ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 134 แสง ตกกระทบใบหน้าเจ้า

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​ใน​ส่วนลึก​ที่สุด​ของ​ทะเล​ดาว​ ​ปรากฏ​จุด​แสง​ขึ้น​จุด​หนึ่ง

​จุด​แสง​จุด​นี้​สลัว​มาก​ ​น่าจะ​อยู่​ใน​ที่​ที่​ห่างไกล​มาก​ทีเดียว

​เฉิน​ฉาง​เซิง​นึกออก​โดยปริยาย​ว่า​ ​ตอน​กำหนด​ดาว​แห่ง​โชคชะตา​นั้น​ ​เคย​เห็น​กลุ่ม​ดาว​ระยิบระยับ​ดุจ​โคมไฟ​ของ​บ้าน​หมื่น​หลัง​กลุ่ม​หนึ่ง

​ตรงกันข้าม​กับ​ทะเล​ดาว​กลุ่ม​นี้​ยัง​มีทะ​เล​ดาว​อีก​กลุ่ม​หนึ่ง​ ​จุด​แสง​ก็​คล้ายๆ​ ​กัน​กับ​ทะเล​ดาว​ฝั่ง​ตรงข้าม

​เพียงแต่​ค่อยๆ​ ​สว่าง​ขึ้น​ ​แสดงว่า​ ​แหล่งกำเนิด​แสง​กำลัง​เคลื่อน​เข้าใกล้​ผู้สังเกตการณ์

​จุด​แสง​ยิ่ง​มาก​็​ยิ่ง​สว่าง​ ​บ่งบอก​ว่า​แหล่งกำเนิด​แสง​ใกล้​เข้ามา​เรื่อยๆ

​มี​ความเป็นไปได้​อีก​อย่าง

​นี่​คือ​แสง​ซึ่ง​ส่อง​มาที​่​ดวงตา​ของ​เขา

​เฉิน​ฉาง​เซิง​รู้สึก​ว่า​ต้อง​ระมัดระวัง​เป็น​อย่างยิ่ง​ ​เพราะ​จุด​แสง​นั่น​ ​เปลี่ยน​จาก​สลัว​เป็น​สว่าง​เร็ว​จน​เกินไป

​ถัดจาก​นั้น​ ​แขน​เสื้อ​ของ​เขา​ก็​สะบัด​ขึ้น​เอง​ทั้งๆ​ ​ที่​ไม่มี​ลม​ ​นัยน์ตา​ก็​เกิดแสง​เงา​นับไม่ถ้วน

​เขา​รู้สึก​ว่า​ตนเอง​เปรียบเสมือน​ผลไม้​สีแดง​ผล​เล็ก​นั่น​ ​ดาว​แห่ง​โชคชะตา​กำลัง​ลอย​อย่าง​เงียบๆ​ ​อยู่​นอก​ทะเล​ดาว​ ​แต่​จู่ๆ​ ​ก็​เคลื่อนไหว​ขึ้น​มา

​ขนาด​ลำแสง​นั่น​ยัง​มา​ไม่​ถึง​ทะเล​ดาว​แห่ง​นี้​ ​ก็​เกิดผล​กระทบ​เสีย​แล้ว

​โดย​หลาย​คน​รู้สึก​ว่า​ดาว​แห่ง​โชคชะตา​ของ​ตน​ได้รับ​ผลกระทบ​ ​จึง​เริ่ม​ขยับตัว​ไปมา​ ​จนได้​ยิน​เสียงอุทาน​ดัง​ทั่วทั้ง​ตำหนัก​มาร

​“​ดาว​นักษัตร​กำลัง​เปลี่ยนแปลง​!​”

​บัณฑิต​เผ่า​มาร​ตะโกน​เสียงดัง​อย่าง​คลุ้มคลั่ง​ ​ขณะ​มองดู​กลุ่ม​ดาว​บน​ท้องฟ้า​ ​คล้าย​เห็นภาพ​การทำลายล้าง​โลก​อย่างไร​อย่างนั้น

​……

​……

​ดินแดน​เซิ​่​งก​วง​เริ่ม​บุก​เข้ามา​แล้ว​หรือ

​รู้สึก​ได้​ถึง​รังสี​ฆ่าฟัน​บาง​ๆ​ ​ที่อยู่​ใน​ท้องฟ้า​ยามค่ำคืน​ ​ผู้คน​ต่าง​รู้สึก​ไม่ปลอดภัย​เป็น​อย่างยิ่ง

