ตอนที่ 1241 ตัวต้นแบบของอุตสาหกรรมในอนาคต

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ

หลังจากที่ได้เห็นโรงงานที่บริษัทจ้งซานซินฉายแล้ว หวังเหว่ยก็ตกใจแค่นิดๆ แต่พอเขาได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่อ ความตกใจก็เพิ่มขึ้นเป็นระดับ ‘เป็นไปได้ด้วยเหรอเนี่ย’ เลยทีเดียว

เขากดเลือกโปรดักต์แบบที่เขาต้องการจากแท็บเล็ตและกำหนดพารามิเตอร์อย่างพวกน้ำหนัก ขนาด ดีไซน์ สไตล์ และอื่นๆ อีกมากมาย จากนั้นพวกเขาก็นั่งรถไปที่ร้านอาหารเพื่อไปกินมื้อกลางวัน

หลังจากกินเสร็จเขากับลู่โจวก็กลับมาที่โรงงานอีกครั้ง โดรนตัวต้นแบบที่ ‘ปรับแต่งแล้ว’ บินอยู่ตรงหน้าเขา

ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง โดรนตัวนี้ก็เปลี่ยนจากสิ่งที่อยู่ใน ‘ไอเดีย’ ของเขา มาเป็นสิ่งที่อยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง ถ้าไม่ใช่เพราะมีนักวิชาการชื่อดังระดับโลกยืนอยู่ข้างๆ เขาแล้วล่ะก็ เขาอาจจะถึงขั้นตั้งข้อสงสัยว่านี่เป็นแค่แผนแหกตาจากสตาร์สกายเทคโนโลยีเพื่อทำให้คนตกใจเฉยๆ

เมื่อเห็นว่าหวังเหว่ยมีท่าทางประหลาดใจขนาดไหนแล้ว ลู่โจวก็ยิ้มออกมาแล้วอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง ในขณะที่สายตาก็จับจ้องไปที่โดรนโลจิสติกส์ที่ไม่เหมือนใคร

“แบตเตอรี่ BYD มอเตอร์ไฟฟ้า DJI ชิปคาร์บอนหัวเหว่ย และวัสดุอิเล็กโทรดและใบพัดจากบริษัทจ้งซานซินฉาย…ทุกชิ้นส่วนล้วนทำเสร็จด้วยการสั่งการของเซิร์ฟเวอร์สตาร์โวยาจวัน ชิ้นส่วนเหล่านี้ถูกส่งผ่านระบบโลจิสติกส์อัตโนมัติมา จากนั้นแขนกลเกรดอุตสาหกรรมสองคู่ก็จะประกอบพวกมันจนเสร็จ มันวิเศษใช่ไหมล่ะครับ? ”

หวังเหว่ยพยักหน้า

“…ใช่เลย”

มันไม่ใช่แค่วิเศษอย่างเดียว…

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโดรนตัวนี้ทำเสร็จภายในเวลาสองชั่วโมงได้อย่างไร

ต่อให้สตาร์สกายเทคโนโลยีสนิทกับผู้ผลิตวัตถุดิบหลักๆ หลายแห่ง แต่ปกติแล้วมันก็ต้องใช้เวลาในการคุยและการเจรจาต่อรองกันนานกว่าจะสร้างห่วงโซ่การผลิตได้

หรือก็คือมันไม่ใช่งานที่จะทำเสร็จในสองชั่วโมงได้แน่ๆ

ลู่โจวยิ้มให้หวังเหว่ย

“ผมเข้าใจนะครับว่าคุณรู้สึกอย่างไร อันที่จริงตั้งแต่มีการปฏิวัติอุตสาหกรรม สิ่งที่เป็นคอขวดสองตัวหลักที่กันไม่ให้เกิดความก้าวหน้าทางผลิต ก็คือความเชื่อมโยงและการจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ”

