ตอนที่ 2674

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 2,674 : โอสถหลิวจิน

 

 

 

“อาวุโสเจิ้งชิว!”

 

ได้พบกับอาวุโสเจิ้งชิวอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตได้ทันทีว่าต่อหน้าเขา อีกฝ่ายนั้นแลดูสำรวมกริยามากกว่าเดิม

 

แต่เขาก็เข้าใจได้ไม่ยาก

 

เพราะสุดท้ายแล้ว ในสายตาอาวุโสเจิ้งชิว เขาก็ไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนคนเดิมอีกต่อไป

 

ถึงแม้ว่าตอนที่ออกเดินทางจากเมืองเฉวี่ยโยวเพื่อมายังเมืองประจำมณฑลจิ่วโยว ถ้าเขาใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน พลังของเขาจะไม่ได้ด้อยไปกว่าอาวุโสเจิ้งชิวก็ตาม กระทั่งยังจะเหนือกว่าขั้นหนึ่ง…

 

ทว่าตอนนั้นอาวุโสเจิ้งชิวไม่รู้!

 

ก็แค่ตอนนี้…สิ่งที่เขากระทำในตระกูลหลิวเมื่อ 2 วันก่อน ได้แพร่ไปทั่วทั้งเมืองแล้ว!

 

อาวุโสเจิ้งชิวย่อมรู้เป็นธรรมดาว่า ระดับพลังฝีมือเขาในปัจจุบันเป็นอย่างไร กระทั่งยังเหนือกว่าผางปิง อาวุโสฝ่ายในอันดับ 1 ด้วยซ้ำ!

 

และผางปิงก็แกร่งกว่าเจิ้งชิว

 

“ต้วนหลิงเทียนข้า…ข้าไม่คิดเลยว่าในเวลาแค่ 2 ปี เจอเจ้าอีกทีพลังฝีมือเจ้าก็ก้าวข้ามข้าไปโดยที่ข้าไม่ทันรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ…”

 

เจิ้งชิวมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน ค่อยกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ

 

“ข้ามีวันนี้ได้ก็ต้องขอบคุณอาวุโสเจิ้งชิวที่อุตส่าพาข้ามาส่งถึงจวนผู้ว่า…หากไม่มีทรัพยากรบ่มเพาะและสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะของจวนผู้ว่า คงยากที่ข้าจะมีวันนี้”

 

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆกล่าวออก

 

“เจ้าก็พูดเกินไป…”

 

เจิ้งชิวส่ายหัวไปมา ยิ้มกล่าวว่า “เจ้าเป็นคนที่ได้รับเลือกจากเจ้าเมืองเฉวี่ยโยว…ถึงจะไม่ใช่ข้า แต่ก็คงมีอาวุโสฝ่ายในคนอื่นไปรับเจ้ามาที่จวนอยู่ดี…”

 

ด้วยรู้พลังฝีมือต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ดี เจิ้งชิวไหนเลยจะกล้ายกอ้างหน้าที่เป็นความดีความชอบ

 

“เจ้ามาที่นี่…ใช่คิดบอกลาข้าหรือไม่?”

 

ทันใดนั้นเอง อยู่ๆเจิ้งชิวก็หยีตา ยิงคำถามดังกล่าวออกมาทันที

 

“อาวุโสเจิ้งชิวทราบว่าข้ากำลังจะจากไป?”

 

ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจเล็กน้อย

 

“ใต้เท้าผู้ว่าบอกข้าแล้ว…ด้วยสถานการณ์ขอเจ้าตอนนี้ อยู่ในที่แจ้งมันเสี่ยงเกินไป…”

 

เจิ้งชิวพยักหน้า “ทันทีที่คนของอีก 15 มณฑรู้ว่าพลังฝีมือเจ้าร้ายกาจขนาดนี้…พวกมันไม่พ้นทำทุกทางเพื่อเขี่ยเจ้าให้พ้นทาง สมควรรวมหัวกันจ้างวานนักฆ่ามาเก็บเจ้า!”