​มี​เพียง​คน​ชุด​ดำ​ที่​จ้องมอง​ท้องฟ้า​ยามค่ำคืน​อย่าง​เงียบๆ​ ​ใบหน้า​สีเขียว​อ่อน​อมยิ้ม​เล็กน้อย

​เมื่อ​สิบ​ปีก่อน​ ​ใน​สันเขา​หิมะ​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​เคย​เห็นภาพ​ทำนอง​นี้​มา​แล้ว​ ​แต่​เขา​ก็​ยังคง​ไม่​สามารถ​สงบนิ่ง​ได้​ ​เพราะ​ลำแสง​ใน​คืนนี้​ ​พุ่ง​มาที​่​เขา

​เสียง​เบา​ๆ​ ​ดัง​ หง่าง ​คล้าย​ระฆัง​ของวัด​มหายาน​ถูก​เคาะ​ขึ้น​อีกครั้ง​ ​เมฆ​บน​ท้องฟ้า​ยามค่ำคืน​เหนือ​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ม้วนตัว​ไม่​หยุด​ ​ก่อน​กระจาย​ตัว​ออก

​ลำแสง​สาย​หนึ่ง​ตกลง​บน​ร่าง​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง

​ลำแสง​สาย​นี้​เดินทาง​ผ่าน​ทะเล​ดาว​ที่อยู่​ห่างไกล​ ​ยาม​ตก​สู่​พื้นดิน​จึง​มี​รัศมี​เพียง​ไม่​กี่​ฉื่อ​ ​จินตนาการ​ได้​ว่า​ควบแน่น​ได้มาก​ขนาด​ไหน​

​ซึ่ง​มี​เพียง​เทพเจ้า​เท่านั้น​ที่สามา​รถ​ทำ​เรื่อง​เช่นนี้​ได้

​ลำแสง​ที่​เงียบเชียบ​สุด​จะ​เปรียบ​ลำ​นี้​แฝงกลิ่น​อาย​ทำลายล้าง​ ​ราวกับ​มาจาก​วัน​สิ้น​โลก

​แต่​เฉิน​ฉาง​เซิง​ไม่​เหมือน​ราชา​มาร​ใน​ตอนนั้น​ที่​ถูก​ทำลาย​ไป​เช่นนั้น​ ​ขณะ​ยืน​อยู่​ใน​ลำแสง​ ​ร่างกาย​เขา​ยังอยู่​ครบถ้วน​ ​ไม่​บุบสลาย

​ต่อมา​ ​ถึง​ได้​เข้าใจ​ใน​สาเหตุ

​ลำแสง​ต้องการ​ให้​เขา​มีชีวิต​อยู่

​พอ​ถูก​กระตุ้น​จาก​ลำแสง​ ​เพลิง​ศักดิ์สิทธิ์​ใน​ร่าง​ของ​เขา​ก็​ยิ่ง​เผาไหม้​รุนแรง​ ​จากนั้น​ก็​เปล่งแสง​สว่าง​และ​ความร้อน​อย่าง​ไม่​สิ้นสุด​ออกมา​ ​กลายเป็น​เปลวเพลิง​ขนาด​เท่า​ภูเขา​ลูก​เล็ก​ๆ​ ​ม้วนตัว​ขึ้น​สู่​ท้องฟ้า

​เปลวเพลิง​ขุม​นี้​ ​สูง​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​กระทั่ง​สูง​กว่า​ตำหนัก​มาร​ ​ขึ้นไป​ถึง​ท้องฟ้า​เหนือ​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า

​ส่วน​ลำแสง​ก็​เปลี่ยนเป็น​สว่าง​เพิ่มขึ้น​ ​พอ​ถึง​จุด​ที่​บรรจบ​กับ​เปลวเพลิง​ ​ก็​สาด​ของเหลว​สีทอง​หลาย​แสน​ตัน​ออกมา

​ของเหลว​สีทอง​เหล่านี้​มิได้​ตก​ถึง​พื้นดิน​ ​แต่​ทา​ทับ​ท้องฟ้า​ยาม​ราตรี

​ทำให้​ท้องฟ้า​บริเวณ​นั้น​ค่อยๆ​ ​กลายเป็น​กระจกเงา​ใส​ลื่น​ ​และ​ยัง​ขยายตัว​ออก​ไป​ไม่​หยุด​ ​จวบจน​ครอบครอง​ท้องฟ้า​ของ​พระราชวัง​มาร​ทั้งหมด

