ตอนที่ 2679

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 2,679 : งานประลอง 16 มณฑล

 

 

ในบรรดารุ่นเยาว์ทั้ง 29 คนที่อยู่ด้านหลังเจิ้งชิวอีกที ฉินอวี่ ที่ต้วนหลิงเทียนคุ้นเคยก็ยืนอยู่ด้วยเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตาม ฉินอวี่ที่ยืนอยู่หน้าประตูเมืองพระราชวังฉินนั้น ไม่เหมือนคนอื่นที่ตื่นเต้นชมดูเมืองใหญ่เบื้องหน้าอย่างตื่นตาตื่นใจ แต่สายตาของมันกลับพร่ามัวเลื่อนลอย ไม่ทราบคิดอ่านอะไรอยู่

 

“ผู้ว่าหวัง”

 

พอได้ยินคำทัก เถียนจี้หวี่ ก็หันหน้าไปมองทักตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ

 

และคนที่เถียนจี้หวี่เรียกหาว่าผู้ว่าหวังนั้น ก็คือหวังฉี่หลิง ผู้ว่า 1 ใน 15 มณฑลที่เหลือใต้การปกครองของพระราชวังฉิน

 

จุดประงสงค์การมาของหวังฉี่หลิงก็เหมือนกันกับเถียนจี้หวี่…เข้าร่วมการประลอง 16 มณฑลที่พระราชวังฉินจัดขึ้น!

 

ด้านหลังหวังฉี่หลิงผู้ว่าการมณฑลผิงชาน นอกจากชนชั้นอาวุโสไม่กี่คนแล้ว อีก 30 คนที่เหลือล้วนเป็นรุ่นเยาว์ทั้งสิ้น

 

และพวกมันก็กำลังมองจ้องไปยังฉินอวี่กับคนที่เหลือด้วยสายตาเอาเรื่อง

 

นั่นเพราะสำหรับพวกมัน ทั้ง 29 คนด้านหลังเถียนจี้หวี่ที่มีอายุไล่เลี่ยกับพวกมัน ก็ล้วนเป็นคู่แข่งในการประลอง 16 มณฑลครั้งนี้ หากพวกมันอยากได้อันดับดีๆอย่างน้อยๆก็ต้องชนะกลุ่มคนเบื้องหน้าให้ได้

 

“ผู้ว่าเถียน…ดูเหมือนท่านจะพาคนมาไม่ครบจำนวนนี่นา หายไปไหน 1 คนเล่า?”

 

หวังฉี่หลิงมองปราดเดียวก็บอกได้ทันทีว่าเถียนจี้หวี่พารุ่นเยาว์มาทั้งสิ้น 29 คนเท่านั้น จึงหันไปมองจี้ถามเถียนจี้หวี่ทันที

 

“พอดีมีบางคนได้ออกเดินทางฝึกฝนเพื่อหาประสบการณ์เพียงลำพัง…รอให้การประลอง 16 มณฑลเริ่มต้นขึ้นเมื่อใด มันก็คงมาเอง…”

 

เถียนจี้หวี่กล่าวออกเสียงเรียบ

 

“ออกเดินทางฝึกฝนหาประสบการณ์?”

 

ได้ยินคำตอบของเถียนจี้หวี่ ลูกตาหวังฉี่หลิงก็หดเล็กลงทันใด ปากเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจว่า “ผู้ว่าเถียน ผู้ที่ออกเดินทางฝึกฝนหาประสบการณ์เพียงลำพังที่ว่า…ใช่ต้วนหลิงเทียนหรือไม่?”

