบี่ที่หาตัวจับยากผู้หนึ่ง น่าเสียดายที่ตอนยังเป็นเด็กเขากราบจอมยุทธ์โถงเซียนเป็นอาจารย์เพื่อศึกษาวิชา บูชาเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ มาถึงภายหลัง แม้ได้ผลักเปิดประตูเซียน แต่ว่าการศึกษามหามรรคาไม่สมูบรณ์ รากฐานไม่มั่นคง”
เขาส่ายหน้าเล็กน้อย “สมควรบอกว่าเขาเสียเวลาเปล่า ถ้าหากร่ำเรียนวิชาจากสำนักเต๋าสายหลักของพวกเรา เกรงว่าจะมีความสำเร็จไร้ขีดจำกัด”
ขณะที่พูดนั้น เขาตั้งใจจำกัดเสียงของตนเองไม่ให้เมิ่งหว่านได้ยิน
ถ้าเมิ่งหว่านรู้เรื่องของโถงเซียนและเทวกษัตริย์ไร้ประมาณมากเกินไป ย่อมเข้าใจว่าในตอนที่จักรพรรดิแพรพูดถึงเรื่องนี้บนทะเลสาบสะท้อนดารา เขาไม่ได้สนใจการดำรงอยู่ของนาง
จักรพรรดิแพรไม่กลัวว่าคนอื่นๆ จะรู้เรื่องที่เขาถูกธาตุไฟเข้าแทรก แต่เมิ่งหว่านไม่เหมือนกัน
หากบอกให้นางทราบเรื่องราวจริงๆ จักรพรรดิแพรจะมีปฏิกิริยาอย่างไรก็คาดเดาได้ยากเกินไป
ดังนั้นถึงแม้ว่าจะกล่าวกับเยี่ยนจ้าวเกอตรงๆ แต่จักรพรรดิไร้จำกัดก็ยังใช้วิธีส่งกระแสเสียง เพื่อไม่ให้เมิ่งหว่านได้ยิน
จักรพรรดิแพรกล่าวอย่างเรียบเฉยอยู่ด้านข้าง “เล่ากันว่าแม้อินสือหยางจะกำเนิดจากโถงเซียน แต่ว่าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าจอมยุทธ์ซึ่งเป็นผู้สืบทอดสำนักเต๋าสายหลักของพวกเราที่อยู่ในระดับเดียวกันเท่าไรนัก ถึงขั้นที่แข็งแกร่งกว่าคนจำนวนไม่น้อย”
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “นั่นน่าตกตะลึงจริงๆ”
จักพรรดิไร้จำกัดเล่าต่อ “ในอดีต เขาพ่ายแพ้อย่างราบคาบในการต่อสู้ครั้งแรกกับผู้อาวุโสเยี่ยน ปู่ของท่านเสียดายคนมีความสามารถ จึงฆ่าเขาไม่ลง ไม่ได้เอาชีวิตเขา ทว่าเขากลับไม่พอใจ ท้าสู่กับปู่ของท่านเป็นคำรบสอง กระนั้นสุดท้ายก็ยังพ่ายแพ้อราบคาบเช่นเดิม สุดท้าย เพื่อเสริมข้อบกพร่องของตัวเอง จึงได้สู้ตัดสินกับปู่ของท่านอีกครั้ง ก่อนที่อินสือหยางจะออกจากโถงเซียนเต๋านอกรีต สวามิภักดิ์กับนพยมโลก กลายเป็นมาร”
ชายหนุ่มฟังถึงตรงนี้แล้ว ก็มองจักรพรรดิไร้จำกัดเหมือนมีความคิดบางอย่าง
ฝ่ายจักรพรรดิไร้จำกัดพยักหน้า “จอมยุทธ์โถงเซียนให้กำเนิดแสงศรัทธาในร่าง ยากจะขจัดทิ้ง ปัญหาตกค้างทั้งหมดขึ้นอยู่กับความนึกคิดของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ แม้จะทราบความจริง แต่คิดจะเริ่มใหม่แต่ต้นก็เปล่าประโยชน์ เรื่องราวในโลกไร้ความแน่นอน ไม่ใช่ว่าไร้วิธีการโดยสิ้นเชิง วิชาสองชนิดที่ข้าทราบ หนึ่งในนี้คือการให้ศาสนาพุทธชำระล้าง ความจริงเป็นแค่การเปลี่ยนเป้าหมายที่บูชาเท่านั้น”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินก็เอ่ยอย่างใคร่ครวญ “วิธีที่สองคือการเข้าสู่นพยมโลกเพื่อเปลี่ยนร่างเป็นมาร”
