หวั่นอินแต่งกายชุดขาวทั้งตัว รูปร่างสูงโปร่ง ยืนชดช้อยประหนึ่งเทพธิดาแห่งจันทรา มีความไว้ตัวและสุขุมเยือกเย็นอันเป็นเอกลักษณ์

เบื้องหลังนางมีพวกอวี๋ซี ไป๋เฉียนและเหยาหลีติดตาม พวกเขามีรูปลักษณ์แตกต่างกันไป แต่กลิ่นอายล้วนทรงพลังจนน่าตกตะลึง ขับเน้นให้ฐานะของหวั่นอินยิ่งไม่ธรรมดาขึ้นไปอีก

เมื่อคนเหล่านี้ปรากฏตัว ก็กลายเป็นจุดสนใจที่ทุคนทั้งที่นั้นจับจ้องทันที

“พวกเจ้ามาเยี่ยมเยียนข้าหรือ”

หลินสวินยืนตระหง่านกลางอากาศ กลิ่นอายเรียบง่ายไม่ซับซ้อน รู้สึกไม่เข้าใจอยู่บ้าง

“หลังจากองค์ชายได้รู้ว่าพวกข้าขัดแย้งกับสหายยุทธ์หลิน ก็ให้พวกข้ามาขอโทษสหายยุทธ์หลิน คลี่คลายความเข้าใจผิดครั้งนี้”

หวั่นอินเอ่ยเบาๆ เสียงนางไพเราะรื่นหูราวเสียงสวรรค์ เลือนรางเลื่อนลอย

“องค์ชายของพวกเจ้าเป็นใครกัน”

หลินสวินครุ่นคิด เพียงเพื่อขอโทษเท่านั้นหรือ เขารู้สึกว่าออกจะผิดปกติ

หวั่นอินยิ้มราบเรียบ สง่างามราวกล้วยไม้กลางหุบเขา ท่วงท่าเหนือปุถุชน พูดเสียงเบาว่า “สหายยุทธ์หลินน่าจะเคยได้ยิน จะว่าไปแล้วเจ้ากับองค์ชายยังเคยพบปะกันที่หน้ายอดเขาดาราโรยในแดนฐิติประจิม จำไม่ได้แล้วหรือ”

“เซ่าเฮ่า?”

หลินสวินดวงตาแข็งทื่อ

หวั่นอินพยักหน้าน้อยๆ

เป็นคนผู้นี้นี่เอง!

หลินสวินออกจะประหลาดใจอยู่บ้างอย่างเลี่ยงไม่ได้ เซ่าเฮ่า นายน้อยเผ่าจักรพรรดิเร้นดารา เคยเก็บตัวเงียบอยู่ภายในไข่แห่งกลุ่มดาวใบหนึ่ง รากฐานพลังล้ำลึกสุดหยั่ง

คนผู้นี้มากด้วยอุตสาหะ จิตใจกล้าหาญ ปณิธานใหญ่ยิ่ง ตั้งแต่พบกันครั้งแรกก็ทำให้หลินสวินประทับใจอย่างลึกซึ้ง

เขาถึงกับมั่นใจว่ายามเซ่าเฮ่าปรากฏตัวในโลก จะต้องก่อให้เกิดความวุ่นวายในใต้หล้า ไม่อาจไม่โด่งดังได้

และตอนนี้ความเป็นจริงสารพัดก็พิสูจน์เรื่องนี้อย่างไร้ข้อกังขา

เซ่าเฮ่าในตอนนี้อยู่อันดับหนึ่งของกระดานทองคำผู้กล้า มีอำนาจเหนือผู้แข็งแกร่งในแดนเก้าบน ในการต่อสู้ที่รังมังกรเจินหลงเมื่อไม่นานมานี้ ยิ่งกำราบศัตรูจากหลายด้าน กลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!

ทว่าหลินสวินกลับคิดไม่ถึงว่าเซ่าเฮ่าจะเป็น ‘องค์ชาย’ ที่หวั่นอินผู้นี้กล่าวถึง!

