บทที่ 2106 ครั้งนี้เกิดเรื่องใหญ่แล้ว

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

อาณาเขตดาวนิรนาม บนดาวเคราะห์ที่รกร้างดวงหนึ่ง จั่วเอ๋อร์กับหนานโปกำลังยืนรอเงียบๆ บนยอดเขา

หลังจากสร้างความเคลื่อนไหวตรงทางออกอาณาเขตดาววังสวรรค์แล้ว พวกเขาก็หนีเข้ามาในอาณาเขตดาวนิรนามเสียเลย หลบเลี่ยงการตรวจสอบ ก่อนหน้านี้สำรวจเส้นทางไว้เรียบร้อยแล้ว

“ผู้อาวุโส คนมาแล้ว” จั่วเอ๋อร์เตือน

หนานโปที่กำลังหลับตานั่งสมาธิลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เห็นเพียงตรงจุดลึกในดาราจักรมีเงาคนเหาะมาอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นกัวเหยียนถิงนั่นเอง

กัวเหยียนถิงเหาะมาเหยียบลงแล้วทำความเคารพตรงหน้าหนานโป จากนั้นก็มอบแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งให้

หนานโปมองของในแหวนเก็บสมบัติแวบหนึ่ง เป็นสตรีวัยกลางคนนอนเงียบอยู่ในนั้น ถามว่า “นางคือหลินอ้าวเสวี่ยเหรอ?”

“ไม่ผิดแน่ นางคือหลินอ้าวเสวี่ย ฮูหยินของอดีตเทพประจำดาวมะโรงดิน ไท่ซูเหวินชาง ก่อนที่จะเข้ามารับโทษในนี้ ผู้น้อยรู้จักนาง” กัวเหยียนถิงตอบ

หนานโปนำแหวนเก็บสมบัติให้จั่วเอ๋อร์แยกแยะอีก

จั่วเอ๋อร์เห็นแล้วแอบทึ่ง ตอนนี้เอาคนออกมาแล้ว คาดว่าอีกประเดี๋ยวประมุขชิงต้องโมโหจนเป็นบ้าแน่นอน หนังพยักหน้า “ไม่ผิดหรอก เป็นหลินอ้าวเสวี่ย”

ได้รับการยืนยันแล้วก็พอ หนานโปลงมือจิ้มบนตัวกัวเหยียนถิงหลายครั้ง เขาไม่มีทางหลบได้ ปล่อยให้หนานโปควบคุมวรยุทธ์ตัวเอง

หนานโปใช้ฝ่ามือตบกบาลกัวเหยียนถิงหนึ่งที กัวเหยียนถิงตาเหลือกสลบไป โดนหนานโปควบคุมไว้ จากนั้นถือโอกาสนั่งขัดสมาธิบนพื้น

ผ่านไปไม่นาน ด้ายสีทองห้าเส้นก็โผล่ออกมาจากศีรษะของกัวเหยียนถิง กลับเข้ามาในมือของหนานโป

พระปีศาจสะบัดแขนเสื้อเก็บกัวเหยียนถิง แล้วโบกมือปล่อยตู้เฉียวที่กำลังสลบออกมา แล้วร่ายอิทธิฤทธิ์ปล่อยด้ายสีทองเขาศีรษะตู้เฉียวอีกครั้ง

ไม่อาจปล่อยกัวเหยียนถิงกลับไปได้อีกแล้ว เมื่อเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น อีกไม่นานทางตำหนักสวรรค์จะต้องสืบมาถึงตัวกัวเหยียนถิงแน่ สำหรับหนานโปแล้ว ตอนนี้กัวเหยียนถิงไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ทำได้เพียงเก็บไว้เตรียมใช้งาน แต่สำหรับตู้เฉียวนั้นไม่เหมือนกัน ยังไม่โดนเปิดโปง บางทีอาจจะแสดงประโยชน์ได้มากกว่านี้

หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้ว หนานโปก็ให้ตู้เฉียวฟื้นขึ้นมา ตู้เฉียวที่กำลังนั่งสมาธิอยู่บนพื้นลุกขึ้นยืนทำความเคารพ

หนานโปกำชับว่า “ทางวังสวรรค์เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย จะรีบกลับไป จะได้ไม่มีใครสงสัยมาถึงตัวเจ้า ตรงไปตามทิศทางนั้น ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็จะถึงอาณาเขตดาวที่เจ้าคุณเคย” ขณะที่พูดมือก็ชี้ไปทางนั้น

“รับทราบ!” ตู้เฉียวเอ่ยรับคำสั่งแล้วจากไป เหาะตรงไปยังทิศทางที่หนานโปชี้บอก ไม่เคลือบแคลงสักนิด