 

ได้ยินคำจี้ถามของหวงฉี่หลิง สีหน้าเถียนจี้หวี่เสียอาการไปเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ได้ตอบคำหวังฉี่หลิงแต่อย่างใด “ผู้ว่าหวัง ตอนนี้พวกเราเข้าเมืองกันก่อนเถอะ”

 

หลังพูดจบก็ไม่รอให้หวังฉี่หลิงตอบสนอง เถียนจี้หวี่พลันก้าวอาดๆเดินตัวปลิวนำทั้งหมดไปประตูเมืองทันที

 

ปล่อยให้หวังฉี่หลิงยืนหน้าดำคร่ำเคร่งเอาไว้อย่างนั้น…

 

“ท่านผู้ว่า…”

 

ตอนนี้เองผู้ชราที่อยู่ด้านหลังหวังฉี่หลิงคนหนึ่งก็เอ่ยออกมาเสียงเข้มว่า “คนที่ออกเดินทางเพียงลำพังที่ผู้ว่าเถียนพูดถึง สมควรเป็นต้วนหลิงเทียนสิบส่วนเต็ม!”

 

“หึ! นอกจากต้วนหลิงเทียนแล้วยังจะมีผู้ใดได้อีก!”

 

หวังฉี่หลิงกล่าวเสียงหนัก “ทันทีที่พวกเราได้รับทราบจากสายที่กลับมารายงาน ว่าในมณฑลจิ่วโยวมีรุ่นเยาว์อายุไม่ถึง 100 หากแต่มีพลังฝีมือร้ายกาจถึงขั้นใกล้เทียบกับตัวตนขอบเขตต้าหลัวจินเซียนได้ ข้าก็เร่งไปหารือกับผู้ว่าอีก 14 มณฑลทันที…พวกเราถึงขั้นทุ่มหินอมตะระดับสูงจำนวนมหาศาล จ้างยอดฝีมือขอบเขตต้าหลัวจินเซียนขั้นสวรรค์ให้ไปเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนที่มณฑลจิ่วโยว…”

 

“แต่ผู้ใดจะไปคิดคาด…พอยอดฝีมือผู้นั้นเดินทางไปถึงเมืองประจำมณฑลจิ่วโยว ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของต้วนหลิงเทียน…เจ้านั่นกลับเดินทางออกจากมณฑลจิ่วโยวก่อนที่ยอดฝีมือที่พวกเราจ้างจะเดินทางไปถึงราวนกรู้”

 

เกือบปีที่ผ่านมา พอหวังฉี่หลิง ผู้ว่าการมณฑลผิงชานได้รับรายงานจากสายที่เร่งรุดกลับมาจากเมืองประจำมณฑลจิ่วโยว ว่าที่มณฑลจิ่วโยวปรากฏสุดยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่มีพลังฝีมือใกล้เทียบได้กับต้าหลัวจินเซียนเต็มที

 

ในตอนนั้นมันตระหนักได้ถึงวิกฤตการณ์แทบจะทันใด และรู้ว่าเรื่องนี้มันร้ายแรงขนาดไหน หากรุ่นเยาว์ผู้นั้นเข้าร่วมการประลอง 16 มณฑลล่ะก็ อันดับ 1 คงไม่ถึงตารุ่นเยาว์ทั้ง 30 คนของพวกมันแล้ว

 

เช่นนั้นหมายความว่า มันจะไร้วาสนากับโอสถต้าหลัว 3 เม็ดโดยปริยาย!

 

นั่นไม่ใช่สิ่งที่มันอยากเห็น

 

และไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนในอีก 14 มณฑลอยากเห็น!

 

ด้วยถูกสถานการณ์บีบคั้น ผู้ว่าทั้ง 15 มณฑลที่เหลือรวมถึงตัวมัน ก็ได้หารือกันเป็นการลับ และตัดสินใจลงขันจ้างวานยอดฝีมืออันร้ายกาจไปฆ่า ‘ต้วนหลิงเทียน’ เพื่อสกัดดาวรุ่งเสีย!

 

อนิจจาพอยอดฝีมือที่รับงานเดินทางไปถึงเมืองประจำมณฑลจิ่วโยว…

 

เป้าหมายก็ได้หายตัวเข้ากลีบเมฆไปเสียแล้ว!