ที่จริงแล้วหากตรองดูโดยละเอียดก็สมเหตุสมผลจริง ถึงอย่างไรเซ่าเฮ่าผู้นี้ก็เป็นนายน้อยแห่งเผ่าจักรพรรดิเร้นดารา จะเรียกว่าองค์ชายก็เข้าใจได้

“อะไรนะ องค์ชายลึกลับผู้นั้นก็คือเซ่าเฮ่า บุคคลระดับนายเหนือหัวที่อยู่อันดับหนึ่งของกระดานทองคำผู้กล้าแดนเก้าบนในตอนนี้หรือ”

“เจ้าหมอนี่ปิดบังเสียมิดเชียว!”

ณ ที่แห่งนั้น เมื่อได้รู้ข่าวนี้เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นไปทั่ว เหล่าผู้กล้าต่างสั่นสะท้าน ออกจะตั้งตัวไม่ทัน

เพราะพวกเขาก็เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกว่าบุคคลระดับนายเหนือโลกาอย่างเซ่าเฮ่า จะยังมีฐานะเช่นนี้ด้วย

ควรรู้ว่าหลังจากการเข่นฆ่าที่หน้าสุสานจักรพรรดิคราวก่อนปิดฉากลง การคาดดาดเดาฐานะของพวกอวี๋ซี ไป๋เฉียนและเหยาหลีก็ดึงดูดความสนใจขุมอำนาจใหญ่มากมาย

ถึงอย่างไรพลังต่อสู้ของคนเหล่านี้ก็ล้วนแข็งแกร่งเหนือสามัญ ทว่าแต่ก่อนกลับไร้ชื่อเสียง คิดจะทำให้ผู้อื่นสนใจคงยาก!

และตอนนี้ทุกคนล้วนเข้าใจเป็นอย่างดีแล้วว่า ที่แท้เหล่าคนร้ายกาจที่เก็บตัวเงียบเชียบไร้ชื่อเหล่านี้ ล้วนเป็นบริวารของเซ่าเฮ่า!

นี่ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกเกินไปแล้ว

เซ่าเฮ่าคนเดียวก็เรียกได้ว่าเหมือนสุริยันกลางฟากฟ้า อานุภาพเฉียบคมแกร่งกล้า กดข่มทั้งแดนเก้าบน และตอนนี้ยังมีพวกร้ายกาจที่ซุ่มซ่อนไม่เผยตัวเหล่านี้ตามประกบซ้ายขวา ความน่ากลัวของพลังที่เกิดจากรวมตัวกันสามารถทำให้ไม่ว่าใครก็ต้องหวาดผวา

“คิดไม่ถึงว่าองค์ชายของพวกเจ้าจะยังจำข้าผู้แซ่หลินได้ด้วย”

หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ความเข้าใจผิดและความขัดแย้งก่อนหน้านี้ก็ไม่ต้องพูดถึงอีกแล้ว ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด”

“หึ!”

ไกลออกไปไป๋เฉียนส่งเสียงหึหยันครั้งหนึ่ง “หลินสวิน นี่มันท่าทีอะไรของเจ้า หากไม่ใช่บัญชาขององค์ชาย เจ้าคิดว่าพวกเราจะมาขอโทษเจ้าหรือ”

หลินสวินเลิกคิ้ว เสียงแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาเอ่ยว่า “พูดเช่นนี้ ที่พวกเจ้ามาขอโทษคราวนี้ไม่ได้สมัครใจทำหรอกหรือ”

“สหายยุทธ์หลินอย่าเข้าใจผิด ท่าทีขององค์ชายก็คือท่าทีของพวกเรา พวกเรามาคราวนี้ย่อมเป็นเพราะต้องการคลี่คลายความขัดแย้งในอดีต”

หวั่นอินกล่าวเสียงเบา

“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว พวกเจ้าไปได้แล้ว”

หลินสวินเอ่ยไล่แขก

ก่อนหน้านี้สาเหตุที่เลือกให้อภัยก็ไม่ได้เป็นเพราะเขาใจกว้าง แต่เป็นเพราะไว้หน้าเซ่าเฮ่า ไม่ต้องการฉีกหน้าเขาเพราะเหตุนี้

หากอีกฝ่ายคิดว่าเขาหลินสวินพูดคุยด้วยง่าย เช่นนั้นก็ผิดมหันต์เสียแล้ว!