 

“สุดท้ายแล้วหากเจ้ายังอยู่ทั้งคน พวกมันก็เลิกฝันจะคว้าอันดับ 1 ในการประลอง 16 มณฑลไปได้เลย สิ้นโอกาสได้รับโอสถต้าหลัว 3 เม็ด!”

 

เจิ้งชิวกล่าว

 

“ก็นะ…ว่าไปก็ดีเหมือนกัน ข้าจะได้ไปเดินเล่นเปิดหูเปิดตาบ้าง”

 

ต้วนหลิงเทียนยักไหล่ กล่าวออกด้วยท่าทางสบายๆ

 

“แต่หาได้ยากนักที่เจ้ายังอุตส่ามาลาสหายเก่าเช่นข้าก่อนไป…”

 

เจิ้งชิวมองต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม จากนั้นมันยกมือขึ้นเบาๆ ปรากฏกล่องหยกเล็กๆขึ้น จากนั้นก็ใช้พลังประคองกล่องหยกดังกล่าวไปหยุดลอยเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน “หินอมตะ เจ้าคงไม่ขาดมือ…แต่โอสถทิพย์เม็ดนี้เจ้าต้องสนใจแน่”

 

“โอสถทิพย์?”

 

พอเห็นเจิ้งชิวประคองส่งกล่องหยกเล็กๆมาถึงเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกสนใจนัก อยากรู้ว่าข้างในมีอะไรกันแน่

 

พอได้ยินเจิ้งชิวเฉลยว่ามีโอสถทิพย์อยู่ สองตาเขาก็ลุกวาวขึ้นมาทันที

 

“โอสถทิพย์อะไรหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนอดถามออกไปไม่ได้

 

ในสายตาของต้วนหลิงเทียน ลองเป็นโอสถทิพย์ที่เจิ้งชิว อาวุโสฝ่ายในของจวนผู้ว่าถึงขั้นแยกมาเก็บไว้ในกล่องหยก  คงไม่ใช่โอสถทิพย์ธรรมดาๆแน่นอน ต้องเป็นอะไรที่หาได้ยากแน่!

 

ไม่งั้นแค่เก็บไว้ในขวดหยกก็หรูแล้ว!

 

“โอสถหลิวจิน!”

 

ขณะกล่าวสองตาเจิ้งชิวฉายแสงวาบหนึ่ง!

 

“ว่าไงนะ!?”

 

แทบจะพร้อมกันกับที่เจิ้งชิวกล่าวจบ ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงทันใด สองตามองจ้องไปยังกล่องหยกเล็กๆของเจิ้งชิวเบื้องหน้าอย่างเหลือเชื่อ “หลิว…โอสถหลิวจินรึ?!”

 

“อาวุโสเจิ้งชิว…จริงหรือหลอก…ในกล่องเป็นโอสถเจิ้งชิวจริงๆ?”

 

เงยหน้าขึ้นไปมองเจิ้งชิวอีกครั้ง ลมหายใจต้วนหลิงเทียนคล้ายหอบขึ้นเล็กน้อย หน้าอกเริ่มกระเพื่อมขึ้นลงปานลูกสูบ ยากสงบอยู่นาน

 

โอสถหลิวจิน แม้จะเป็นแค่โอสถทิพย์ระดับต่ำ แต่ก็เป็นโอสถทิพย์ระดับต่ำที่มีค่าและหายากที่สุด!

 

เพราะตัวตนขอบเขตจินเซียน หากพลังฝึกปรืออยู่ตำกว่าจินเซียนตะวันม่วงแล้วไซร้ เมื่อรับประทานลงไป พลังฝึกปรือจะยกระดับขึ้นทันที ไร้ซึ่งผลข้างเคียงใดๆทั้งสิ้น!!

 

เป็นธรรมดาว่าถึงจะไม่มีผลข้างเคียง แต่ก็จะบังเกิดอาการดื้อยา เมื่อรับประทานอีกเม็ดก็จะไม่มีผลอีกต่อไป…

 

กล่าววอีกอย่างได้ว่า ตัวตนขอบเขตพลังจินเซียนนั้น ชั่วชีวิตสามารถรับประทานโอสถหลิวจินเพื่อยกระดับพลังบ่มเพาะได้แค่ครั้งเดียว!