จักรพรรดิไร้จำกัดเอ่ย “เป็นเส้นทางที่หวนกลับไม่ได้เช่นเดียวกัน แต่ก็เป็นตัวเลือกที่รับได้ ดังนั้นอินสือหยางจึงได้เข้าสู่นพยมโลก มารกระบี่ผู้หนึ่งจึงกำเนิดขึ้นมานับแต่นั้น”
จักรพรรดิแพรกล่าวต่อ “อินสือหยางกลายเป็นมาร ใช้วีถีมารศึกษาหลักการแห่งฟ้าดิน พลังรุดหน้าขึ้นอย่างใหญ่หลวง ความสามารถของเขาไม่ได้ถูกกลบฝังอีก แต่สุดท้ายแล้วมารกระบี่ก็ยังสู้เทพกระบี่ไม่ได้ ถูกปู่ของเจ้าใช้กระบี่สังหาร ปู่ของเจ้าปราบมาร กระบี่ไม่ยั้งไมตรี แต่ยังคงเสียดายความสามารถของอินสือหยาง ว่ากันว่าเขายังเคยเอาไว้ ว่าการไม่ได้สู้กับอินสือหยางที่มาจากสามพิสุทธิ์สายหลัก เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากเรื่องหนึ่ง ไม่อย่างนั้นแพ้ชนะยังยากจะตัดสิน”
จักรพรรดิไร้จำกัดจิตใจล่องลอย “ในยุคสมัยนั้น ท่ามกลางยอดฝีมือที่ปรากฏตัวขึ้นหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ คนบนมรรคาแห่งวิชากระบี่ที่ได้รับการวิจาร์ณเช่นนี้จากปู่ของเจ้า นอกจากจักรพรรดิกระบี่ภรรยาของเขาเองแล้ว ก็มีแค่อินสือหยางเท่านั้น”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า ไม่ได้กล่าวมากความ เพียงเดินทางต่อไป ร่อนเร่อยู่ในมิติต่างแดนแห่งนั้น
ตอนที่เขาเข้าใกล้ประกายกระบี่สองสายที่เกี่ยวกระหวัดกัน และสัมผัสประกายกระบี่สีดำนั้น จิตใจของเขาพลันสั่นไหว
เย็นเยือก โดดเดี่ยว คมกล้า รุนแรง ดุร้าย เด็ดขาด
จิตกระบี่ที่แข็งกร้าวดิ้นรนใต้การสะกดของกระบี่หยกเบิกนภาไม่หยุดยั้ง ไม่ยอมศิโรราบ
หลังจากผ่านการเคี่ยวกรำของกาลเวลา จิตกระบี่นี้คล้ายปลอมคล้ายจริง เป็นเพียงแค่ร่องรอยอย่างหนึ่ง คนไม่อาจศึกษาจิตแห่งหลักการของวิชากระบี่ที่อยู่ด้านในได้
แต่จากการสัมผัสร่องรอยที่อยู่ด้านใน ยังทำให้เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจถึงความน่าอัศจรรย์ในอดีต ฉากเหตุการณ์มากมายเหมือนกับลอยขึ้นในห้วงสมองของเขา
เป็นอินสือหยางที่บูชาเทวกษัตริย์ไร้ประมาณอย่างจริงใจ มีพลังโดดเด่นในโถงเซียน และเต็มไปด้วยกำลังวังชา ที่พ่ายแพ้อย่างราบคาบในตอนที่มั่นใจตัวเองถึงที่สุด
คนหนุ่มอาภรณ์ม่วงผู้นั้นและกระบี่ในมือของเขา กลายเป็นฝันร้ายและความยึดติดตลอดชีวิตของอินสือหยาง และได้เปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเขา
“เยี่ยน! ซิง! ถาง!”
เสียงคำรามอันโกรธเกรี้ยวไม่พอใจข้ามผ่านกาลเวลา ดังขึ้นในหูของเยี่ยนจ้าวเกออย่างต่อเนื่อง
รบทุกครั้งแพ้ทุกครั้ง แพ้ทุกคนก็ยังรบทุกครั้ง
ในฐานะจอมยุทธ์โถงเซียนที่เชื่อมั่นในเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ สุดท้ายยอมกลายเป็นมารอย่างสิ้นหวัง
ใช้วิธีการทั้งหมด จ่ายด้วยราคาที่ต้องจ่าย ไม่ว่าจะพ่ายแพ้กี่ครั้ง ไม่ว่าเส้นทางข้างหน้าจะยากลำบากสักเพียงไรก็ไม่ยอมท้อถอย จะต้องเอาชนะคนผู้นั้นให้ได้!
