ตอนที่ 2432 ราวคนแปลกหน้าเมื่อพบพานอีกครา

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

โลกใบน้อยของเย่หยวนนั้นมันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ

พลังงานสีดำนั้นมันค่อยๆ แผ่กระจายออกกลายเป็นดวงตะวันจันทรา รวมไปถึงหมู่ดาวทั้งหลายบนท้องฟ้าเองก็ค่อยๆ ก่อรูปร่างขึ้น

ส่วนบนผืนดินนั้นมันก็ค่อยๆ เกิดเป็นเนินเขาร่องน้ำด้วยคลื่นพลังงานสีเหลือง

รูปร่างของโลกหล้ามันได้ก่อเกิดขึ้นมาแล้ว

พิภพโกลาหลในตอนแรกที่ยังไม่มีสิ่งใดมันค่อยๆ เผยให้เห็นถึงสัญญาณของชีวิต

ในเวลานี้เย่หยวนเริ่มจะรู้สึกได้ถึงพลังของโลกอย่างแท้จริง!

การพัฒนาของโลกเช่นนี้มันย่อมจะทำให้กำลังของเขาพัฒนาไปอย่างมากล้น

กำลังเช่นนี้มันเหมือนราวกับว่าทั้งโลกหล้าอยู่ใต้ฝ่ามือเขา

ในโลกใบนี้เขานั้นย่อมจะเป็นนายมันอย่างเด็ดขาด เป็นตัวตนที่สูงส่งที่สุด!

คลื่นพลังที่เขาสัมผัสได้จากมันนั้นทำให้เขารู้สึกราวกับจะทำลายทุกสิ่งอย่างลงได้

ดูท่าแล้วทางเทียนเหอเองก็คงสัมผัสได้ถึงพลังที่ล้นหลามของเย่หยวนเช่นกัน!

มันมิใช่แค่ตัวเทียนเหอ แต่ทุกผู้คนนั้นสัมผัสได้สิ้น

พลังของมันนี้เหนือล้ำจนน่ากลัว!

เทียนเหอได้แต่กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าซีดขาว “เจ้า… เจ้าบ่มเพาะอะไรกันแน่? พลังเช่นนี้มันย่อมจะมิใช่เจ้าฟ้าดินหนึ่งทลายแน่แล้ว!”

ดูจากสภาพของเย่หยวนนั้นคลื่นพลังที่ตัวเขาปล่อยออกมามันย่อมจะเหนือกว่าเจ้าฟ้าดินหนึ่งทลายไปมากมาย

ช่องว่างระหว่างจักรพรรดิเทพสวรรค์และเจ้าฟ้าดินนั้นมันยิ่งใหญ่จริง แต่มันก็ไม่ได้ห่างชั้นถึงขนาดนี้

เพราะฉะนั้นเทียนเหอจึงได้แต่ต้องอ้าปากค้าง

เย่หยวนนั้นมีพลังที่เหนือล้ำพอที่จะเทียบเคียงเจ้าฟ้าดินสองทลายได้ง่ายๆ!

กอรปกับแนวคิดต่างๆ ที่สูงล้ำของเขานั้น กำลังต่อสู้ของเขามันย่อมจะเหนือล้ำจนถึงระดับของเต๋าสวรรค์เก้าลายขั้นกลางได้ง่ายๆ

ก่อนจะบรรลุขึ้นมานั้นเย่หยวนเองก็พอรับมือเทียนเหอได้อย่างไม่เสียเปรียบแล้ว

เวลานี้หากคิดจะฆ่ามันก็คงเหนื่อยแค่ยกมือ

เย่หยวนกล่าวขึ้นมา “เจ้าไม่ต้องมาสนใจหรอกว่ามันคือการบ่มเพาะเช่นใด รู้ไว้แค่ว่ามันคือการบ่มเพาะที่ฆ่าสังหารเจ้าก็พอ! เอาล่ะ ข้าจะส่งเจ้าไปเอง!”