 

อีกอย่างหนึ่หากพลังฝึกปรือบรรลุถึงจินเซียนตะวันม่วงแล้ว ก็ไม่ใช่ว่ารับประทานไม่ได้ เพียงแต่เมื่อรับประทานแล้วระดับพลังในร่างจะเพิ่มสูงขึ้นเท่านั้น ไม่อาจทะลวงผ่านไปยังขอบเขตต้าหลัวจินเซียนได้โดยตรง

 

สำหรับจินเซียนตะวันม่วงที่คิดทะลวงไปยังขอบเขตต้าหลัวจินเซียนโดยตรง เห็นทีก็มีแต่ต้องรับประทานโอสถต้าหลัวเท่านั้น

 

สำหรับตัวตนที่พลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตต้าหลัวจินเซียนขึ้นไป รับประทานโอสถหลิวจินก็ไม่มีผลใดๆทั้งสิ้น

 

เช่นนั้นแล้วโอสถหลิวจินเพียงเหมาะสำหรับตัวตนขอบเขตจินเซียนเท่านั้น!

 

สำหรับผู้ที่ยังมีระดับพลังฝึกปรือไม่ถึงขอบเขตจินเซียน หากทะลึ่งรับประทานโอสถหลิวจินลงไปล่ะก็…จะไม่มีทางต้านทานพลังของโอสถได้เลย ชะตากรรมเห็นทีจะมีแต่ตัวแตกตายเท่านั้น!

 

“ใช่”

 

พอเห็นต้วนหลิงเทียนแลดูตื่นเต้นไม่น้อย เจิ้งชิวก็ยิ้มกล่าวต่อว่า “ในเมื่อพลังฝึกปรือของเจ้ายังไม่บรรลุถึงต้าหลัวจินเซียน…เช่นนั้นการรับประทานโอสถหลิวจิน ก็ย่อมช่วยเหลือเจ้าได้อยู่”

 

“ถึงแม้ความก้าวหน้าอาจจะไม่ชัดเจนมากมายอะไร แต่เจ้าย่อมเข้าใกล้ต้าหลัวจินเซียนมากขึ้นกว่าเดิมแน่!”

 

เจิ้งชิวกล่าว

 

ตอนนี้เจิ้งชิวคิดว่า ต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงจินเซียนตะวันม่วงแล้ว

 

เหตุผลที่มันคิดแบบนั้น เพราะเห็นว่ากระทั่งผางปิงที่มีพลังฝีมือเหนือกว่ามัน ยังอ่อนด้อยกว่าต้วนหลิงเทียน

 

“อาวุโสเจิ้งชิว…แล้วทำไมท่านไม่กินโอสถหลิวจินนี่เองเล่า?”

 

ต้นหลิงเทียนสูดอากาศเข้าลึกๆ ค่อยถามออกมาอย่างอดไม่ได้หลังอารมณ์สงบลง

 

เจิ้งชิวอย่างไรก็คือ จินเซียนตะวันม่วง หากใช้โอสถหลิวจินแม้จะไม่บรรลุถึงต้าหลัวจินเซียน แต่พลังก็เข้าใกล้ต้าหลัวจินเซียนมากขึ้นเช่นกัน

 

“ในอดีตข้าเคยรับประทานโอสถหลิวจินไปแล้ว…ถึงจะใช้มันอีกครั้งก็ไม่มีผลอันใด”

 

เจิ้งชิวส่ายหัวไปมา ค่อยกล่าวว่า “ในอดีตข้าเคยได้รับโอสถหลิววจินมาโดยบังเอิญ 3 เม็ด…ข้าใช้เอง 1 ให้ลูกชายที่เป็นประมุขตระกูลเจิ้งคนปัจจุบันอีก 1…สุดท้ายก็เหลือแค่เม็ดนี้เม็ดเดียว”

 

