ตอนที่ 1236 ความคิดของคนที่อยู่ไกลโพ้น

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ

ในขณะที่นากาโอกะ เคย์อิจิกำลังรู้สึกสิ้นหวังว่าจะเสียคำสั่งมูลค่าหนึ่งหมื่นล้านเยนไป ณ บนดวงจันทร์ ซึ่งห่างจากตรงนั้นออกไปมากกว่าสามแสนกิโลเมตรก็กำลังอยู่ในช่วงบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง

คนในปราสาทจันทราและเจ้าหน้าที่บนสถานีวิจัยดวงจันทร์กำลังเฝ้ามองอู๋กังอยู่ อู๋กังสวมชุดอวกาศในขณะที่กำลังควบคุมยานวิศวกรรมหนักด้วยแขนกลสองคู่อย่างชำนาญ เขาวางชิ้นส่วนที่ประกอบแล้วลงบนร่องรูปตัวที ที่ใช้เครื่องเจาะอุโมงค์ขุด

“ทำได้ดีมาก!”

เมื่ออู๋กังได้ยินเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นดังมาจากช่องทางสื่อสาร เขาก็ยิ้มเล็กๆ และควบคุมคันบังคับอย่างชำนาญ จากนั้นเขาก็ปลดการเชื่อมต่อแขนกลแล้วถอดมันออกออกจากยานด้วยท่าทางแน่วแน่

เขาทำขั้นตอนนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีวันทำผิดพลาดเป็นอันขาด

หลังจากขับยานกลับไปประมาณสิบเมตร อู๋กังก็ดับเครื่องยนต์แล้วหรี่ตามองท้องฟ้า

ร่องนี้มีขนาดยาวหลายร้อยกิโลเมตร แทบจะเป็นเส้นตรงแบบเป๊ะๆ ไม่เอียงเลย

เป็นร่องที่ดูเหมือนเข็มเย็บผ้าสีเงินที่บางเฉียบ ร่องนี้ถูกปกคลุมด้วยดินดวงจันทร์ ต้นทางของร่องชี้ไปทางวงโคจรขนย้ายของดวงจันทร์

ตามข้อมูลวิศวกรรมที่สถานีวิจัยดวงจันทร์เปิดเผยมา ส่วนที่ลึกที่สุดของร่องนี้นั้นลึกลงไปในดินดวงจันทร์ถึง 1 กิโลเมตรเลยทีเดียว

เมื่อเงื่อนไขทุกอย่างสมบูรณ์แล้ว ร่องนี้จะไม่ได้รับความเสียหายจากอุกกาบาตมากนักเนื่องจากมีดินดวงจันทร์ช่วยป้องกันไว้

สรุปง่ายๆ ก็คืออุโมงค์ของพวกเขาเจาะทะลุดวงจันทร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงจะเป็นแค่ในระดับพื้นผิวดวงจันทร์ก็ตาม

แร่ที่ขุดจากดวงจันทร์สามารถทะลุผ่านร่องสุญญากาศนี้ได้ มันจะผ่านเข้าไปใต้พื้นผิวของดินดวงจันทร์แล้วพุ่งตรงไปยังวงโคจรขนย้ายของดวงจันทร์ผ่านการใช้การเร่งแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งวิธีนี้จะช่วยประหยัดการใช้จรวดเคมีมาก

เมื่อการขุดเหมืองบนดวงจันทร์กลายเป็นที่นิยมแล้ว ร่องนี้จะกลายเป็นแหล่งขนส่งของทั้งวงโคจรขนย้ายของดวงจันทร์ และนี่จะช่วยเร่งให้มนุษย์โลกพัฒนาไปเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใช้ชีวิตบนดาวมากกว่าหนึ่งดวงได้อีกด้วย!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้เป็นหนึ่งในความสำเร็จทางวิศวกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก

นี่ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในวิศวกรรมการบินและอวกาศเลยนะ!

แต่ร่องนี้ก็ยังสร้างไม่เสร็จ

ยังเหลืออยู่อีกเพียงส่วนเดียวเท่านั้น

ณ สถานีวิจัยบนดวงจันทร์

อู๋กังขับยานวิศวกรรมหนักไปยังโรงจอดรถ เขาหยิบกุญแจออกมาจากอิกนิชั่นแล้วเปิดประตู

เขาเหยียบแขนกลของยานแล้วคว้าลูกบิดประตู จากนั้นก็โน้มตัวไปข้างหน้าแล้วกระโดดลงมาจากยานวิศวกรรม