“ถ้าโรงงานผลิตภัณฑ์นมอยากทำนมกล่อง พวกเขาก็ต้องหาอุปสงค์ของตลาดก่อน จากนั้นก็ใช้ประสบการณ์หรือไม่ก็เครือข่ายในวงการอุตสาหกรรมของตัวเองในการเลือกโรงงานกล่องและฟาร์มวัวที่เหมาะสม พวกเขาจะต้องเซ็นสัญญาหลายฉบับกว่าจะสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมง่ายๆ ขึ้นมาได้”

“กระบวนการนี้เรียกว่า ‘การเชื่อมต่อทรัพยากร'”

“ถึงแม้มันจะฟังดูง่าย แต่ขั้นตอนนี้มีค่าใช้จ่ายที่มองไม่เห็นอยู่หลายจุดเลย อย่างเช่นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของกิจการ ทิศทางของการบริหาร หรือแม้แต่กฎกับนโยบายท้องถิ่นก็ด้วย โดยปกติแล้วพวกเราไม่สามารถตัดสินได้เลยว่าห่วงโซ่การผลิตนี้เป็นแบบที่มีประสิทธิภาพหรือเปล่า พวกเราทำได้เพียงตรวจสอบมันผ่านตลาดและหาชิ้นส่วนที่มีประสิทธิภาพของมันออกมา โดยส่วนที่ไม่มีประสิทธิภาพก็จะล้มละลายไปเอง”

“โมเดลนี้จะทำให้มั่นใจได้ว่าทรัพยากรสังคมจำนวนสูงสุดจะขยับไปในทางที่มันจะถูกนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่จะเป็นได้”

“แต่ตอนนี้ปัญหาอยู่ตรงที่ทำไมยักษ์ใหญ่ที่ผูกกิจการไว้แต่เพียงผู้เดียว ยักษ์ใหญ่ที่ทำทั้งฟาร์มวัว ทำทั้งโรงงานกล่อง และบริษัทผลิตภัณฑ์นม ถึงมักจะทำได้ดีกว่าบริษัทที่ทำแค่อย่างเดียวในห่วงโซ่อุตสาหกรรมนี้ล่ะครับ? ”

หวังเหว่ยไม่ต้องคิดนานเลยในการตอบคำถามข้อนี้

คำตอบมันก็ชัดอยู่แล้ว

“เพราะพวกเขาสามารถควบคุมราคาของแต่ละความเชื่อมโยงทางการผลิตได้ และยังสามารถเชื่อมโยงระบบทรัพยากรการผลิตในบริษัทได้อย่างสมบูรณ์ด้วย ราคาจึงลดลง ถ้าห่วงโซ่อุตสาหกรรมมีขนาดใหญ่ขึ้น พวกเขาก็จะควบคุมความเชื่อมโยงได้มากขึ้นและประสิทธิภาพก็จะสูงขึ้นด้วย”

ลู่โจวยิ้มแล้วพยักหน้า

“ง่ายๆ ก็แบบนั้นแหละครับ”

“ที่จริงแล้วนี่คือการพัฒนาครั้งที่ใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมอัจฉริยะ มันก้าวไปข้างหน้ามากกว่าอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมเสียอีก ทุกการเชื่อมโยงที่มีมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั้นจะมีสิ่งที่เป็นความไม่แน่นอน และความขาดประสิทธิภาพเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงความเชื่อมโยงของทรัพยากรด้วย”

“ดังนั้นแล้วพวกเราจึงใช้เอไอมาแทนที่แรงงาน และจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

“เขตไฮเทคของจินหลิงทำระบบการผลิตอัจฉริยะมาสองปีแล้ว พวกเราสร้างระบบมาตรฐานที่มีคุณภาพแบบพึ่งพาตนเองได้ และมอบหมายงานการผลิตให้หน่วยผลิตแต่ละหน่วยโดยผ่านเซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ เอไอจะสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมทั้งหมดขึ้นมาเอง ไม่ใช่แรงงานที่เป็นมนุษย์”