ดาบแห่งมิติเวลาถูกเรียกขึ้นมาอีกครั้งพร้อมส่งคลื่นเย็นเยือก

เทียนเหอนั้นหน้าถอดสี เขารู้ดีว่าตัวเองคงไม่อาจต้านทานการโจมตีต่อไปของเย่หยวนได้!

ความรู้สึกสิ้นหวังปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา

ในยุคก่อนนั้นตัวเขาสามารถต้านทานรับมือเจ้าฟ้าดินสี่หรือห้าทลายได้ด้วยตัวคนเดียว ทำให้เขายังพอมีชีวิตรอดมาได้ถึงวันนี้

ในชีวิตนี้เขาเคยแต่คิดว่าทัพเผ่าเทวานั้นจะบดขยี้เผ่ามนุษย์

ใครจะไปคิดฝันว่าท้ายที่สุดเขากลับต้องมาพบเจอเรื่องราวเช่นนี้จนตายจากเต๋าเสื่อมสลาย

ผลลัพธ์นี้มันไม่เคยจะปรากฏขึ้นในสมองของเขาเลย

ในสายตาของเขานั้นเผ่ามนุษย์ในเวลานี้มันไม่มีใครจะฆ่าสังหารเขาได้นอกจากเหล่าเต๋าบรรพกาล

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นเองหากคิดอยากสังหารเขาด้วยการปะทะตัวต่อตัวมันก็คงเป็นไปไม่ได้

แต่เขาไม่เคยคิดฝันว่าตนจะต้องมาตายด้วยมือเด็กหนุ่มคนหนึ่ง!

ฟุบ!

เมื่อดาบแสงนั้นพุ่งผ่านไปมันก็เกิดรอยแยกของมิติขึ้นตามหลัง

มันราวกับว่าดาบนี้ได้ตัดขาดมิติออกจากกัน!

ความคมของมันนี้ย่อมจะไม่มีทางต้านทานรับ

เทียนเหอหรี่ตาลงก่อนจะรีบใช้งานย่อโลกาเพียงนิ้วทันที

แต่พลังของดาบนั้นมันแฝงมาด้วยพลังมิติเวลา มีหรือที่ตัวเขาในตอนนี้จะหลบรอดพ้นมันได้?

พริบตาเดียวนั้นดาบก็มาถึงเบื้องหน้าตัวเขา!

มันแทบจะฝ่าเทียนเหอออกเป็นสองซีกตั้งแต่ยังไม่ทันปะทะ

แต่ในวินาทีสุดท้ายนั้นเองมันกลับมีร่างหนึ่งก้าวออกมาจากห้วงมิติ

คนผู้นั้นยกมือขึ้นมากระแทกลงปะทะเข้าอย่างจังกับดาบแห่งมิติเวลา

ตูม!

มิติสั่นไหวคนทั้งสองนั้นกระเด็นกลับไปคนละฟาก

เย่หยวนถอนหายใจยาวก่อนจะกล่าวขึ้น “เจ้ามาจนได้”

คนผู้มาถึงนั้นพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว ข้าต้องมา เพราะเทียนเหอจะตายลงไม่ได้!”

เย่หยวนขมวดคิ้วแน่น “ข้าล่ะไม่ชินกับการพูดของเจ้าตอนนี้เลยจริงๆ”

แต่คนผู้มาถึงนั้นกลับตอบกลับมาด้วยท่าทางเรียบเฉย “สุดท้ายเจ้าก็จะชินกับมันไปเอง วันหนึ่งเจ้าและข้าคงได้มาเจอกันบนสนามรบ หากถึงเวลานั้นแล้วเจ้ายังไม่ชินกับมันอีกเจ้าจะได้ตายเอา!”

เย่หยวนหรี่ตาลงอย่างเจ็บปวด “เจ้ากล้าที่จะลงมือต่อข้าจริงหรือ?”

