สุดท้ายพอไม่ได้การแล้วจริงๆ เขาถึงได้ออกมาช่วยเหลือเซวหนานซานอยู่สองสามครั้ง
ในตอนที่คนอื่นทราบเข้าว่า แม้แต่อู๋ตงไห่ผู้สืบทอดของตระกูลชั้นแนวหน้าก็ยังออกหน้าช่วยเหลือเซวหนานซาน คนของสำนักขอทานอื่นๆย่อมไม่กล้างล่วงเกินเซวหนานซานอีก
ด้วยเหตุนี้ เซวหนานซานจึงยิ่งเป็นจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ รวบอำนาจของสำนักขอทานทั้งหมดในเจ้อเจียงมาไว้ในกำมือตน
ตอนนี้เขาเป็นเจ้าสำนัก ‘สำนักขอทาน’ ที่เลื่องชื่อที่สุดในเขตเจียงหนานแล้ว
เซวหนานซานก็ภาคภูมิใจต่อเรื่องนี้อย่างยิ่ง เนื่องจากกิจการนี้สร้างเงินทองได้รวดเร็วเหลือเกิน และไม่ต้องเปลืองสมองเลยด้วย ทุกคนกระจายกันออกไป ทุกคนต่างหาสถานที่แห่งหนึ่ง นอนลงบนถนน จากนั้นก็ใช้กระดาษ เขียนคำโฆษณาที่น่าเวทนาลงไป แค่นอนลงไปก็ได้เงินแล้ว
ภายในระยะเวลาสั้นๆ เขาก็เก็บหอมรอมริบทรัพย์ได้กว่าพันล้านแล้ว
เซวหย่าฉินเห็นน้องชายของตัวเองประสบความสำเร็จมากขนาดนี้ ย่อมยินดีเป็นล้นพ้นเช่นกัน สำหรับเธอแล้วน้องชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี้ บนร่างของน้องชายแบกรับภาระการสืบทอดสายเลือดของตระกูลเอาไว้
พ่อแม่ของครอบครัวเซวจากไปเร็ว และไม่มีญาติพี่น้องอะไร ยิ่งตกอับข้นแค้น ก็ยิ่งไม่มีดวงดูดโชค เธอจึงยิ่งคาดหวังว่าสกุลเซวจะสามารถแตกกิ่งก้านสาขามีทายาทโดยเร็ว ทำให้ฮวงจุ้ยโชคลาภกระเตื้องขึ้นมา ค่อยๆ กลายเป็นตระกูลมีชื่อของแถบเจียงหนานเช่นนี้ตนถึงจะนับว่าทำภารกิจของตระกูลตนสำเร็จลุล่วงแล้ว
….
หลังส่งน้องชายออกจากบ้านไปแล้ว เซวหย่าฉินถึงได้หันหลังกลับเข้าไปในคฤหาสน์
อู๋ตงไห่คาบซิการ์ม้วนหนึ่งไว้ นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เอ่ยอย่างรำคาญอยู่บ้าง “เหย่ฉิน ระยะนี้ผมได้ยินว่าสำนักขอทานของน้องชายคุณ ใช้เด็กๆ กลุ่มใหญ่ขอทานหาเงิน คุณพูดกับเขาหน่อยได้ไหม? ให้วันหน้าเขาสำรวมบ้าง ตอนนี้ข้างนอกรู้กันทั่วแล้วว่าเขาเป็นน้องเมียของผมอู๋ตงไห่ เขาทำธุรกิจไร้จรรยาบรรณแบบนี้ คนนอกคงคิดกันไปหมดแล้วว่าเป็นการชี้แนะจากผม! ถึงยังไงตระกูลอู๋ของผมก็เป็นตระกูลใหญ่ระดับแสนล้านเชียวนะ จะไปมีเอี่ยวกับธุรกิจไร้จรรยาบรรณแบบนี้ได้ยังไง?”
พอเซวหย่าฉินได้ฟังคำพูดนี้ ขอบตาก็แดงเรื่ออย่างคับข้องหมองใจทันที เอ่ยเสียงสะอื้น “ที่รัก ใช่ว่าคุณจะไม่รู้สถานการณ์ของหนานซานนี่คะ คุณดูสิเขาไม่มีความสามารถ ไม่มีการศึกษา แถมยังไม่มีสมองอีก นอกจากใช้ทางลัดแล้ว เขายังจะมีทำอะไรได้อีก นี่คือน้องชายคนเดียวของฉัน ถ้าเขามีชีวิตที่ย่ำแย่ ฉันคงตายตาไม่หลับจริงๆ!”