ความเข้าใจผิดคลี่คลายได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาหลินสวินจะเปลี่ยนท่าทีที่ปฏิบัติต่อพวกเขา

“เจ้า… หมายความว่าอย่างไร”

หว่างคิ้วของไป๋เฉียนฉายแววขึงขังไม่เป็นมิตรอย่างเก็บไว้ไม่อยู่

พวกอวี๋ซี เหยาหลีต่างก็นิ่วหน้า พวกเขามาขอโทษคราวนี้ย่อมไม่เต็มใจนัก หากไม่ติดที่บัญชาของเซ่าเฮ่า พวกเขาคงไม่เลือกอดกลั้นและก้มหัวให้เช่นนี้

แต่ตอนนี้หลินสวินกลับมีท่าทีไม่รับน้ำใจ หนำซ้ำยังไล่แขกกลับด้วยท่าทีแข็งกร้าว นี่เห็นพวกเขาเป็นอะไร

“นี่ก็คือท่าทีของข้า มีปัญหาหรือ”

หลินสวินสีหน้ายิ่งสงบนิ่งและเย็นชา ในเมื่อเป็นการขอโทษก็ต้องแสดงความจริงใจออกมา แต่จนกระทั่งตอนนี้เขายังไม่เห็นความจริงใจใดๆ เลยสักนิด

ใบหน้าของพวกไป๋เฉียนต่างฉายแววอึมครึม

บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

ไกลออกไปทุกคนต่างฉงนใจไม่ว่างเว้น ตอนนี้ถึงสังเกตได้ว่าการมาถึงของพวกหวั่นอินคล้ายไม่ได้มาเพียงเพื่อขอโทษหลินสวินอย่างเดียว

และท่าทีแข็งกร้าวที่หลินสวินแสดงออกก็ทำให้พวกเขาตกตะลึง

พวกนั้นเป็นถึงเหล่าคนร้ายกาจชั้นยอดซึ่งเป็นบริวารของเซ่าเฮ่า แต่หลินสวินกลับไม่เกรงใจสักนิด!

“สหายยุทธ์หลิน พวกเรามาคราวนี้ข้อแรกก็เพราะรับบัญชาขององค์ชายมาขอโทษเจ้า ข้อสองเพราะมีอีกเรื่องหนึ่ง”

หวั่นอินสงบนิ่งไม่หวั่นไหวมาโดยตลอด เงาร่างคลุมเครือราวหมอกฝน ทำให้ผู้อื่นรู้สึกคาดเดาได้ยาก

“ที่แท้ก็ไม่ได้มาเพื่อขอโทษเท่านั้น พูดมาเถอะ มาเพราะเรื่องใด” หลินสวินยิ้มเย็นชา

เขาคาดเดาไว้ก่อนแล้วว่าหากมาเพื่อขอโทษ เหตุใดจะต้องแห่กันมาเช่นนี้ด้วย

“ก่อนเข้าเรื่อง ขอให้ข้าได้แนะนำเหล่าผู้ร่วมมรรคาข้างกายให้สหายยุทธ์หลินรู้จักก่อน”

หวั่นอินดูอดทนนัก น้ำเสียงเลือนรางจับได้ยาก

“ผู้นี้คือไป๋เฉียน ผู้แข็งแกร่งเผ่าเสือขาว คิดว่าสหายยุทธ์หลินคงเคยได้ยิน เผ่าเสือขาวได้รับการยกย่องให้เป็น ‘เผ่าเทพสังหาร’ ในต้นยุคบรรพกาล รากฐานพลังไม่ธรรมดา ตอนนี้สหายยุทธ์ไป๋เฉียนบรรลุอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดขั้นสมบูรณ์แล้ว”

หวั่นอินเอ่ยแนะนำ

“หึ!”

หว่างคิ้วไป๋เฉียนปรากฏแววหยิ่งยโส ผมขาวทั้งศีรษะปลิวสยาย มีไอพิฆาตไร้รูปส่งเสียงดังชิ้งๆ ไปทั้งกาย ฉายให้เห็นภาพภูเขาศพทะเลเลือด

ทุกคนล้วนใจสั่นระรัว ข่าวลือเป็นจริงดังคาด ไป๋เฉียนผู้นี้เป็นลูกหลานเผ่าเสือขาวคนหนึ่ง เผ่านี้เป็นถึงเผ่าที่ทัดเทียมได้กับมังกรเจินหลง หงส์เซียน วิหคชาด พลังสังหารสะท้านฟ้าสะเทือนดิน!