ความยึดมั่นที่รุนแรงราวกับจับต้องได้ รวมตัวกันกลายเป็นจิตกระบี่แห่งกระบี่มารฟ้าที่น่ากลัวเบื้องหน้า กลายเป็นมรรคากระบี่สายมารระดับสุดยอดในโลกหล้า ต้องการตัดสินสูงต่ำกับกระบี่เบิกนภานั้น ไม่ตายไม่เลิกรา
ตอนสุดท้ายของฉากเหตุการณ์หยุดที่เงาร่างของเยี่ยนซิงถาง
“ท่านในตอนนี้สำเร็จมรรคากระบี่ขั้นต้น ยังขาดความช่ำชอง ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของข้า หากท่านเป็นคน ข้าจะยอมปล่อยท่านอีกสักครั้ง รอท่านสำเร็จในมรรคากระบี่ พวกเราค่อยมาตัดสินผลแพ้ชนะกันอย่างแท้จริง แต่ท่านกลายเป็นมาร อีกทั้งยังเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นหนึ่งในสิบสองมารสวรรค์ กระบี่ของข้าไม่อาจยั้งไมตรีแล้ว”
เยี่ยนซิงถางในตอนนั้นเสียดายจริงๆ “เสียดายที่ท่านเกิดในโถงเซียน”
เยี่ยนจ้าวเกอมองภาพนี้ด้วยความรู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย
เทพกระบี่เยี่ยนซิงถาง ราชันพระศุกร์ และปู่ของตนถูกยกย่องว่าเป็นยอดฝีมือด้านมรรคากระบี่แห่งสำนักเต๋าหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่
สาเหตุที่ด้านหน้ามีการเติมคำว่า ‘สำนักเต๋า’ กลับเป็นเพราะว่าเยี่ยนซิงถางถ่อมตน
ต้นตอน่าจะมากจากความเสียดายที่ไม่ได้ตัดสินผลแพ้ชนะกับอินสือหยาง มารกระบี่ซึ่งไม่เคยไปถึงระดับที่ควรอยู่
ส่วนตี๋ชิงเหลียนเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เขากลับไม่คิดจะเอาแพ้เอาชนะอีก
“ประกายกระบี่ของที่นี่ดูเหมือนจะเป็นร่องรอยที่เหลือไว้โดยบังเอิญจากการต่อสู้ระหว่างท่านปู่กับมารกระบี่เมื่อก่อนหน้านี้” ถึงแม้ว่าจะรู้สึกซับซ้อน แต่ความสนใจของเยี่ยนจ้าวเกอก็ย้ายไปอยู่อีกที่หนึ่งอย่างรวดเร็ว “ที่นี่ไม่ใช่สนามรบ หรือว่าสถานที่ฝังกระดูกของมารกระบี่”
จักรพรรดิไร้จำกัดว่า “ไม่ผิด”
“มารกระบี่…” เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำ “อินสือหยางกลายเป็นมาร พลังรุดหน้าครั้งใหญ่ สมควรไม่ใช่การร่วงหล่นเป็นมารทั่วไป แต่ว่าเป็นการรวมเป็นหนึ่งกับจอมมารที่ได้ตายไปแล้ว ถ้าเป็นหนึ่งในสิบสองมารสวรรค์ มารกระบี่ มารกระบี่…นั่นสมควรเป็นร่างแปลงของจอมมารในหกสุดยอดมารที่ครอบครองตำแหน่งทองแกในปัญจธาตุกระมัง?
จักรพรรดิแพรมองเยี่ยนจ้าวเกอแวบหนึ่ง “ได้ยินหงเหลียนเอ๋อร์บอกว่า เจ้าครอบครองคัมภีร์มารไร้รูป ดูเหมือนจะรู้จักนพยมโลกดี เรื่องสิบสองมารสวรรค์ คงไม่ได้ฟังมาจากพวกหวังผู่กับเฉาเจี๋ยกระมัง”
เยี่ยนจ้าวเกอตอบอย่างตรงไปตรงมา “ข้าทราบไม่น้อยจริงๆ ความรู้ยังค่อนข้างจำกัด แต่ว่าก็รู้จักสิบสองมารสวรรค์ไม่กี่ตน”
เขาหันไปมองกระบี่หยกเบิกนภาและกระบี่มารฟ้าที่พันตูกันอยู่ “สิบสองมารสวรรค์ จอมมารระดับสุดยอดในโลก เป็นผู้นำแห่งวิถีมาร ผู้เป็นราชันแห่งมารทั้งหมื่นตน สิบสองมารสวรรค์แยกเป็นหกบรรพมารและหกสุดยอดมาร หัวหน้าของหกบรรพมาร ถูกเรียกว่ามารสวรรค์บุพกาล บรรพบุรุษแห่งมารหมื่นตน และเป็นต้นกำเนิดวิถีมารเคยแย่งชิงตำแหน่ง ‘บรรพกำเนิด’ กับเทวกษัตริย์บรรพกำเนิดบรมครูสายหยกพิสุทธิ์ของสำนักเต๋าเรา
………………..