“ตอนแรกที่เราใช้ระบบนี้คือตอนที่ทำยานอวกาศสกายโกลว์ ย้อนกลับไปตอนนั้นผู้คนมากมายก็ต่างไม่เข้าใจว่าพวกเราสร้างยานอวกาศออกมาจากความว่างเปล่าโดยไม่มีโรงงานได้อย่างไร”

“อันที่จริงพวกเราไม่ได้สร้างยานเลยแม้แต่น้อย ยานพวกนั้นเพียงแค่ถูกประกอบในศูนย์อุปกรณ์ของเราเฉยๆ ชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการประกอบก็ถูกมอบหมายผ่านวิธีอัตโนมัติให้โรงงานโดยผ่านคำสั่งที่มีมาตรฐาน พวกเราตัดสินใจในที่สิ่งที่ต้องทำ และวันถัดมาโรงงานอุตสาหกรรมก็เริ่มต้นขึ้นครับ”

เมื่อเห็นว่าหวังเหว่ยยังช็อกแค่ไหนแล้ว ลู่โจวก็ยังยิ้มและพูดต่อไปว่า “ผมอยากจะมอบโดรนนี้ให้เป็นของขวัญคุณนะ ซีอีโอหวัง”

“คุณชอบมันไหมล่ะครับ? ”

“แน่นอน ผมต้องชอบมันอยู่แล้ว!”

หวังเหว่ยหลุดกลับมายังโลกแห่งความเป็นจริง เขามองลู่โจวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดขึ้นว่า “ในฐานะตัวแทนของซุนเฟิง ผมอยากจะรับของขวัญอันมีค่านี้ครับ! ”

หลังจากกลับจากจินหลิงมาที่เซินเจิ้น หวังเหว่ยก็เริ่มคิด

สิ่งที่เขาได้เห็นที่เขตไฮเทคของจินหลิงนั้นทำให้เขาตกใจอย่างถึงที่สุด

เขาไม่รู้เลยว่าเขตไฮเทคของจินหลิงจะมีความสามารถมากขนาดนี้

สตาร์โวยาจวันก็เหมือนกับสมอง

มันเป็นสมองที่ตั้งมาตรฐานทางการผลิตขึ้นมา ทุกโรงงานที่ทำตามมาตรฐานนี้ได้จะถูกต้อนเข้าระบบการผลิตที่ชื่อว่า ‘อุตสาหกรรมอัจฉริยะ’

สมองนี้ควบคุมทุกโรงงานในเขตโรงงาน มันสร้างสิ่งที่เรียกว่า ‘ระบบการผลิตอัจฉริยะ’ พวกมันเป็นเหมือนกับเซลล์กล้ามเนื้อ ที่เชื่อมกับระบบประสาทโดยสมบูรณ์

ถึงแม้พวกมันจะอยู่ภายใต้บริษัทที่ต่างกัน แต่พลังทั้งหมดที่พวกมันมีก็มากพอจะแข่งขันในด้านราคากับประสิทธิภาพกับยักษ์ใหญ่ที่ผูกขาดธุรกิจได้

ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ทำให้หวังเหว่ยคิดเรื่องแปลกๆ ขึ้นมาในหัว

บางทีในอนาคตทุกคนอาจจะสามารถเปิดโรงงานของตัวเองได้ก็เป็นได้

แต่แน่นอนว่าในความคิดของเขานั้น โรงงานที่ว่าก็เป็นเพียงคอนเซปต์นามธรรมเท่านั้น

ในฐานะคนทั่วไปแล้ว ตราบใดที่พวกเขามีความรู้ด้านการออกแบบขั้นพื้นฐานและประกอบชิ้นส่วนที่มีมาตรฐานผ่านวิธีแบบ DIY แล้วล่ะก็ พวกเขาก็สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นไปตามความต้องการของลูกค้าได้ ก็เหมือนกับการป้อนข้อมูลพารามิเตอร์เข้าเครื่องพิมพ์สามมิตินั่นแหละ ระบบอุตสาหกรรมอัจฉริยะทั้งระบบก็เป็นเหมือนเครื่องพิมพ์สามมิติสเกลใหญ่ มันทำหน้าที่รับใช้ทั้งสังคม

