ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1370 คนตระกูลเทวเทพต่างมีโรคหวาดระแวงว่าถูกทำร้าย
“คุณนายรอง คุณแม่กับพี่สาวของคุณมาเมื่อไหร่คะ? ฉันจะได้เริ่มจัดเตรียม”
“หา?”
เชียนหยวนล๋ายเย่ จึงเงยหน้าขึ้นมองดูพี่ภาคนนี้ที่เดินออกมา
เดิมทีคือพวกเขาสามคนแม่ลูกถูกเชิญมาทานอาหารที่เรืองรองในวันนี้ เรื่องแบบนี้พี่ภาทำได้ดีมาก ถึงแม้ว่าเจ้าของบ้านจะไม่อยู่ แต่เธอก็เป็นตัวแทนของพวกเส้นหมี่ เชิญพวกแขกที่มาไกลจากเจเปนมาทานอาหารที่บ้าน
แน่นอนว่าดิลกกับธนาตย์พวกเขาก็มาด้วย
เชียนหยวนล๋ายเย่ ลุกขึ้นยืน
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา เดิมทีคือคิดจะโทรศัพท์หาสามี แต่เห็นคนในกลุ่มที่ยังคงพูดคุยกันอย่างไม่หยุดหย่อน เธอเม้มปากเล็กๆ ของเธอ แล้วเลือกที่จะโทรหาคุณแม่
“ต้องรออากิยามะไหม?”
เมื่อได้ยินถูกถามว่ามาเมื่อไหร่ คุณนายเชียนหยวน ซึ่งกำลังอยู่ที่วิลล่าเนินเขาก็เลยลังเลใจเล็กน้อย
แต่พอ เชียนหยวน ชิกะ ที่อยู่ข้างๆ ได้ยินกลับเร่งเร้าขึ้นมาทันที
“แม่ พวกเราไปกันตอนนี้เลยสิ รอให้อากิยามะเลิกงานแล้วมารับพวกเรา มันจะลำบากเขาเปล่าๆ” เธอรีบร้อนมาก
ไม่ใช่เพราะอื่นใด ก็เพราะเธอได้ยินมาว่า ในเมือง A คนที่มีเงินร่ำรวยอย่างแท้จริงก็คือพี่เขยลูกพี่ลูกน้องคนนั้นของเธอ ซึ่งก็คือผู้คุมอำนาจของหิรัญชากรุ๊ปในตอนแรก
ดังนั้น เธออยากจะไปดูมากว่าบ้านของเขาจะเป็นอย่างไร?
เธอยังจำได้ว่า ในงานแต่งงานวันนั้น คู่สามีภรรยาคู่นั้น ถึงแม้ว่าแต่งตัวค่อนข้างสบายๆ แต่ออร่าท่าทาง และยังมีความสง่างามในอากัปกิริยาที่ปรากฏออกมา ล้วนแต่ทำให้คนอื่นไม่สามรถเทียบชั้นได้
อีกทั้งเธอยังได้ยินมาอีกว่า เครื่องบินส่วนตัวและขบวนรถหรูในงานแต่งวันนั้น ทั้งหมดคือจัดการโดยพี่เขยลูกพี่ลูกน้องคนนี้
ดังนั้น สุดท้าย คุณนายเชียนหยวน ก็ทนการรบเร้าไม่ไหวจึงพาลูกสาวคนโตคนนี้เดินทางไปด้วยกัน
เมื่อพี่ภาได้ยินแล้ว ทันใดนั้นจึงรีบโทรหาคุณท่านทางนั้นทันที ดังนั้นไม่นานนัก ดิลกกับธนาตย์และภรรยาก็มาถึงก่อน
“พวกเธอมาเมื่อไหร่?”
“คงจะอีกไม่นานค่ะ ขอโทษ ปู่เล็กด้วยค่ะ วันนี้ฉันไม่ได้เชิญคนของบ้านหิรัญชาทางนั้น คุณชายกับคุณนายก็ไม่อยู่บ้าน จัดงานใหญ่เดี๋ยวจะรับมือไม่ไหว คืนนี้คงต้องรบกวนทั้งสามท่านรับรองแขกผู้มีเกียรติหน่อยนะคะ”
พี่ภาอธิบายให้ฟังด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกขอโทษ
ดิลกหัวเราะ: “รบกวนอะไรกัน นี่เป็นสิ่งที่พวกเราควรทำไม่ใช่เหรอ? เธอต่างหากที่คิดได้รอบคอบ ไม่เป็นไร คืนนี้มีคุณป้าของเธออยู่”
ดิลกจงใจเอ่ยถึงสาธินี
จริงด้วย สาธินีก็ไม่ใช่บุคคลธรรมดา อยู่ที่ตระกูลอัครนันท์มานานหลายปี ก่อนจะแต่งงานก็เป็นถึงคุณหนูแห่งครอบครัวนักวิชาการ
สำหรับเรื่องการต้อนรับและรับรองแขกแบบนี้ ไม่ยากสำหรับเธออย่างแน่นอน
ทุกคนต่างพากันรอการมาถึงของสองคนแม่ลูกนี้
เชียนหยวนล๋ายเย่ ก็รออยู่ด้วย
แต่เธอยืนที่ประตูทางเข้าวิลล่าตึกวังฬาหนึ่ง ซึ่งยิ่งไปกว่านั้นก็คือคาดหวังว่าผู้ชายคนนั้นมาด้วย
เพราะว่าเมื่อเธอโทรศัพท์เสร็จได้ไม่นานนัก ก็อดไม่ได้ที่จะส่งข้อความหนึ่งหาเขา บอกว่าแม่กับพี่สาวจะมาแล้วให้เขากลับมาเร็วหน่อย
แต่……..