“เจ้าจากไปครานี้ เพราะได้หินอมตะระดับสูง 300,000 ก้อนจากตระกูลหลิวกับตระกูลผาง แน่นอนว่าย่อมไม่ขาดหินอมตะอีก…ข้าจึงเหลือแค่โอสถหลิวจินเท่านั้นที่พอจะมอบให้เจ้าได้”

 

เจิ้งชิวกล่าว

 

“ขอบคุณมากอาวุโสเจิ้งชิว”

 

โอสถเจิ้งชิวนั้นยั่วยวนใจเกินไป ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ลีลาบอกปัด คว้าหมับรับมาทันที

 

หากแต่ในใจเขาเขาจดจำบุญคุณครั้งนี้ของอาวุโสเจิ้งชิวเอาไว้อย่างดี

 

ตอนนี้เขายังเป็นแค่จินเซียนตะวันเหลืองเท่านั้น หากเขาใช้โอสถหลิวจินเขาย่อมทะลวงถึงจินเซียนตะวันเขียวได้ทันที เรียกว่าย่นระยะเวลาบ่มเพาะไปได้อีกมาก!

 

“ต้วนหลิงเทียน…”

 

พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนรับของไปไม่อิดออด เจิ้งชิวที่ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก็แลดูลังเลไม่รู้จะพูดดีหรือไม่พูดดี…

 

“อาวุโสเจิ้งชิว มีเรื่องอะไรท่านว่ามาตรงๆเลยเถอะ”

 

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้ม

 

“ต้วนหลิงเทียนเจ้าคงรู้แล้วว่าหากเจ้าคว้าอันดับ 1 ในการประลอง 16 มณฑลที่พระราชวังฉินได้ เจ้าจะทำให้มณฑลจิ่วโยวเราได้รับโอสถต้าหลัว 3 เม็ด…”

 

“โอสถต้าหลัว 3 เม็ดนั้น…ไม่พ้นใต้เท้าผู้ว่าต้องใช้เอง 2 เม็ด เพราะติดจุดรอคอยขอบเขตต้าหลัวจินเซียนขั้นลี้ลับมานานปี และมีแต่ต้องใช้โอสถต้าหลัว 2 เม็ดเท่านั้นจึงจักทำให้ทะลวงผ่านไปได้อย่างราบรื่น”

 

“อย่างไรก็ตามแม้ใต้เท้าผู้ว่าจะใช้ไป 2 อย่างไรก็เหลืออยู่อีก 1…ข้าหวังว่าหลังเจ้าชนะการประลอง 16 มณฑลแล้ว จะช่วยแนะนำใต้เท้าผู้ว่าสักคำ เรื่องพิจารณามอบโอสถต้าหลัวให้ข้า แทนที่จะมอบให้ผางปิง…”

 

เจิ้งชิวสูดอากาศเข้าลึกๆ ก่อนที่จะพูดสิ่งที่มันอยากจะพูดออกมา

 

“เป็นธรรมดา…ว่าเจ้าแค่เอ่ยคำเท่านั้น ส่วนสุดท้ายแล้วผู้ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ข้าล้วนยินดีน้อมรับทั้งสิ้น ไม่คิดปริปากบ่นแม้ครึ่งคำ”

 

เจิ้งชิวกล่าว

 

“ขออาวุโสเจิ้งชิวอย่าได้ห่วงไป…เรื่องนี้ข้าไม่มีอะไรขัดข้อง!”

 

ต้วนหลิงเทียนตอบรับทันที “กระทั่งถึงวันงานประลอง 16 มณฑลเมื่อไหร่ ข้าจะไปคุยกับท่านผู้ว่าให้ท่านก่อนเลย ว่าให้เก็บโอสถต้าหลัวที่เหลือไว้ให้ท่านโดยเฉพาะ…หากไม่ตกลง ข้าจะล้มมวยปล่อยให้คนอื่นได้อันดับ 1 ไปเสีย!”