หนานโปหันกลับมาบอกใบเล็กน้อย จั่วเอ๋อร์เข้าใจ จึงปล่อยหลินอ้าวเสวี่ยออกมา คลายผนึกวรยุทธ์บนตัวนาง ทำให้นางฟื้นขึ้นมาแล้ว

เมื่อเห็นคนแปลกหน้าสองคน ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเป็นคนรู้จักคนหนึ่ง หลินอ้าวเสวี่ยที่ฟื้นขึ้นมาจำจั่วเอ๋อร์ได้ กล่าวอย่างตกใจว่า “พ่อบ้านจั่วเอ๋อร์ ไม่ใช่ว่าท่าน…” แม้เฟยหงจะไม่เคยบอกนางเรื่องตระกูลอิ๋ง แต่ก็มีคนที่เกี่ยวข้องกับตระกูลอิ๋งที่ถูกลงโทษส่งเข้าไปในสถานที่เดียวกับนาง เคยได้ยินนักโทษหญิงพูดถึง ดังนั้นนางจึงรู้ว่าอิ๋งจิ่วกวงถูกโค่นล้มแล้ว

เมื่อมองไปรอบๆ อีกครั้ง หลินอ้าวเสวี่ยก็หวาดระแวงสงสัยไม่หยุด ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ ไม่รู้เช่นกันว่าเหตุใดจั่วเอ๋อร์จึงมาปรากฏอยู่ข้างกายตน

เงาคนที่เป็นแสงสีทองชนเข้ามาในแผ่นหลังนาง วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพระปีศาจหนานโปออกจากร่างแล้ว เข้ามาสิงในร่างกายนางแทน นางสะลึมสะลือทันที

หลังจากรอไปสักพัก วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ออกมาอีกครั้ง กลับเข้าไปในกายหยาบก่อนหน้านี้

หนานโปที่นั่งขัดสมาธิลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ จ้องหลินอ้าวเสวี่ยที่กำลังหลับตา เขาทำสีหน้าแปลกใจ พึมพำว่า “น่าสนใจ ที่แท้จุดประสงค์ที่แท้จริงของหนิวโหย่วเต๋อก็คืออยากช่วยผู้หญิงคนนี้มา เกือบแสดงความโง่เขลาแล้ว…”

“ผู้อาวุโส มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” จั่วเอ๋อร์ถาม

หนานโปถามกลับ “หนิวโหย่วเต๋อมีอนุภรรยาคนหนึ่ง ชื่อว่าเฟยหง เจ้าเคยได้ยินหรือเปล่า?”

จั่วเอ๋อร์พยักหน้า “ใช่แล้ว! มีคนคนนี้อยู่ เดิมทีผู้หญิงคนนี้อยู่ที่หอคณิกา แต่กลับถูกหนิวโหย่วเต๋อบังคับขืนใจ ตอนหลังได้แม่บุญธรรมออกหน้าให้ เป็นแม่เฒ่าลวี่ของสวนกลางเขียวขจี หนิวโหย่วเต๋อเลยถูกบีบให้รับไว้เป็นอนุภรรยา ได้ยินว่าตอนนี้อยู่กับหนิวโหย่วเต๋ออย่างสบายดี”

หนานโปกล่าวกลั้วหัวเราะ “เฟยหงนั่นคือสายลับที่หน่วยตรวจการซ้ายแทรกไว้ข้างกายหนิวโหย่วเต๋อ ส่วนหลินอ้าวเสวี่ยคนนี้ก็คือมารดาแท้ๆ ของเฟยหง!”

“เฟยหงเป็นสายลับของหน่วยตรวจการซ้ายเหรอ? เช่นนั้นทำไมหนิวโหย่วเต๋อต้องช่วย…” จั่วเอ๋อร์ที่กำลังตกใจชะงักไปชั่วขณะ แล้วก็ตบหน้าผากตัวเอง เข้าใจกระจ่างในฉับพลัน “ค่ะเข้าใจแล้ว หนิวโหย่วเต๋อคงจะรู้ถึงตัวตนเฟยหงมาตั้งแต่แรกแล้ว ทั้งสองฝ่ายน่าจะทำข้อตกลงกันเรียบร้อย เฟยหงกลายเป็นแผนซ้อนแผนในมือหนิวโหย่วเต๋อ ส่วนหนิวโหย่วเต๋อก็ช่วยมารดาของเฟยหง! หรือพูดได้อีกอย่างว่า หนิวโหย่วเต๋อใช้ประโยชน์เฟยหงเพื่อได้ความเชื่อใจจากวังสวรรค์มาตลอด มิน่าล่ะ ไม่แปลกใจที่เมื่อก่อนประมุขชิงปิดตาข้างเดียวกับพฤติกรรมของหนิวโหย่วเต๋อเสมอ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…”

หนานโปส่ายหน้าเดาะลิ้น “อ้อมค้อมอยู่ตั้งนาน ไม่น่าเชื่อว่าจะต้องการช่วยผู้หญิงคนนี้ ไอ้เด็กนี่ไม่ได้ปลิ้นปล้อนธรรมดา!”