 

“อันที่จริงหากมณฑลผิงชานเรามีรุ่นเยาว์ที่ร้ายกาจเหมือนต้วนหลิงเทียน พวกเราก็ย่อมเลือกปกป้องคนด้วยวิธีนั้นเหมือนกัน…”

 

ชายวัยกลางคนด้านหลังหวังฉี่หลิง กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มขื่นขม “ข้าน้อยกระทั่งคาดไว้ตั้งแต่ตอนที่ใต้เท้าไปหารือกับผู้ว่าคนอื่นเรื่องจ้างวานฆ่าต้วนหลิงเทียน ว่า 9 ใน 10 ส่วนไม่พ้นเรื่องต้องจบลงเช่นนี้”

 

“เหอะ!”

 

ชายอีกคนที่ยืนหลังหวังฉี่หลิงพอได้ฟังคำชายวัยกลางคน ก็พ่นลมสบถ กล่าวค่อนแคะว่า “เรื่องที่เจ้าคิดได้ หรือเจ้าคิดว่าใต้เท้าผู้ว่าจะคิดไม่ได้?”

 

“เพียงแค่ใต้เท้าผู้ว่าคิดว่าหากยังหลงเหลือความเป็นไปได้ ต่อให้จะน้อยนิดเพียงใดก็ต้องลองดูสักครา…ผู้ว่าอีก 14 มณฑลก็เช่นกัน เนื่องจากหากต้วนหลิงเทียนนั่นยังอยู่ ก็เสมือนการประลอง 16 มณฑลที่พระราชวังฉินครานี้ไม่ยุติธรรม”

 

“สุดท้าย…ในเมื่อต้วนหลิงเทียนนั่นไม่ตายเช่นนี้ เช่นนั้นขอเพียงมันมาเข้าร่วมงานประลองครานี้ได้ อันดับแรกก็คงไม่พ้นมือมัน…”

 

หลังกล่าวจบชายคนดังกล่าวก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างอับจน

 

“นั่นสิ…”

 

คนอื่นๆก็รู้สึกไม่ต่าง

 

หวังฉี่หลิงในฐานะผู้ว่าการมณฑลผิงชานย่อมรู้ดีแก่ใจว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร แต่มันก็ยังรู้สึกยากยอมรับอยู่บ้าง

 

อย่างไรก็ตามแม้มันจะยากยอมรับและไม่เต็มใจแค่ไหน แต่มันก็รู้ดีว่าคิดมากไปก็ไร้ผล เพราะไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงได้

 

ก่อนหน้าที่พวกเถียนจี้หวี่กับหวังฉี่หลิงจะมา ก็มีเหล่ากลุ่มคนจากกมณฑลต่างๆและเหล่ารุ่นเยาว์ชนชั้นอัจฉริยะนับร้อยๆมารวมตัวกันอยู่ก่อนแล้ว ทั้งหมดรอคอยงานประลอง 16 มณฑลของพระราชวังฉินที่จะเริ่มต้นขึ้นในอีก 3 วันหลังจากนี้

 

เนื่องจากมีผู้คนจากทั้ง 16 มณพลทยอยกันมาถึง เมืองพระราชวัฉินช่วงนี้จึงครึกครื้นอยู่กว่าสิบวันครึ่งเดือน จนมาสงบลงก่อนจะถึงวันงานประลอง 3 วัน

 

แน่นอนว่าเป็นความสงบก่อนพายุจะเข้า

 

ในโรงเตี๊ยมที่พักแห่งหนึ่งของเมืองพระราชวังฉิน

 

“ผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว พารุ่นเยาว์มาเพียง 29 คน?”

 

ในห้องพักอันกว้างขวางห้องหนึ่ง สตรีชราในชุดคลุมธรรมดามองถามชายวัยกลางคนเบื้องหน้าด้วยท่าทางไม่แยแส เสียงหนัก

 

หากเถียนจี้หวี่ผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยวมาอยู่ที่นี่ ต้องจดจำได้ทันทีว่าชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็น ผู้ว่าการมณฑลผิงชานที่มันพบเจอก่อนเข้าเมือง หวังฉี่หลิง!

 

ทว่าหวังฉี่หลิงที่เป็นถึงผู้ว่าการมณฑลผิงชานยามนี้ กลับแลดูสุภาพนอบน้อมต่อสตรีชราเบื้องหน้านัก!