สิ่งที่ทำให้อู๋ตงไห่อับจนปัญญาที่สุดก็คือการเห็นท่าทางคับข้องหมองใจของภรรยา เขาก็รู้เหมือนกันว่านี่เป็นแค่มารยาของภรรยา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเพราะรักจริงๆ พอเห็นเธอคับข้องหมองใจ หัวใจของอู๋ตงไห่ก็รู้สึกเจ็บปวดไปด้วย
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้แต่ถอนหายใจ เอ่ยว่า “ก็ได้ๆ คุณก็อย่าคับข้องหมองใจไปเลย ความหมายที่ผมจะพูดคือ คุณกลับไปก็ไปเตือนหนานซานด้วย ทางลัดน่ะมีอยู่มากมายหลายวิธี อย่าได้ใช้ทางลัดจากตัวเด็กและสตรี หากว่าเขามีความกล้าหาญ กล้าตีกล้าตาย แบบนั้นผมก็ช่วยหนุนให้เขาได้กลายเป็นราชาแห่งโลกใต้ดินของทั้งเจียงหนานอย่างสมบูรณ์ ทำไมจะต้องไปทำเรื่องที่เป็นการทำลายเด็กๆ กับผู้หญิงแบบนั้นทุกวันด้วยล่ะ? เรื่องพวกนี้พูดไปแล้วก็ไร้ยางอายจริงๆ”
เซวหย่าฉินเดินมาหยุดอยู่ข้างกายอู๋ตงไห่น้ำตาไหลริน นั่งลงข้างๆ เขา สองมือเกาะขาเขา เอ่ยเสียงสะอื้นน่าเวทนาสงสาร “ที่รัก น้องชายคนนี้ของฉันเป็นแบบไหน ก็ใช่ว่าคุณจะไม่รู้ ตัวเขาไหนเลยจะมีฝีมือไปตีรันฟันแทงแบบนั้นกับคนอื่นได้? อีกอย่าง พวกเราสกุลเซว เหลือเขาเป็นทายาทสืบสกุลแค่คนเดียว ไม่ว่ายังไงก็ปล่อยให้เขาออกไปต่อยตีฆ่าฟันไม่ได้หรอก ถ้าหากเขาเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา วันหน้าสกุลเซวของพวกเราไม่จบสิ้นหมดเลยหรือ?”
อู๋ตงไห่เอ่ยอย่างจนปัญญา “ไม่ใช่ว่าฉันอธิบายกับเธอไปแล้วหรือ? หากว่าเขากล้าสู้กล้าตาย ฉันจะหนุนหลังให้เขาเอง มีฉันอยู่ เธอคิดว่าจะมีใครในเจียงหนานกล้าหาเรื่องเขาเหรอ?”
เซวหย่าฉินปาดน้ำตา ตอบไปว่า “ก็ไม่ได้จะพูดแบบนั้น ที่รัก ตอนนี้มีเด็กๆ อยู่เยอะแยะ เป็นพวกหัวแข็งมุทะลุทั้งนั้น เขาไม่สนหรอกว่าคุณจะมีฐานะยังไง ภูมิหลังแบบไหน มีความเป็นไปได้ที่เขาจะชักมีดออกมาบอกว่าจะแทงก็แทงเลย หากว่าพวกเขาทำร้ายหนานซาน ต่อให้ภายหลังฆ่าพวกเขาให้ตายกันหมด แล้วจะแก้ปัญหาอะไรได้ล่ะ?
ว่าไปแล้ว เธอก็จับมือของอู๋ตงไห่ เอ่ยด้วยนัยน์ตาแดงเรื่อ “ที่รัก หนานซานเป็นน้องชายคนเดียวของฉัน คุณเห็นแก่ที่ฉันติดตามคุณมานานหลายปี แถมยังคลอดลูกชายให้คุณตั้งสองคน ช่วยเมตตาเขาหน่อยเถอะ”
อู๋ตงไห่ถอนหายใจเหยียดยาว เอ่ยอย่างจนปัญญา “หนานซานทำเรื่องพวกนี้ ก่อกรรมทำเข็ญ ถ้ามีเวลาล่ะก็ ให้เขาไปจุดธูปขอพรในวัดให้มากเข้าเถอะ!”
_______