“เป็นลูกหลานเผ่าเสือขาวจริงๆ เสียด้วย แต่ตอนที่สู้กับข้า ศักยภาพที่สำแดงออกมากลับคล้ายชื่อไม่สมตัวอยู่บ้าง”

หลินสวินเปรยประโยคเดียว ทำให้ไป๋เฉียนที่เดิมหยิ่งทระนงหาใดเทียบสีหน้าอึมครึมลงทันที แววสังหารน่าหวาดหวั่นผุดขึ้นในดวงตา

“ผู้นี้คืออวี๋ซีที่มาจากเผ่าย่าอวี่[1] เผ่าย่าอวี่เคยประกาศศักดาในยุคบรรพกาลอยู่ช่วงหนึ่ง แม่นางอวี๋ซีได้ปลุกพรสวรรค์สายเลือด ครอบครองพลังปราณแกร่งกล้าของระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดแล้ว”

หวั่นอินแนะนำต่อ

“คารวะสหายยุทธ์หลิน”

อวี๋ซีรูปลักษณ์คล้ายเด็กหญิงอายุหกเจ็ดขวบ แต่งกายชุดสีแดงทั้งตัว แต่แววตากลับมีจริตจะก้านเย้ายวน ทำให้ผู้อื่นรู้สึกผิดแผกถึงที่สุด

เผ่าย่าอวี่!

คนไม่น้อยเพียงรู้สึกว่ามือเท้าเย็นเฉียบ นี่เป็นถึงสิ่งมีชีวิตแสนดุร้ายในยุคบรรพกาล ชอบกลืนกินผู้แข็งแกร่ง นิสัยใจคอโหดร้ายทารุณถึงที่สุด

หากไม่ได้มาเห็นกับตา เกรงว่าใครก็คงไม่กล้าเชื่อว่าเด็กหญิงตัวน้อยเช่นนี้จะเป็นลูกหลานสายเลือดย่าอวี่

“ผู้นี้คือเหยาหลี เป็นครรภ์วิญญาณที่ถือกำเนิดในแหล่งวายุฟ้าประทานผู้หนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นอนุชนแห่งวาโย พรสวรรค์น่าตกตะลึง ครอบครองความเร็วที่ไม่มีผู้ใดทัดเทียมได้”

เหยาหลีเงาร่างดุจเงามืดอันคลุมเครือ ไหววูบเดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ในห้วงอากาศ ราวกับจะหายไปเมื่อไรก็ได้ ทำให้ผู้อื่นรู้สึกปรวนแปรไม่อาจคาดเดาได้

“สหายยุทธ์หลิน แล้วเจ้านกดำคราวก่อนล่ะ ข้าสนใจมันนัก”

เสียงของเหยาหลีแหบแห้ง เดี๋ยวโผล่ซ้ายเดี๋ยวย้ายขวา เผยกลิ่นอายอึมครึมน่าหวาดหวั่น

“ถ้าสนใจก็อยู่ต่อ อีกเดี๋ยวข้าจะแนะนำให้พวกเจ้ารู้จักเสียหน่อย”

หลินสวินชำเลืองมองคนผู้นี้ครั้งหนึ่ง พูดอย่างสุขุมเยือกเย็น

“ส่วนสองคนนี้ก็คือพี่น้องฝาแฝดที่มาจากเผ่ามารพิฆาต พี่ชายชื่อว่าเหยียนซาน น้องชายชื่อเหยียนไห่ พวกเขาสองคนเป็นถึงผู้แข็งแกร่งชั้นยอด สืบทอดมรรคมารฟ้าประทานบรรพกาล วิชาหลอมกายในตัวเทียมเทพ เรียกได้ว่ามีเอกลักษณ์”

เผ่ามารพิฆาต!