 

มันวางตัวได้ต้อยต่ำไม่ต่างอะไรกับอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ฉินเลย!

 

“ข้าน้อยเห็นมากับตา”

 

หวังฉี่หลิงกล่าวว่า “ข้าเชื่อว่าคนสุดท้ายที่ขาดไป เป็นเถียนจี้หวี่จงใจเว้นที่ไว้สำหรับต้วนหลิงเทียนที่หายตัวเกือบปีโดยเฉพาะ…บางทีผู้อาวุโสอาจได้พบต้วนหลิงเทียนในพระราชวังฉิน”

 

“แต่…หากต้วนหลิงเทียนมันเลือกจะปรากฏตัวในพระราชวังฉินตอนงานประลอง 16 มณฑลเริ่มต้นขึ้นแล้ว…ท่านผู้อาวุโสคงลงมือไม่สะดวก เพราอย่างไรถึงตอนนั้นยอดฝีมือของพระราชวังฉินต้องสอดมือปกป้องต้วนหลิงเทียนแน่….”

 

หลังกล่าวจบ สีหน้าของหวังฉี่หลิงก็เป็นกังวลไม่น้อย

 

“เฮอะ!”

 

หญิงชราสบถคำเสียงเย็น พาลให้หวังฉี่หลิงผู้ว่าการมณฑผิงชานรู้สึกเสมือนตัวเองตกลงไปในหล่มน้ำแข็ง!

 

“ขอเพียงต้วนหลิงเทียนนั่นมันกล้าโผล่หัวออกมา…ต่อให้เป็นฮ่องเต้ฉินของพวกเจ้า ก็อย่าหวังว่ามันจะกล้าคิดสอดมือปกป้องต้วนหลิงเทียน! เว้นเสียแต่มันอยากตาย!!”

 

เว้นเสียแต่มันอยากตาย!

 

เสียงกล่าวท้ายประโยคของหญิงชราไม่เพียงแต่จะเยียบเย็น ยังเปี่ยมล้นไปด้วยความเอาแต่ใจถึงขีดสุด!

 

ราวกับว่า หากฮ่องเต้ฉินคิดสอดมือจริงๆ นางจะฆ่าทิ้งในบัดดล!

 

“ฟืด~~”

 

ได้ยินคำของหญิงชรา หวังฉี่หลิงอดสูดหายใจเข้าลึกๆไม่ได้ สายตาที่ใช้มองหญิงชราทวีความเคารพขึ้นหลายส่วน

 

ก่อนหน้าแม้มันจะรับทราบแล้วว่าพลังฝีมือขอหญิงชราร้ายกาจน่ากลัว แต่มันก็ไม่เคยคิดว่าพลังฝีมือหญิงชราจะร้ายกาจเหนือฮ่องเต้ฉินของพวกมัน!

 

แต่ตอนนี้พอฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ดูเหมือนอีกฝ่ายจะร้ายกาจกว่าฮ่องเต้ฉินของมันเสียอีก!

 

จะไม่ให้มันตกใจได้อย่างไรไหว!?

 

“เท่าที่ข้ารู้มาดูเหมือนการประลอง 16 มณฑลที่พระราชวังฉินจัดขึ้นครานี้ ไม่เปิดให้คนนอกเข้าร่วม…เจ้าไปหาทางพาข้าเข้าไปอย่างถูกต้องและไม่กระโตกกระตากเสีย ข้าไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น จนต้วนหลิงเทียนนั่นมันรู้ตัวและไม่ปรากฏตัวออกมาเข้าร่วมการประลอง”

 

หญิงชราเอ่ยเสียงเบาค่อยหลับตาลง

 

“ทราบ”

 

หวังฉี่หลิงรับคำอย่างเชื่อฟัง ค่อยเอ่ยถามเพิ่มเติมด้ยเสียงนอบน้อม “ท่านผู้อาวุโสมีอันใดจะใช้ข้าน้อยอีกหรือไม่ หากไม่มีใดแล้วผู้น้อยขอตัวลา”

 

“ไปเสีย”