คนผู้มาถึงนั้นตอบกลับอย่างไม่แยแส “อดีตมันกลายเป็นแค่อดีต มันไม่มีสิ่งใดที่ข้าไม่กล้า”

เย่หยวนพยายามสูดหายใจเข้าลึก “ข้าจะพาเจ้ากลับมาให้ได้!”

แต่ผู้มาถึงนั้นกลับตอบมาด้วยท่าทางเฉยชา “ข้านั้นก็ยังเป็นข้า เพียงแค่ว่าข้านั้นเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน แล้ว… เจ้าจะเอาอะไรของข้ากลับไปเล่า?”

เย่หยวนสัมผัสได้ถึงแรงจิตสังหารจึงยกมือขึ้นมาห้ามทันที “พวกเจ้าไม่ต้องยุ่ง!”

แต่คนผู้มาถึงนั้นกลับไม่คิดพูดระลึกความใดๆ พาตัวเทียนเหอไปในทันที

ทัพไร้คาดเดาทั้งหลายนั้นต่างมองดูภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง ไม่อาจเข้าใจได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

แต่นายท่านสั่งออกมาแล้ว พวกเขาย่อมจะไม่กล้าเข้าไปยุ่งเรื่องราว

ว่านเจิ้นและผางเจิ้นนั้นหันมามองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจอย่างสุดซึ้ง

พวกเขานั้นไม่เคยจะเห็นนายท่านแสดงอาการเช่นนี้มาก่อน!

ในสายตาของพวกเขาแล้วนายท่านนั้นมักจะเป็นคนเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ออกมาง่ายๆ ย่อมจะไม่เคยปรานีผู้ที่เขาคิดว่าเป็นศัตรู

แต่หญิงผู้ปกปิดใบหน้านั้นกลับทำให้นายท่านนั้นไม่กล้าจะลงมือใดๆ

ที่สำคัญไปกว่านั้นเมื่อลองฟังจากคำพูดแล้ว มันเหมือนราวกับว่าคนทั้งสองเป็นคนรู้จักแต่เก่าก่อนและที่สำคัญคงมิใช่แค่รู้จักกันธรรมดาๆ

แล้วท่านนักบุญฟ้าครามนั้นไปรู้จักกับหญิงเผ่าเทวานั้นอย่างไร?

เย่หยวนมองดูเงาร่างนั้นจางหายไปที่ขอบฟ้าด้วยความรู้สึกหนักหน่วงและอ้างว้าง

แม้ว่านางผู้นั้นจะปิดหน้าและมาถึงด้วยพลังของวรยุทธแท้เต๋าสวรรค์แต่เย่หยวนก็ยังจดจำนางได้ดี

เพราะนางนั้นคือเยวี่ยเมิ่งลี่!

เย่หยวนเองก็ไม่คิดฝันว่าในวินาทีที่เขาจะปลิดชีวิตเทียนเหอลงได้นั้นนางผู้เป็นที่รักของเขากลับจะปรากฏขึ้นมาช่วยศัตรู

เขานั้นไม่ได้ตกตะลึง แต่เขานั้นรู้สึกเจ็บปวด

ท่าทางไม่แยแสของนางนั้นมันคมเสียยิ่งกว่าดาบแห่งมิติเวลาของเขา ปาดเข้าลึกที่กลางใจของเย่หยวน

ตั้งแต่ตอนที่เขาพาหยวนเจี่ยวกลับมาถึง เย่หยวนก็ได้รู้แล้วว่าลี่เอ๋อนั้นมิใช่ลี่เอ๋อที่เขารู้จักอีก

นางนั้นได้รับการล้างบาปจากรูปปั้นเทพเจ้าและกลายเป็นบุตรีเทวะอย่างแท้จริงไป!