ก็เห็นว่าทั้งเหยียนซานและเหยียนไห่ล้วนเงาร่างผอมแห้งประหนึ่งโยคี กลิ่นอายมั่นคงดั่งภูผา สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณทั้งกายรวมตัวแน่นหนาหาใดเทียบ

ทั้งสองคนยืนอยู่ตรงนั้น รูปลักษณ์เหมือนกันอย่างกับแกะ เฉกเช่นภูเขาสองลูก ภายในร่างมีพลังเลือดลมอันน่าครั่นคร้ามหาใดเทียบอยู่

เพียงมองดูจากไกลๆ ก็มอบความรู้สึกไม่อาจสั่นคลอนมาให้

หลินสวินเลิกคิ้ว เขาได้พบสองคนนี้เป็นครั้งแรก ที่หายากที่สุดก็คือสองคนนี้ยังเป็นฝาแฝดกันด้วย และต่างเดินอยู่บนมรรคากายหยาบบรรลุอริยะ พลังต่อสู่ย่อมน่าตื่นตะลึงถึงที่สุด

ส่วนในลานเงียบสงัดไร้เสียงไปนานแล้ว

เมื่อรู้ถึงที่มาที่ไปของอวี๋ซี ไป๋เฉียน เหยาหลี เหยียนซานและเหยียนไห่ ไม่ว่าใครก็รู้ว่านี่คือคนที่อันตรายถึงขีดสุดห้าคน!

หากเพิ่มหญิงสาวลึกลับอย่างหวั่นอินผู้นี้ไปด้วย กำลังพลนี้ไปอยู่ที่ใดก็ตามในแดนเก้าบนคงทำให้ผู้คนรู้สึกใจหล่นวูบ ไม่อาจไม่หวาดกลัว

“แนะนำเสร็จแล้ว ก็คงเข้าเรื่องได้แล้วกระมัง”

หลินสวินสีหน้าเรียบเฉยไม่ตระหนก หรือพูดได้ว่าตั้งแต่เริ่มจนจบเขาก็ไม่ได้หวั่นไหวเลยสักนิด

กำลังพลนี้น่ากลัวมากจริงๆ แต่ถ้าคิดว่าทำเช่นนี้จะทำให้ตนหวาดกลัว กระทบจิตใจของตน เช่นนั้นก็ผิดมหันต์แล้ว

อย่างน้อยเท่าที่หลินสวินรู้ คนร้ายกาจที่ตายด้วยน้ำมือตนบางคน หากว่ากันด้วยเรื่องรากฐานพลังกับที่มาที่ไปก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนพวกนี้

เช่นบุตรนรก ไป๋หลงถิงเป็นต้น

“สหายยุทธ์หลินตรงไปตรงมานัก ข้าน้อยชื่นชมยิ่ง พูดอย่างไม่ปิดบัง พวกข้ามาคราวนี้มีเพียงเป้าหมายเดียว ขอให้สหายยุทธ์หลินส่งหนอนกินเทพมา สิ่งนี้เป็นหนอนเทพพิทักษ์เผ่าขององค์ชาย จะเสียไปไม่ได้”

หวั่นอินเอ่ยปากแสดงเจตนาการมา

“ที่แท้พวกเจ้าก็มาด้วยเหตุนี้”

สายตาหลินสวินกวาดมองพวกหวั่นอิน “นี่เป็นคำสั่งของเซ่าเฮ่าหรือ”

หวั่นอินส่ายหัวพูดอย่างเรียบเรื่อยว่า “องค์ชายกำลังปิดด่าน ไม่ว่างมาใส่ใจเรื่องเล็กเช่นนี้ และพวกข้ามีฐานะเป็นบริวาร ย่อมต้องรับใช้แบ่งเบาอย่างเต็มที่”

พูดถึงตรงนี้นางพลันมีสีหน้าเคร่งขรึม ก้มหัวแสดงความเคารพเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ขอสหายยุทธ์หลินสงเคราะห์ด้วย อย่าให้พวกเราลำบากเลย ขอเพียงส่งหนอนกินเทพมา พวกข้าจะจากไปทันที”

“เหอะๆ”

จู่ๆ หลินสวินก็หัวเราะเบาๆ ทอดถอนใจว่า

“ข้ายังคิดว่ามาขอโทษจริงๆ ที่แท้ก็มาปล้น มิน่าถึงพาผู้ช่วยมามากมายขนาดนี้ ข้าควรรู้สึกเป็นเกียรติหรือรู้สึก… ตลกดี”

——

[1] ย่าอวี่ สัตว์ในตำนานเทพจีน มีหัวเป็นมังกร ร่างแมว ชอบกินมนุษย์