ทุกอย่างจะสำเร็จผ่านการใช้เครือข่ายการผลิตอัจฉริยะ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีการทดสอบช่วงเบิร์นอิน[1]อีกต่อไป ทุกคนจะทำงานในระบบที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพซึ่งเชื่อมต่อขอบเขตทางการผลิตและอุปสงค์ได้อย่างหมดจดไร้จุดบกพร่อง

ดูเหมือนว่าตัวต้นแบบของอุตสาหกรรมในอนาคตกำลังเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างแล้ว

ถ้าระบบนี้สามารถโตและพัฒนาจนดีขึ้นได้ล่ะก็ ไม่เพียงแต่พ่อค้าคนกลางจะหายไปจากระบบเท่านั้น แต่ความคิดสร้างสรรค์ของคนอื่นๆ ก็จะได้รับการปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ด้วย…พวกเขาไม่ต้องถูกควบคุมโดยเงื้อมมือจากพวกยักษ์ใหญ่ที่ผูกขาดธุรกิจบางเจ้าอีกแล้ว

แรงงานจะมีค่าแรงถูกลงเรื่อยๆ ความรู้และความคิดสร้างสรรค์จะมีค่ามากขึ้น ความต้องการทางสังคมทุกอย่างจะสามารถเติมเต็มได้ตามต้องการด้วยการใช้ ‘เครื่องจักรโรงงานอัจฉริยะ’ อันนี้

ถึงแม้นี่จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับซุนเฟิง แต่หวังเหว่ยก็เริ่มรู้สึกสนใจ

เขาได้เห็นตัวต้นแบบของระบบอุตสาหกรรมแห่งอนาคตแล้ว แต่ดูเหมือนว่าสตาร์สกายเทคโนโลยีจะยังไม่เชื่อมต่อระบบนี้กับผู้ใช้คนอื่น เหมือนว่าระบบจะถูกใช้งานเพียงแค่ในระดับระหว่างโรงงานแต่ละแห่งในเขตไฮเทคเท่านั้น

จุดแข็งของซุนเฟิงในวงการโลจิสติกส์สามารถกำจัดช่องว่างในตลาดนี้ได้ และเชื่อมระบบการผลิตอัจฉริยะนี้เข้ากับผู้ใช้คนอื่น

เขาเริ่มสูดลมหายใจเข้าลึก

นี่มันไม่ต่างจากเหมืองทองที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าเขา…

หลังจากที่เขากลับมาที่ออฟฟิศ เขาก็รีบหาตัวรองประธานแล้วบอกกับอีกฝ่ายทันทีว่า “ติดต่อคนที่สตาร์สกายเทคโนโลยีตอนนี้เลย ผมอยากจะมอบเครือข่ายโลจิสติกส์อัจฉริยะให้พวกเขา”

รองประธานถามว่า “พวกเราจะไม่ประชุมกันก่อนเหรอ?”

หวังเหว่ยบอกว่า “เดี๋ยวผมจัดการกับพวกบอร์ดบริหารเอง ทำตามที่ผมบอกเถอะ”

“…แล้วข้อตกลงที่เราทำไว้กับนิวไซเอินซ์แมนูแฟกเจอริงล่ะ?”

“สตาร์สกายเทคโนโลยีสำคัญกว่านิวไซเอินซ์แมนูแฟกเจอริง” หวังเหว่ยพูดอย่างเด็ดขาดว่า “เราแค่จ่ายค่าเสียหายที่กำหนดไว้ล่วงหน้าให้นิวไซเอินซ์แมนูแฟกเจอริงก็พอ”

…………………………

[1] การทดสอบว่าระบบหรือสินค้าสามารถใช้งานได้อย่างปกติในระยะยาวหรือไม่