​ลำแสง​สาย​นั้น​กับ​แสง​ศักดิ์สิทธิ์​ใน​ร่าง​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก็​คือ​ ​สะพาน​เชื่อมต่อ​สอง​ดินแดน​เข้าด้วยกัน​ ​แล้ว​กระจก​ล่ะ​ ​หรือ​ก็​คือ​ ​ภาพเสมือน​ของ​กำแพง​ผลึก​มิติ

​แรงกดดัน​อัน​ทรงพลัง​จาก​อีก​โลก​หนึ่ง​ ​ทำให้​มิติ​บิดเบี้ยว​เปลี่ยนรูป​ ​โดยเฉพาะ​ที่​ที่อยู่​สูง​ขึ้นไป​ ​ก่อเกิด​ความปั่นป่วน​มากมาย

​และ​เพราะ​มิติ​เปลี่ยนรูป​ ​ทำให้​ดวงจันทร์​ที่อยู่​ห่างไกล​ ​ดู​แบน​ๆ​ ​อยู่​บ้าง

​เสียง​ตะโกน​ร่ำไห้​ระงม​ไป​ทั่วทั้ง​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ ​ชาวเมือง​พากั​นวิ​่​งอ​อก​นอกเมือง​ ​โกลาหล​ยิ่งกว่า​ตอน​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​ตีเมือง​แตก​เสียอีก

​บน​พื้นดิน​ปรากฏ​รอยแตก​เป็น​ร่อง​ลึก​มากมาย​ ​ตำหนัก​มาร​พังทลาย​ลง​ ​ทุกที่​ล้วน​มี​แต่​ก้อนหิน​ลอย​อยู่​กลางอากาศ​ ​มอง​ไป​แล้ว​เป็น​ภาพ​ที่​น่าอัศจรรย์​ยิ่ง

​แล้ว​จุด​หนึ่ง​ของ​กระจก​แสง​แผ่น​นั้น​ก็​ปูด​ขึ้น​ ​จากนั้น​ก็​ค่อยๆ​ ​ยื่น​ออกมา​ ​จน​เห็น​เค้าโครง​ชัด​มากขึ้น​เรื่อยๆ​ ​ซึ่ง​ก็​คือ​ใบหน้า​หนึ่ง

​กระจก​ถูก​ดึง​ให้​ตึง​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​สว่าง​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​จวบจน​เปลี่ยนเป็น​โปร่งแสง​ ​และ​ในที่สุด​ใบหน้า​นั้น​ก็​ปรากฏ​

​เป็น​ใบหน้า​ที่​ไร้​ซึ่ง​อารมณ์​ใดๆ​ ​จมูกโด่ง​เป็น​สัน​ ​ดวงตา​ลึก​มาก​ ​เรียก​ได้​ว่า​สมบูรณ์แบบ

​“​ทูตสวรรค์​ใหญ่​…​”

​ในที่สุด​ท่าที​ของ​หวัง​จือ​เช่​อก​็​เปลี่ยนไป​ ​เขามอ​งดู​ใบหน้า​นั้น​พลาง​บ่นงึมงำ

​มี​คน​เพียง​น้อย​นิด​ที่​ได้ยิน​เขา​พูด​เอง​เออ​เอง​ ​โดย​ใน​เวลา​คับขัน​เช่นนี้​ ​ผู้คน​ก็​ไม่ทัน​ได้คิด​เช่นกัน​ว่า​ ​เหตุใด​เขา​ถึง​ได้​รู้​ว่า​ใบหน้า​นั่น​คือ​ใบหน้า​ของ​ทูตสวรรค์​ใหญ่

​เมื่อ​ใบหน้า​ที่​ไม่​ยี่หระ​มอง​ลงมา​ยัง​พื้นดิน​ ​กระจก​แสง​ใน​ท้องฟ้า​ยามค่ำคืน​ก็​เปลี่ยนเป็น​บาง​ลง​เรื่อยๆ​ ​โปร่งแสง​ขึ้น​เรื่อยๆ

​ส่วน​ด้านหลัง​กระจก​แสง​ ​ได้ยิน​เสียงร้อง​ตกใจ​ดัง​มาจาก​ตำหนัก​มาร​นับไม่ถ้วน​ ​รวมทั้ง​เสียงหัวเราะ​ที่​ค่อนข้าง​คลุ้มคลั่ง​ของ​คน​ชุด​ดำ