ที่สำคัญไปกว่านั้นพรสวรรค์ของลี่เอ๋อนั้นยังเข้ากับวรยุทธการบ่มเพาะของเผ่าเทวาอย่างมาก ความเร็วการบ่มเพาะของนางจึงพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วจนเวลานี้ย่างเข้าถึงอาณาจักรเต๋าสวรรค์เก้าลายได้

ดูจากพลังที่เยวี่ยเมิ่งลี่แสดงออกมาเมื่อครู่นั้น นางคงไม่ได้อ่อนแอกว่าเย่หยวนเลย

ความเร็วการพัฒนาของนางนั้นย่อมจะเหนือการคาดเดา

แท้จริงแล้วเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เย่หยวนกังวลเสมอมา

ตั้งแต่ที่ได้ความทรงจำคืนในวันนั้น เขาก็พยายามหาทางแก้ไขปัญหานี้มาตลอด

ท่าทางของหยวนเจี่ยวนั้นมันทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าปัญหาคงเกิดขึ้นแน่

เพราะเมื่อหยวนเจี่ยวลงทุนลงแรงขนาดนั้นเพื่อจะพาลี่เอ๋อไป มันย่อมหมายความว่าเขามีวิธีที่จะทำให้นางกลายเป็นบุตรีเทวะ

ไม่เช่นนั้นแล้วจะมาเสียเวลามากมายลักพาตัวชาวมนุษย์ทำไม?

เพียงแค่ว่าเย่หยวนนั้นไม่อาจจะคิดถึงวิธีการใดที่จะทำลายความรู้สึกระหว่างตัวเขาและเยวี่ยเมิ่งลี่ลงได้

แต่เมื่อเขาพาตัวหยวนเจี่ยวกลับมาถึงค่าย ในที่สุดตัวเขาก็ได้รู้

แปดตระกูลสายเลือดของเผ่าเทวานั้น แต่ละตระกูลจะมีรูปปั้นเทพเจ้าของตนอยู่

มันคือรูปปั้นเทพเจ้าที่เป็นต้นกำเนิดของเผ่าเทวา!

และรูปปั้นเทพเจ้าทั้งแปดนั้นมันก็คือสิ่งที่เย่หยวนเคยได้เห็นในตระกูลสายเลือดเร้นนั่นเอง

เพียงแค่ว่าของตระกูลสายเลือดเร้นนั้นมันเป็นแค่ของเลียนแบบ มิใช่ตัวรูปปั้นเทพเจ้าที่แท้จริง

เผ่าเทวาคนใดที่เคยผ่านการล้างบาปจากรูปปั้นเทพเจ้านั้น จะเกิดความจงรักภักดีต่อเผ่าเทวาอย่างมาก

หรือจะบอกว่าคนผู้นั้นจะรู้สึกภาคภูมิที่ได้เป็นคนเผ่าเทวา?

แต่มันมิใช่แค่การควบคุมทั่วๆ ไป

เพราะนอกจากความรู้สึกภักดีต่อเผ่าเทวาที่เสริมเข้ามาแล้ว คนผู้นั้นจะยังมีอารมณ์ความรู้สึกเดิมครบถ้วน

สุข แค้น เศร้า ยินดี มันไม่มีสิ่งใดที่ขาดหาย ไม่ได้แตกต่างจากคนทั่วๆ ไป

เย่หยวนนั้นได้ยินจากตัวหยวนเจี่ยวว่าลี่เอ๋อนั้นมิใช่ลี่เอ๋อคนก่อนไปแล้ว

ภายใต้ความคับแค้นของเย่หยวน ตัวเขาจึงสังหารหยวนเจี่ยวลงทันที

แต่เรื่องนั้นมันย่อมจะไม่ได้ช่วยให้ความขุ่นข้องในใจของเขาจางหาย

จนวันนี้เขาได้มาเห็นลี่เอ๋ออีกครั้งหนึ่ง เย่หยวนจึงรู้สึกเจ็บปวดเหมือนหัวของถูกบิดด้วยมีดคมกริบ

วินาทีต่อมาร่างของเย่หยวนก็ร่วงตกลงมาอย่างไร้การควบคุม

ว่านเจิ้นและพวกที่ได้เห็นต้องรีบเข้าไปรับร่างของเย่หยวนไว้ทันที

…………………………