จั่วเอ๋อร์ขมวดคิ้วสงสัยอีก “ดูเหมือนเรื่องนี้จะไม่ธรรมดา ไม่ใช่แค่บรรลุข้อตกลงร่วมกัน หนิวโหย่วเต๋อเดินมาถึงขั้นนี้ได้ ไม่จำเป็นต้องสนใจมาทำข้อตกลงอะไรกับเฟยหงเลย แต่หนิวโหย่วเต๋อก็ยังทุ่มกำลังความคิดเพื่อช่วยเหลือ พอเป็นแบบนี้ ก็รู้เลยว่าหนิวโหย่วเต๋อมีคุณธรรมน้ำมิตรต่อเฟยหงจริงๆ…ไท่ซูเหวินชางประสบเคราะห์กรรมทั้งตระกูล แต่ลูกสาวเขาก็ยังเจอกับผู้ชายแบบนี้ได้ นับว่าวิญญาณของไท่ซูเหวินชางอวยพรแล้ว” ในคำพูดแฝงความรู้สึกสะท้อนใจอยู่หลายส่วน

“แบบนี้ก็พอดีเลยไม่ใช่เหรอ?” หนานโปยิ้มเรียบ

จั่วเอ๋อร์พยักหน้า เข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อ ในเมื่อหนิวโหย่วเต๋อรักเฟยหงขนาดนั้น ก็ยิ่งมีความมั่นใจที่จะนำหลินอ้าวเสวี่ยมาแลกกับสมุนไพรจิตวิญญาณแล้ว

“ไปกันเถอะ!” หนานโปโบกแขนเสื้อเก็บหลินอ้าวเสวี่ย แล้วเหาะนำไปที่ดาราจักร

ในเมื่อทั้งสองมีหนทางมา ก็ย่อมมีหนทางออกไปจากที่นี่…

พระตำหนักอุทยาน ซ่างกวนชิงกำลังเดินไปเดินมาอย่างร้อนรนอยู่บนตึกศาลา ร้อนใจเรากับถูกไฟเผา

สำหรับเขา ต้นตอของเรื่องนี้สืบได้ไม่ยาก ตอนแรกมีคนจู่โจมตรงนอกประตูใหญ่ของพระตำหนักอุทยาน ตามติดด้วยการโจมตีตรงทางออกอาณาเขตดาววังสวรรค์ สองเรื่องนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน จะไม่ให้นำสองเรื่องนี้มาคิดโยงกันก็คงยาก มีเรื่องบังเอิญอย่างนี้เสียที่ไหน ทั้งสองแห่งล้วนไม่ใช่สถานที่ธรรมดา จะถูกลอบจู่โจมได้อย่างไร?

เรื่องทางออกอาณาเขตดาววังสวรรค์ เขาจะไม่ต้องสนใจก็ได้ เพราะนั่นคือความรับผิดชอบของกองทัพองครักษ์ แต่เรื่องที่เกิดทางฝั่งพระตำหนักอุทยาน เขาย่อมต้องสืบให้รู้ชัดเจน เหตุใดจึงเกิดเรื่องที่พระตำหนักอุทยานได้ล่ะ? ในพระตำหนักอุทยานซ่อนความลับอะไรเอาไว้ เขานั้นรู้ดีที่สุด หลังจากเกิดเรื่องก็ไปตรวจสอบสถานที่หลอมสมบัติทันทีว่ามีพิรุธอะไรหรือเปล่า

ตอนยังไม่ตรวจสอบก็ยังดีอยู่ พอตรวจสอบแล้วถึงได้ตกใจ พบว่าคนในสถานที่หลอมสมบัติหายไปคนหนึ่ง ดันไม่ใช่ใครที่ไหน ไม่น่าเชื่อว่าหลินอ้าวเสวี่ยจะหายไป!