​ตรงนั้น​คือ​ความมืด​ที่​ไม่​สิ้นสุด​ ​ทูตสวรรค์​หลาย​ร้อย​องค์​ลอย​อยู่​กลางอากาศ​เงียบๆ​ ​ปีก​สีขาว​เด่น​สะดุดตา​ยิ่ง

​ผู้​ที่​เห็นภาพ​นี้​ ​พากัน​ตื่นตระหนก​ ​จากนั้น​ก็​หวาดกลัว

​แต่​ใช่​ว่า​ทุกคน​ล้วน​ตื่นกลัว​ ​สำหรับ​เซียว​จาง​แล้ว​ ​ทูตสวรรค์​เหล่านี้​ก็​เหมือน​มด​ปลวก

​สำหรับ​เขา​แล้ว​ ​ความหวาดกลัว​เกิด​จาก​พลัง​คุกคาม​และ​ทัศนวิสัย​ที่อยู่​ไกล​แสน​ไกล

​ไม่มี​ดวงตา​ ​แต่​เห็นชัด​ว่า​มี​การดำรงอยู่​ของ​สิ่ง​ซึ่ง​อยู่​เหนือ​สสาร​ ​กำลัง​สำรวจ​มองโลก​ที่​พวกเขา​อาศัย​อยู่

​นั่น​ก็​คือ​เทพเจ้า​?

​……

​……

​ทูตสวรรค์​เหล่านั้น​ดูเหมือน​มาถึง​ท้องฟ้า​ยาม​ราตรี​ของ​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​แล้ว​ ​แต่​ความเป็นจริง​ ​พวกเขา​อยู่​ห่าง​จาก​ดินแดน​ต้า​ลู่​หลาย​สิบ​ล้าน​ลี้​ ​หรือ​มากกว่า​นั้น

​ถ้า​คำนวณ​จาก​เวลา​ ​สิ่งมีชีวิต​ทรง​ภูมิปัญญา​ใน​ดินแดน​ต้า​ลู่​ ​ไม่ว่า​จะ​เป็น​ชน​เผ่า​มนุษย์​ ​เผ่า​มาร​ ​หรือ​เผ่า​ปีศาจ​ ​ล้วน​ยัง​มี​เวลา​พอที่​จะ​เขียน​คำสั่ง​เสีย​ไว้​ให้​ชน​รุ่นหลัง

​เมื่อ​กองทัพ​ทูตสวรรค์​มา​จุติ​ตาม​ลำแสง​นี้​ ​และ​ผสาน​เป็นหนึ่งเดียว​กัน​กับ​รูปปั้น​ศิลา​ใน​เพลิง​มาร​เหล่านั้น​ ​โลก​ใบ​นี้​ก็​เตรียมรับมือ​ความพินาศ​ได้​เลย

​“​ท่าน​มี​วิธี​อะไร​ไหม​”

​สวี​โหย​่ว​หรง​ถาม​พลาง​จ้องมอง​หวัง​จือ​เช่อ

​ขณะที่​ทุกคน​พากัน​เพ่งเล็ง​ไป​ยัง​ลำแสง​และ​ร่าง​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​นาง​กลับ​จับตามอง​หวัง​จือ​เช่อ

​ด้วย​เชื่อ​ว่า​ ​บุคคล​ใน​ตำนาน​เช่นนี้​ ​เมื่อ​ปรากฏตัว​ขึ้น​ใน​ตำหนัก​มาร​ ​ต้อง​มี​อะไร​บางอย่าง​แน่

​นาง​สังเกตเห็น​รายละเอียด​อย่างหนึ่ง​ ​หวัง​จือ​เช่อ​จำ​ใบหน้า​ของ​ทูตสวรรค์​ใหญ่​ได้​อย่างแม่นยำ​ ​ทำให้​นาง​ยิ่ง​เชื่อมั่น

​ทว่า​คำตอบ​ของ​หวัง​จือ​เช่อ​ไม่​สามารถ​ทำให้​นาง​พอใจ

​“​ข้า​กำลัง​คิด​อยู่​”