ถ้าให้พูดจริงๆ แล้ว นี่ไม่ใช่วิธีการลงจากยานที่ถูกต้องตามคู่มือเท่าไรนัก วิธีที่ถูกคือต้องใช้บันไดปีนลงจากยาน แต่หลังจากที่อยู่บนดวงจันทร์มานาน คนที่นี่ก็มักจะเลิกกลัวความสูงกันแล้ว

ถ้าเป็นบนโลกแล้วล่ะก็ การกระโดดลงมาจากความสูงสามถึงสี่เมตรจะต้องทำให้คนขาหักแน่นอน

แต่สำหรับที่นี่มันก็เป็นแค่การกระโดดเล็กๆ เท่านั้น

หลังจากถอดชุดอวกาศสำหรับใส่นอกยานออก อู๋กังก็เปลี่ยนไปใส่ชุดอวกาศสำหรับใส่ในยานที่มีเข็มขัดแรงโน้มถ่วงแม่เหล็กไฟฟ้า จากนั้นเขาก็ผ่านแอร์ล็อกเข้าไปในสถานีวิจัยบนดวงจันทร์

ชายหนุ่มที่ชื่อสวีเฉิงหลี่กำลังวิ่งมาหาเขาพร้อมกับถือกระป๋องน้ำมาในมือด้วย

“ขอบใจนะ”

อู๋กังหยิบกระป๋องน้ำมาแล้วมัดมันติดกับอกของเขา จากนั้นเขาก็หยิบหลอดออกมาแล้วจิบน้ำเล็กน้อย

ในขณะที่สวีเฉิงหลี่ขึ้นลิฟต์ไปกับกัปตันอู๋ เขาก็พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า

“การแสดงฉลองวันแรงงานกำลังจะเริ่มแล้วนะครับ วันนี้เจ้าหน้าที่ในครัวของเราทำเกี๊ยวกะหล่ำปลีกับเกี๊ยวหมูด้วย ถ้าคุณไม่อยากพัก เราก็ไปตรงนั้นเอาก็ได้”

“ไม่ต้องรีบหรอก” อู๋กังหยิบการ์ดของเขาออกมาแล้วนำไปรูดที่ประตูลิฟต์ เขากดเลขชั้นแล้วถามอีกฝ่ายอย่างสบายๆ ว่า “จะว่าไปแล้วปราสาทจันทราส่งกำหนดการมาแล้วหรือยังนะ?”

“ยังเลยครับ! แต่กัปตันจะไม่พักจริงๆ เหรอครับ?”

“พักเหรอ? ” อู๋กังมองกลับไปที่วิศวกรมือใหม่แล้วถามยิ้มๆ ว่า “จะเสียเวลากับเรื่องแบบนั้นทำไมกัน? ผมก็แค่อยากทำโปรเจกต์ให้เสร็จไวๆ แค่นั้นเอง”

“แล้วถ้าคุณทำเสร็จแล้วจะเอาอย่างไรต่อล่ะ?”

“ถ้าเสร็จแล้วผมก็จะกลับไปโลกสักพัก” หลังจากเงียบกันอยู่ครู่หนึ่ง อู๋กังก็หันหน้าไปมองเลขชั้นที่กำลังไปซึ่งฉายอยู่บนหน้าจอลิฟต์พร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยแววตาคิดถึงว่า

“ลูกผมกำลังจะขึ้นมัธยมปลายแล้ว ผมไม่ได้กลับบ้านมานานเหลือเกิน”

ไม่ว่าคุณจะอยู่ไกลแค่ไหน

แต่คุณก็จะคิดถึงบ้านเสมอ…

ยิ่งคนเราเหงามากเท่าไหร่ก็จะยิ่งอยากทำหน้าที่ที่ได้รับมาให้เต็มที่มากเท่านั้น

มันเป็นวิธีเดียวที่คนเหงาจะยังสามารถรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของโลกทั้งใบได้

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือคนในสถานีวิจัยบนดวงจันทร์เป็นกลุ่มคนชายขอบ พวกเขาถูกขับไล่จากอารยธรรมบนดาวโลก การดีเลย์หนึ่งวินาทีทำให้การสื่อสารแบบเรียลไทม์กลายเป็นเรื่องที่ยากมาก ด้วยความที่เครื่องมือสื่อสารมีราคาแพงจึงทำให้จำนวนข้อมูลบนพื้นโลกที่พวกเขาได้รับขึ้นไปมีจำกัด

ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่สามารถใช้โทรศัพท์ติดต่อกับคนบนโลกได้ครั้งหนึ่งต่อสัปดาห์ นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่คณะกรรมการวงโคจรรอบดวงจันทร์ทำได้แล้ว

และเพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ที่ทำงานที่นี่จะยังมีสุขภาพจิตดีอยู่ เจ้าหน้าที่บริหารของสถานีวิจัยดวงจันทร์จึงทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างกิจกรรมทางสังคมหลายอย่างและพยายามทำให้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่รู้สึกสนุกกับเทศกาลต่างๆ และสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของความเป็นบ้าน

ในขณะที่อวี่เฟยยืนอยู่ที่หน้าทางเข้าโรงอาหารแล้วมองไปที่โต๊ะที่รายล้อมไปด้วยผู้คน เขาก็ยิ้มขึ้นมา

ในฐานะผู้นำของสถานีวิจัยบนดวงจันทร์และเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ‘ผู้ตั้งรกราก’ กลุ่มแรกที่เดินทางมาถึงดวงจันทร์แล้ว เขาได้เห็นสถานที่นี้มีชีวิตชีวามากขึ้นในทุกๆ วันกับตาตัวเอง เขาเชื่อว่าสักวันหนึ่งในอนาคต สถานีวิจัยภาคพื้นดวงจันทร์จะกลายเป็นหมู่บ้านดวงจันทร์ในที่สุด มันจะกลายเป็นประภาคารของมนุษย์ที่ช่วยส่งต่อไฟแห่งอารยธรรมไปสู่ดินแดนที่ห่างไกล…

เขาได้ยินดังมาจากข้างหลังทักว่า

“ผู้บัญชาการอวี่ ทำไมยืนอยู่ตรงนั้นล่ะ มาหาอะไรกินหน่อยไหม?”

อวี่เฟยหันหลังกลับไปและเห็นดร. หยางซิงอวี่ โบกมือให้เขา

“ผมกินแล้ว” เขายังยิ้มอย่างสุภาพต่อไป “จะว่าไปแล้วนะดร. หยาง โปรเจกต์ของคุณเป็นอย่างไรบ้าง? ”

“ราบรื่นมากเลยล่ะ” หยางซิงอวี่พูดด้วยรอยยิ้ม “สารออกฤทธิ์ Dr-111 ใช้กับสภาพแวดล้อมบนดวงจันทร์ได้ดีมาก พวกเราใช้วิธีการควบคุมอัตราส่วนไนโตรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ และออกซิเจน จนตอนนี้ก็หาแก๊สที่เหมาะสมที่สุดในการเจริญเติบโตของมันได้แล้ว ในอีกไม่นานเราน่าจะได้ลองใช้เจ้าจุลินทรีย์พวกนี้ในการเปลี่ยนสสารในระบบรีไซเคิลของสถานีพวกเรา”

“เยี่ยมไปเลย! ถ้าคุณอยากได้อะไร บอกผมได้เลยนะ” อวี่เฟยมองดร. หยางแล้วพูดออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า “สถานีวิจัยบนดวงจันทร์ของเราจะกลายเป็นอาณานิคมหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความสำเร็จของโปรเจกต์คุณแล้วล่ะ”

“ผู้บัญชาการอวี่ คุณก็พูดเกินไป การจัดการกับระบบเมแทบอไลต์ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของขั้นตอนนำร่องมากมายในการขนส่งทรัพยากรและแรงงานสเกลใหญ่มายังดวงจันทร์ ถ้าพวกเราอยากให้ที่นี่เจริญจริงๆ แล้วล่ะก็ ยังมีปัญหาให้แก้อีกมาก” หลังจากเว้นวรรคไปนิดหนึ่ง หยางซิงอวี่ก็ถามต่อ “จะว่าไปแล้วการก่อสร้างการขนส่งจำนวนมากบนดวงจันทร์เป็นอย่างไรบ้าง? ต้องใช้เวลาอีกนานไหมถึงจะเสร็จ? ”

โปรเจกต์ใหญ่นี้เริ่มขึ้นเมื่อสองปีก่อน หยางซิงอวี่ยังจำครั้งแรกที่เขาเห็นคำว่า ‘การขนส่งจำนวนมากบนดวงจันทร์’ ในพาดหัวข่าวของเหรินเหรินเดลี่

จากตอนนั้นก็ผ่านไปสองปีแล้ว เครื่องชนอนุภาคบนดวงจันทร์ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็เลยสงสัยว่าเจ้า ‘ปืนใหญ่ดวงจันทร์’ นี่เป็นอย่างไรบ้าง

อวี่เฟยยิ้มเมื่อเขาได้ยินคำพูดของดร. หยางซิงอวี่

โปรเจกต์การขนส่งจำนวนมากบนดวงจันทร์อาจจะถือว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าสถานีวิจัยบนดวงจันทร์ก็ว่าได้

เขามองดร. หยางซิงอวี่แล้วบอกว่า “มันน่าจะเสร็จก่อนวันชาตินั่นแหละ!”