 

“ข้าเชื่อ…ถึงตอนนั้นผู้ว่าสมควรรู้ดีว่าต้องเลือกทางไหน”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองวูบ

 

“ขอบคุณเจ้า”

 

ถึงแม้มันจะรู้สึกว่าหากต้วนหลิงเทียนทำแบบนั้น ไม่พ้นได้มีเรื่องหมางใจกับผู้ว่าแน่ เพราะนี่ไม่ต่างอะไรกับขู่กันโต้งๆ อย่างไรก็ตามเจิ้งชิวไม่คิดแย้งอะไร เพราะรู้ดีว่าหากเป็นแบบนี้มันก็ยิ่งมีโอกาสได้รับโอสถต้าหลัวมากขึ้น

 

“อาวุโสเจิ้งชิวอย่าได้ขอบคุณข้าเลย…ข้าแค่ชดใช้บุญคุณเรื่องโอสถหลิวจินเท่านั้น”

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็กล่าวคำลาเจิ้งชิวแล้วเหินร่างจากไป…

 

หลังออกจากที่บ้านลานของเจิ้งชิวแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไปหาเถียนจี้หวี่ ผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว ก่อนจะสนทนากันอยู่พักหนึ่ง เขาก็เหาะออกจากจวนผู้ว่าไป…

 

“ไปจากจวนผู้ว่าคราวนี้…เกรงว่าวันหน้าคงไม่ได้กลับมาอีกแล้ว”

 

เมื่อมองย้อนกลับไปยังจวนผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยวที่กว้างใหญ่ ต้วนหลิงเทียนอดรำพันออกมาเบาๆไม่ได้

 

สุดท้ายเขาก็มองจวนผู้ว่าอยู่นานสองนาน อย่างไรเสียสถานที่แห่งนี้ก็คือสถานที่ๆเขาใช้เวลาอยู่อาศัยนานที่สุดนับตั้งแต่ขึ้นมายังแดนสวรรค์หลิงหลัวเทียน…

 

หลังออกจากจวนผู้ว่า ต้วนหลิงเทียนก็เดินทางไปยังตระกูลหลิวกับตระกูลผางต่อ และอย่างที่คิด ทั้ง 2 ตระกูลได้รวบรวมหินอมตะระดับสูงไว้ให้เขาเรียบร้อยแล้ว ในแหวนเขาจึงมีหินอมตะระดับสูเพิ่มขึ้นมา 300,000 ก้อน

 

“ตระกูลหลิว…นับว่ารวยจริงอะไรจริง”

 

และก็เป็นอย่างที่ต้วนหลิงเทียนคาดไว้จริงๆ ตระกูลผางไม่มีปัญญาหาหินอมตะระดับสูง 200,000 ก้อนมาจ่ายเขา สุดท้ายก็ทำได้แค่ควักเนื้อออกมามอบให้เขาแสนก้อน ส่วนอีกแสนก้อนนั้น ผลักภาระไปให้ตระกูลหลิวเป็นคนจ่าย

 

แน่นอนว่าตอนเก็บหนี้ ทั้งสองตระกูลก็มอบมาให้เขาแต่โดยดีไม่มีหืออืออะไร

 

ทั้งหมดเป็นเพราะเขามีผู้ว่าให้ท้าย หาไม่แล้วทั้ง 2 ตระกูลอาจไม่ยอมมอบค่าชดใช้มหาศาลให้เขาได้ง่ายๆแบบนี้

 

หลังคิดบัญชีแล้วต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างไปเรื่อยอย่างไม่มีจุดหมายแน่ชัด

 

หลังจากต้วนหลิงเทียนออกเดินทางจากเมืองประจำมณฑลจิ่วโยวได้ 3 วัน…

 

ฟิ่วว!!

 

ปรากฏอาคันตุกะไม่ได้รับเชิญชุดขาวโพลนหนึ่ง เหาะมาจากนอกเมืองจิ่วโยวด้วยความเร็วสูงล้ำ พริบตาก็เข้าสู่ตัววเมือง กระทั่งบรรลุถึงน่านฟ้าจวนผู้ว่า!

 

อาคันตุกะชุดขาวเหนือน่านฟ้าจวนผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว เป็นสตรีชรานางหนึ่ง!