เธอดูโทรศัพท์แล้วดูอีก
【แสงดาว: พวกเธอเว่อร์กันเกินไปหรือเปล่า? ทำไมถึงกลายเป็นเรื่องฆาตกรรมไปได้? โรคหวาดระแวงว่าถูกทำร้ายกำเริบอีกแล้วใช่ไหม?】
【ม็อกโก: ……..】
【คณาธิป: ……..】
【เส้นหมี่: ……..】
รวมทั้งไชยันต์ที่อยู่ที่เดอะวิวซีทางนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรเสริมอยู่สักพักหนึ่ง
เพราะว่าผู้หญิงคนนี้พูดถูกต้องมาก พวกเขาเหล่านี้นับตั้งแต่การต่อสู้แบบอกสั่นขวัญหายกับทศราชมาเป็นเวลานาน เพียงแค่ลมพัดเพียงเล็กน้อยหญ้าก็พากันสั่นไหวแล้ว
พวกเขาจึงสงสัยถึงเรื่องข้างบนนี้
แสงดาวจึงมั่นใจมาก
แต่ในเวลานี้ คนที่พวกเขาพูดคุยกันมาตั้งนานแต่ไม่แสดงความคิดเห็นออกมา กลับจู่ ๆ ก็โผล่ออกมา
【แสนรัก: สถาบันวิจัยใช้สังกะสีน้อยมาก】
【……】
ภายในหนึ่งวินาที ทั้งกลุ่มพากันเงียบกริบ!
และคณาธิปที่ยังอยู่ในห้องทำงานทางนี้หลังจากที่จ้องมองดูข้อความสั้นๆ นี้ แม้แต่ความคิดทั้งหมดก็เหมือนจะหยุดลงด้วย
พูดจริงๆ เขาเองก็กลัวเรื่องนี้มากเช่นกัน
นึกถึงช่วงเวลานั้น ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนั้น แต่ในความเป็นจริงก็ไม่มีใครรู้ว่า ทุกวันหลังจากเขากลับไปก็นอนไม่หลับอยู่ตลอดทั้งคืน
นิ้วมือของเขาค่อยๆ ม้วนเข้าหากันอย่างช้าๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็ยังคงค้างอยู่ตรงหน้านี้
จนกระทั่งในกลุ่มผู้ชายคนนั้นก็ส่งมาอีกหนึ่งประโยคว่า: “กลับไปจัดการ”
จากนั้นเขาถึงจะค่อยๆ นั่งลงบนเก้าอี้อย่างช้าๆ
ร่างกายที่เกร็งไปหมดทั้งตัว ในที่สุดก็เหมือนว่าจะผ่อนคลายลงบ้างแล้ว
“ตู๊ด…….ตู๊ดตู๊ด……..”
จู่ ๆ มีโทรศัพท์โทรเข้ามา
เขาหยิบมันขึ้นมา: “ฮัลโหล?”
“ที่รัก คุณ…..ตอนนี้ว่างรับสายโทรศัพท์ไหม? แม่กับพี่สาวฉันมาถึงเรืองรองเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวพอคุณเลิกงานแล้วก็มาที่นี่เลยนะคะ”
เป็นเสียงหญิงสาวที่นุ่มนวลอ่อนหวาน
เธอแฝงด้วยความระมัดระวังด้วยเล็กน้อย ราวกับว่ากลัวจะรบกวนการทำงานของเขา
คณาธิปเหลือบมองดูนาฬิกาบนข้อมือ จึงได้พบว่าที่แท้ใกล้จะเลิกงานแล้ว
“รู้แล้ว”
เขาไม่รู้สึกอะไรที่ผิดปกติ หลังจากที่รับปากแล้วก็เตรียมจะวางสายโทรศัพท์
แต่ในเวลานี้สาวน้อยในสายโทรศัพท์ที่ดูเหมือนจะดิ้นรนอยู่เป็นเวลานานมาก จู่ ๆ เธอก็ถามขึ้นมาอย่างรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจหนึ่งประโยคว่า: “ที่รัก ตอนบ่าย….ฉันช่วยอะไรพี่สาวไม่ได้เลยใช่ไหม?”
“อืม?”
คณาธิปลืมเรื่องนี้ไปตั้งนานแล้ว
เชียนหยวนล๋ายเย่ ได้ยิน ทันใดนั้นก็รู้สึกเศร้าใจอีกครั้ง
“ก็เรื่องหนังสือเล่มนั้น ฉันเห็นว่าในกลุ่ม…..พี่สาวไม่ได้ต้องการมันอีกแล้ว”
“อันนี้…….”
ในที่สุดคณาธิปก็นึกออกแล้ว เขาจึงปลอบไปหนึ่งประโยคทันทีว่า: “นั่นไม่ใช่ปัญหาของยา ผมถามทางโดโมโตะแล้ว คือโดนวางยาพิษ คุณไม่ต้องคิดมาก”
“จริงเหรอคะ?”
“อืม งั้นผมวางสายก่อนนะ ทำงานเสร็จก็จะกลับไป”
คณาธิปก็วางสายโทรศัพท์ลง