หลินอ้าวเสวี่ยเป็นมารดาของเฟยหง เฟยหงเป็นอนุภรรยาคนโปรดของหนิวโหย่วเต๋อ ตอนนี้หนิวโหย่วเต๋อเป็นอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้ ตอนนี้ฝ่าบาทต้องการยืมแรงเฟยหงกำจัดหนิวโหย่วเต๋อ ต้องการวางอุบายกำจัดอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก และเป็นเรื่องน่าอับอายที่เปิดเผยไม่ได้ด้วย ไม่น่าเชื่อว่าจุดที่ตัวเองเฝ้าดูแลจะเกิดช่องโหว่อย่างนี้ขึ้น!

ทำไมถึงเป็นหลินอ้าวเสวี่ยที่หายไป? เรื่องนี้ไม่ต้องทบทวนอะไรมากเลย แค่ลองคิดเชื่อมโยงดูก็รู้ความจริงแล้ว ใต้หล้านี้จะมีใครที่ทุ่มกำลังความคิดเพื่อช่วยหลินอ้าวเสวี่ยล่ะ? นอกจากเฟยหงแล้วยังมีคนอื่นอีกหรือ? เป็นไปไม่ได้ที่เฟยหงจะมีความสามารถอย่างนี้ ใช่ว่าทุกคนจะมีหนทางลงมือในอาณาเขตวังสวรรค์? มีเพียงผู้ชายที่อยู่เบื้องหลังเฟยหงที่อาจจะมีความสามารถนี้ ถ้าจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับหนิวโหย่วเต๋อ ซ่างกวนชิงก็กล้าเอาหัวเป็นประกันได้เลย!

เมื่อสืบเจอว่าหลินอ้าวเสวี่ยหายตัวไป ก็ย่อมต้องสืบว่าหายไปได้อย่างไร ก่อนเกิดเรื่องมีใครเข้าออกบ้าง แค่ถามก็กระจ่างแล้ว กำหนดเป้าหมายไปที่กัวเหยียนถิงทันที ซ่างกวนชิงยอมติดต่อกัวเหยียนถิงเพื่อยืนยันทันที ผลปรากฏว่ากัวเหยียนถิงหายไปแล้ว หาไม่พบแล้ว ขาดการติดต่อไปแล้ว!

หลังจากรู้ข่าวนี้แล้ว ซ่างกวนชิงก็รู้สึกโง่ไปเลย ตกใจจนเหงื่อท่วมตัว น่ากลัวกว่าการที่หลินอ้าวเสวี่ยหายตัวไปเสียอีก ไม่น่าเชื่อว่าในองครักษ์เงาจะมีหนอนบ่อนไส้ ทั้งยังเป็นคนตำแหน่งสำคัญในองครักษ์เงาด้วย!

ครั้งนี้ทำให้ซ่างกวนชิงตกตะลึงพรึงเพริดแล้วจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าคนขององครักษ์เงาจะสมคบกับหนิวโหย่วเต๋อ ข้างนอกและข้างในทำงานประสานกัน ช่วยหลินอ้าวเสวี่ยออกไปใต้หนังตาประมุขชิง จะให้เขาชี้แจงกลับประมุขชิงอย่างไร? ที่ประมุขชิงเคยสั่งไว้ว่าให้สืบให้ชัดเจนคืออะไร หลังจากสืบชัดแล้วเขาจะกล้ารายงานขึ้นไปได้อย่างไร? ถ้าประมุขชิงรู้แล้วจะต้องถลกหนังเขาแน่นอน อุตส่าห์มอบกำลังทหารที่ไว้ใจได้ที่สุดให้เขาดูแล แต่ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะทำให้กลายเป็นอย่างนี้ไปแล้ว!

นอกพระตำหนักอุทยาน เรื่องนี้สะเทือนไปถึงโพ่จวินกับอู๋ฉวี่แล้ว มีคนลอบโจมตีอยู่ด้านนอกก็ว่าหนักแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนลอบจู่โจมพระตำหนักอุทยานที่ราชันสวรรค์ไปพักบ่อยๆ อีก ทหารยามล้วนเป็นคนของกองทัพองครักษ์ มีหรือที่ทั้งสองจะไม่รีบสืบเรื่องนี้ให้ชัดเจน อย่างน้อยก็ต้องแน่ใจว่าไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรง

ผ่านไปครู่เดียวก็มีคนเหาะลงมาอีกคน เป็นทูตซ้ายซือหม่าเวิ่นเทียน ชำเลืองมองสภาพประตูแวบหนึ่ง แล้วเดินไปข้างกายอู๋ฉวี่ ถามว่า “เรื่องเป็นยังไง?”