​คิด​ก็​คือ​สำรวจ​ดู​ ​หรือ​รอคอย​ก็​ว่า​ได้​

​ส่วน​ถัง​ซาน​สือ​ลิ่ว​ที่​กำลัง​มองดู​เฉิน​ฉาง​เซิง​ใน​ลำแสง​ ​กลับ​ไม่มี​กะ​ใจคิด​ถึง​ความหมายแฝง​ใน​คำพูด​เหล่านี้​ ​เขา​ยิ้ม​เย็นชา​แล้ว​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​เจ้า​มาทำ​อะไร​มิท​ราบ​ ​ดู​ละคร​หรือ​”

​สวี​โหย​่ว​หรง​เก็บ​สายตา​คืน​กลับ​ ​แล้ว​เอียง​คอม​อง​กระจก​แสง​บาน​ที่อยู่​ใน​ท้องฟ้า​ยาม​ราตรี​นั่น

​เฉิน​ฉาง​เซิง​สังเกตเห็น​ความเคลื่อนไหว​ของ​นาง​ ​พลาง​นึกในใจ​ ​น่ารัก​มาก​ๆ​ ​หลาย​ปี​มานี​้​ ​ไม่​ค่อย​ได้​เห็น​อะไร​แบบนี้

​สวี​โหย​่ว​หร​งคิด​ไป​คิด​มา​ ​ก็​ตัดสินใจ​ไม่​รอ​หวัง​จือ​เช่​ออีก​ ​หันไป​พูด​กับ​คน​ชุด​ดำ​ ​“​ข้า​หยุดยั้ง​เจ้า​ได้​”

​คน​ชุด​ดำ​ยก​มุม​ปาก​ขึ้น​เล็กน้อย​ ​ก่อน​พูด​เย้ยหยัน​ ​“​อย่างนั้น​หรือ​”

​เห็นชัด​ว่านาง​ไม่เชื่อ​คำพูด​ของ​สวี​โหย​่ว​หรง​ ​เหมือนกับ​ก่อนหน้านี้​ที่​เซียว​จาง​ไม่เชื่อ​คำพูด​ของ​ราชา​มาร​ ​โดย​คิด​ว่า​พูดเท็จ​เพื่อ​ข่มขู่

​เฉิน​ฉาง​เซิง​จึง​ว่า​ ​“​ข้า​ก็​เช่นกัน​ ​เพราะว่า​วิธี​นี้​ง่าย​เอา​มาก​ๆ​”

​คน​ชุด​ดำ​เลิก​คิ้ว​ขึ้น​เล็กน้อย​ ​“​อย่างนั้น​หรือ​ ​เช่นนั้น​พวก​เจ้า​เตรียม​ทำ​เช่นไร​”

​“​ฆ่า​ข้า​ก็​สิ้นเรื่อง​”

​“​ฆ่า​เขา​ก็​สิ้นเรื่อง​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​กับ​สวี​โหย​่ว​หรง​พูด​ขึ้น​พร้อมกัน

​แล้ว​พวกเขา​ก็​สบตา​กัน

​เฉิน​ฉาง​เซิง​หัวเราะ​ ​สวี​โหย​่ว​หร​งมิ​ได้​หัวเราะ

​เงียบกริบ​ ​ได้ยิน​เพียง​เสียง​ลุกโชน​ของ​เพลิง​มาร

​ทุก​สายตา​ล้วน​พุ่ง​เป้า​มายัง​ร่าง​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง

​คน​ชุด​ดำ​จ้องมอง​พวกเขา​ด้วย​สายตา​เย็น​ยะ​เยียบ

​นี่​คือ​คำตอบ​ ​และ​เป็น​หนทาง​เดียว​เท่านั้น

​นาง​คิดไม่ถึง​ว่า​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​กับ​สวี​โหย​่ว​หรง​จะ​คิดได้​เร็ว​เช่นนี้​ ​แถม​ยัง​สงบนิ่ง​ถึง​เพียงนี้

​“​ก่อน​ตาย​ ​ซาง​สิง​โจว​บอก​ข้าว​่า​ ​ถ้า​เกิดเรื่อง​ขึ้นกับ​เจ้า​ ​ก็​ให้​ฆ่า​เจ้า​เสีย​”

​สวี​โหย​่ว​หรง​พูด​กับ​เฉิน​ฉาง​เซิง​อย่างสงบ​นิ่ง​ ​“​ขอโทษ​ ​ที่​ไม่ได้​บอก​เรื่อง​นี้​กับ​เจ้า​”