มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1275

ซึ่งนี่คือช่องจิตของเฒ่าประหลาดตวนมู่ ภายในช่องจิตมีใบหน้าเลือนรางอยู่ใบหน้าหนึ่ง ซึ่งเหมือนกับเฒ่าประหลาดตวนมู่ทุกประการ

ถึงแม้หลัวซิวจะทำลายร่างเนื้อของเขาจนสูญสิ้นไปแล้ว แต่ทว่าช่องจิตเป็นสิ่งที่กลายมาจากวิญญาณดั้งเดิม ยังคงมีวิญญาณดั้งเดิมของเฒ่าประหลาดตวนมู่หดตัวซ่อนอยู่ใจกลางช่องจิต ซึ่งไม่ถือว่าตายหายไปโดยสิ้นเชิง

“เจ้าหนู เจ้าบังอาจฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ?”

เหลือเพียงช่องจิตหนึ่งดวง เหมือนดั่งเนื้อปลาที่อยู่บนเขียง แต่เฒ่าประหลาดตวนมู่กลับมีศักดิ์ศรีมาก ๆ เขาแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางพูด: “ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเจ้ามีปัญญาความสามารถกำจัดวิญญาณดั้งเดิมของข้าให้ดับสิ้นได้หรือไม่ ถึงแม้เจ้าจะทำเช่นนั้นได้ ทันทีที่วิญญาณของข้าดับสลาย เขาปีศาจนรกก็จะทราบข่าวการตายของข้าในทันที อีกทั้งผนึกกลิ่นอายออร่าของเจ้าด้วยเคล็ดวิชาพิเศษ!”

“เจ้ากำลังข่มขู่ข้าอยู่หรือ?”หลัวซิวยิ้มมุมปากอย่างเยาะเย้ย เขาสามารถฝึกตนมาจนถึงจุดนี้ได้ เขาจะมีทางเกรงกลัวคำขู่เช่นนี้ได้อย่างไร?

“ข้าไม่ได้ข่มขู่เจ้า เพียงแต่จะเจรจาเงื่อนไขกับเจ้า!”การอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ทำให้เฒ่าประหลาดตวนมู่ใจเย็นลงเช่นกัน ก่อนที่เขาจะพูด: “หากเจ้าฆ่าข้า เขาปีศาจนรกก็ต้องไล่ล่าเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าปล่อยข้าไปหนหนึ่งดีกว่า แล้วข้าจะถ่ายทอดพลังอมตะ วรยุทธ์และเคล็ดวิชาชั้นยอดทั้งหมดของเขาปีศาจนรกให้แก่เจ้า!”

หลัวซิวส่ายหน้า“เงื่อนไขเหล่านี้ของเจ้า ไม่มีแรงดึงดูดอะไรต่อข้าเลย”

ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น อัคคีเทพชิงเทียนก็ลุกโชนขึ้นมาในมือหลัวซิว แทรกซึมเข้าไปภายในช่องจิต แผดเผาวิญญาณดั้งเดิมของเฒ่าประหลาดตวนมู่

ถึงแม้อัคคีเทพชิงเทียนจะเป็นเพียงเปลวไฟระดับเทพมาร แต่ทว่าเฒ่าประหลาดตวนมู่ก็เหลือเพียงเศษซากวิญญาณแล้ว ตัวสำนึกเปราะบาง ต้านทานอัคคีเทพไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

“เจ้ากล้าฆ่าข้าจริง ๆ หรือ? หรือเจ้าไม่เกรงกลัวการไล่ล่าจากเขาปีศาจนรกเลย?”เฒ่าประหลาดตวนมู่กรีดร้องโหยหวนพลางตะคอกเสียงดังลั่น

“ข้ามิเคยเกรงกลัวการถูกไล่ล่า”หลัวซิวเบื่อที่จะสนใจเขา ก่อนจะทำให้เศษซากวิญญาณและวิญญาณดั้งเดิมที่อยู่ในช่องจิตดับสูญไปโดยสิ้นเชิง ท่ามกลางเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนา

วิญญาณดั้งเดิมดับสูญ ตราชีวีก็ค่อย ๆ หายไปเช่นกัน ช่องจิตจึงกลายเป็นวัตถุไร้เจ้าของ มีเพียงพลังวิญญาณบริสุทธิ์แฝงซ่อนอยู่ภายใน

ตรงหว่างคิ้วของหลัวซิวแตกแยกออก ช่องจิตสีแดงเลือดดวงนี้ถูกเก็บเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของเขา ร่างแยกกฎความตายและร่างกลวัฏสงสารดูดซับพลังวิญญาณที่อยู่ภายในพร้อมกัน และยกระดับผลการฝึกตนตัวสำนึก

ร่างแยกสองระดับความเป็นตายรวมกันเป็นหนึ่ง ผลการฝึกตนตัวสำนึกของร่างแยกกฎความตายเลื่อนขึ้น ร่างแยกกฎชีวิตที่อยู่ในโลกเสวียนเทียนก็จะเลื่อนขึ้นไปถึงแดนเดียวกันเช่นกัน

พูดถึงโลกเสวียนเทียน ช่วงเวลาที่เขาจากมาภายในโลกเสวียนเทียนถือว่าค่อนข้างสงบอยู่ เฟิ่งหวูซินไม่ได้ลงมือต่อสำนักไท่เสวียนแต่อย่างใด แต่ทว่าหลัวซิวใช้ร่างแยกกฎชีวิตคอยสังเกตอยู่อย่างลับ ๆ พบว่าตัวสำนึกของเทพมารและเทพฟ้าในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินวนเวียนอยู่บริเวณรอบ ๆ สำนักไท่เสวียนบ่อยมาก เฝ้าติดตามสถานการณ์ของสำนักไท่เสวียนอย่างใกล้ชิดและเข้มงวด

เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเฟิ่งหวูซินแน่ใจว่าหลัวซิวต้องกลับมาแน่นอน

“เฟิ่งหวูซินเป็นเจ้านภา มาตรแม้นว่าผลการฝึกตนของข้าจะบรรลุถึงแดนเทพมารแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถต่อกรกับเขาได้เสมอไป……”

ซึ่งนี่เป็นปัญหาที่ทำให้หลัวซิวปวดหัวมากที่สุด สิ่งเดียวที่ทำให้เขาสบายใจได้นั่นก็คือผู้คนในไท่เสวียนไม่ถูกทำร้ายแต่อย่างใด เขายังมีเวลาที่แน่นอนมายกระดับศักยภาพของตน

แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เข้าใจดีมาก ๆ เช่นกันว่าเฟิ่งหวูซินไม่มีทางให้เวลาเขาอย่างไร้ที่สิ้นสุด เขาจำเป็นต้องกลับไปก่อนที่เฟิ่งหวูซินจะลงมือต่อสำนักไท่เสวียน

นี่คือกลวิธีของสงครามจิตวิทยาวิธีหนึ่ง!

ภายในโลกศุภร หลัวซิววางปัญหากลัดกลุ้มเหล่านี้ลงก่อนชั่วคราว ทำใจให้สงบ เตรียมพร้อมที่จะฝึกตนปิดขัง

ภายในแหวนเก็บของของเฒ่าประหลาดตวนมู่มียาเซียนระดับ 4 สำเร็จรูปอยู่บ้าง เม็ดยาที่เหล่าผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าใช้ในการฝึกตนนั้น ล้วนมีพลังมากมายมหาศาลแฝงซ่อนอยู่ หากกลั่นแปรและดูดซับมันละก็ จะส่งผลดีต่อหลัวซิวเยอะมาก ๆ