 

แต่ต้นจนจบหญิงชราไม่ได้ลืมตาขึ้นมาสักนิด คล้ายไม่อยากเหลือบแลหวังฉี่หลิงอีกต่อไป

 

สามวันต่อมา

 

ในที่สุดก็ถึงวันงานประลอง 16 มณฑลที่พระราชวังฉินจัดขึ้น

 

แรกๆยังแลดูสงบไม่เป็นอะไร

 

อย่างไรก็ตามเมื่อการประลองอันทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะได้ผ่านพ้นไปวันแล้ววันเล่า จนในที่สุดก็เข้าสู่ช่วงท้าย เถียนจี้หวี่ผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยวก็ไม่อาจไม่กังวลได้อีกต่อไป…

 

“ไฉนป่านนี้แล้วต้วนหลิงเทียนยังไม่มาอีก? หากมันไม่ปราฏตัว มิใช่จะคลาดงานประลอง 16 มณฑลแล้วหรือไร?”

 

จังหวะนี้เถียนจี้หวี่ได้ระเบิดความกังวลที่เกิดจากต้วนหลิงเทียนออกมาหมดสิ้น

 

‘ต้วนหลิงเทียน…คงไม่เกิดเรื่องอะไรกับเจ้าหรอกนะ?’

 

ส่วนอีกด้าน ฉินอวี่ที่พึ่งเอาชนะศัตรูมาได้ พอเดินกลับมาถึงอัฒจันทร์ส่วนของมณฑลจิ่วโยวแล้วหันไปมองไปรอบๆ มันก็บังเกิดกังวลไม่น้อยที่ป่านนี้ยังไม่เห็นต้วนหลิงเทียนปรากฏตัว จึงกังวลว่าอาจเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับต้วนหลิงเทียน จนทำให้อีกฝ่ายไม่อาจมาร่วมการประลองได้

 

“ฮึ่ม!”

 

ผางปิง อาวุโสฝ่ายในอันดับ 1 ของจวนผู้ว่ามณฑลจิ่วโยว แค่นคำกล่าวออกเสียงเย็น “ต้วนหลิงเทียนนั่นคงไม่มาแล้ว…ช่างเป็นหมาป่าตาขาวยิ่ง จวนผู้ว่าอุตส่าห์ฟูมฟักสนับสนุนมันไปตั้งมาก แต่ในเวลาสำคัญเช่นนี้กลับไม่กล้าโผล่หัวออกมา!”

 

“อาวุโสผางปิงอย่าได้กล่าวเหลวไหล…บางทีต้วนหลิงเทียนอาจติดพันปัญหาอันใดบางอย่างจนมาไม่ทันเวลาก็เป็นได้?”

 

เจิ้งชิวกล่าวปกป้องต้วนหลิงเทียน

 

“มิใช่ว่ามันก็แค่หนีไปแล้วรึไร?”

 

ผางปิงแสยะยิ้มเย้ยหยัน “ติดพันปัญหารึ? ท่านช่างสรรหาวาจากล่าวอ้างได้ดียิ่ง! มันยังจะมีปัญหาอันใดสำคัญยิ่งกว่าการเข้าร่วมงานประลอง 16 มณฑลแล้วคว้าอันดับ 1 เพื่อโอสถต้าหลัว 3 เม็ดอีก?”

 

“วันนี้หากมันไม่มา…มณฑลจิ่วโยวเราอย่าได้หวังเรื่องโอสถต้าหลัว 3 เม็ดแล้ว สักเม็ดก็ไม่ได้!”

 

ยิ่งพูดมากเท่าไหร่สีหน้าของผางปิงก็ยิ่งมืดดำมากขึ้นเท่านั้น

 

“พอได้แล้ว พวกเจ้าจะเถียงกันให้ได้อะไรขึ้นมา”

 

เห็นทั้งสองเถียงกัน เถียนจี้หวี่ก็กล่าวคำออกมาอย่างรำคาญ “หากไม่ถึงนาทีสุดท้าย ไม่มีผู้ใดบอกได้ว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่มา!”