อู๋ฉวี่มองคนที่นอนตายอยู่บนพื้น ขมวดคิ้วตอบว่า “มีคนบ้าโผล่มารนหาที่ตาย ไม่น่าเชื่อว่าจะเอาชีวิตมาทิ้งโดยไม่มีเหตุผล”

ซือหม่าเวิ่นเทียนแสยะยิ้ม “เกรงว่าจะไม่ธรรมดาขนาดนั้นมั้ง? ข้าได้ยินมาว่าข้างนอกก็โดนจู่โจมแล้วเหมือนกัน บริเวณวังสวรรค์เกิดเรื่องต่อเนื่องกัน จะบังเอิญได้ยังไง? ตรวจสอบตัวตนของเขาหรือยัง?”

อู๋ฉวี่ขมวดคิ้วมุ่น “ยืนยันแล้ว เป็นบ่าวคนหนึ่งในเรือนพักของก่วงลิ่งกง”

“ก่วงลิ่งกงกินยาผิดแล้วละมั้ง? ส่งบ่าวมาโจมตีพระตำหนักอุทยานเหรอ?” ซือหม่าเวิ่นเทียนหัวเราะหึหึ ชำเลืองมองใบหน้าที่คร่ำเครียดของโพ่จวิน ปกติท่านนี้ไม่เคยพูดอะไรเกรงใจเขา  เขามาดูเอาสนุก แล้วหันตัวเดินเข้าไปในประตูใหญ่ของพระตำหนักอุทยาน ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขา

พอมาถึงตึกศาลาในตำหนัก เจอกับซ่างกวนชิงที่นัดเขาไว้ ก็เดินวางมาดเข้าไป แล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้การใหญ่ทำไมท่าทางกระวนกระวายอย่างนั้นล่ะ?” เขาถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ ย่อมรู้ว่าซ่างกวนชิงกลุ้มใจเรื่องที่ถูกลอบโจมแน่นอน ดีไม่ดีอาจจะมีเรื่องขอร้องก็ได้

ซ่างกวนชิงหันตัวมาชี้เขา เหมือนกำลังตำหนิว่าเขามัวชักช้า กวักมือเรียกให้เขาเดินเข้ามาเร็วๆ รอจนกระทั่งเขาเดินเข้ามาใกล้ ก็กระซิบข้างหูทันทีว่า “ซือหม่า ครั้งนี้เกิดเรื่องใหญ่แล้ว เกรงว่าเจ้ากับข้าจะเกิดปัญหาแล้ว!”

ซือหม่าเวิ่นสงสัยอยู่ในใจ ว่าเกี่ยวอะไรกับข้า ใบหน้ายิ้มแข็งๆ ขณะถามว่า “ทำไมผู้การใหญ่พูดซะน่าตกใจอย่างนั้น ก็แค่มีคนต่ำต้อยมาโจมตีก่อกวนทั้งข้างในข้างนอกไม่ใช่เหรอ ตามที่ข้าเข้าใจ เหมือนจะไม่มีอะไรเสียหายนะ?”

ซ่างกวนชิงกระทืบเท้าอย่างร้อนใจ เตือนว่า “หลินอ้าวเสวี่ยถูกคนลักพาตัวไปแล้ว คาดว่าคงถูกพาออกจากอาณาเขตวังสวรรค์ไปแล้ว”

“…” ซือหม่าเวิ่นเทียนตะลึงค้าง แล้วค่อยๆ เบิกตากว้าง “ซ่างกวน ล้อเล่นอะไรของเจ้า…” จากนั้นก็มองซ้ายมองขวา แล้วถามว่า “เจ้าซ่อนหลินอ้าวเสวี่ยไว้ที่พระตำหนักอุทยานไม่ใช่เหรอ? อย่าบอกนะว่าสถานที่หลอมสร้างธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์อยู่ใต้พระตำหนักอุทยานจริงๆ?” สถานที่ที่แม้แต่ตู้เฉียวก็ยังเดาได้ เขาย่อมสงสัยตั้งนานแล้วเช่นกัน เพียงแต่บางอย่างทำได้เพียงเก็บไว้ในใจ ไม่ได้ไปพิสูจน์ก็เท่านั้นเอง

ซ่างกวนชิงส่ายหน้ายิ้มขื่นขม นับว่ายอมรับแล้ว ขนาดหนิวโหย่วเต๋อยังรู้จักสถานที่นั้น ก็นับว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไรอีกต่อไปแล้ว

ซือหม่าเวิ่นเทียนตกใจมาก “สถานที่ที่ป้องกันเข้มงวดขนาดนี้ ทำไมถึงพาคนออกไปจากวังสวรรค์ได้ง่ายๆ ล่ะ คนของเจ้ามัวนอนหลับกันอยู่หรือไง?”

………………