มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1277

หลังจากที่บรรลุแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นหกแล้ว หลัวซิวก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะบรรลุขั้นที่สูงขึ้นไปอีก แต่ได้ทำความเข้าใจการสัมผัสรู้ของแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นหก และสร้างความเสถียรภาพให้กับผลการฝึกตนในแดนนี้ ให้มีรากฐานที่มั่นคง

แม้จะบอกว่ารากฐานยิ่งมั่นคง ความยากในการบรรลุขั้นก็ยิ่งสูงขึ้น แต่หลัวซิวกลับไม่ได้ลังเลเลยสักนิด เพราะตราบใดที่มีพรสวรรค์ สติปัญญา ปณิธาน ระดับที่บรรลุถึง บวกกับทรัพยากรในการฝึกตนที่เพียงพอ แม้ว่าจะมีรากฐานที่มั่นคงเพียงใด สามารถบรรลุได้สำเร็จก็ไม่ใช่ปัญหา

มีบางคนบอกว่าที่ตนไม่สามารถบรรลุได้นั้นเป็นเพราะมีรากฐานที่มั่นคงเกินไป นั่นมันไม่ใช่ข้ออ้าง แต่เป็นเพราะเขาได้สร้างรากฐานที่เหนือกว่าที่ตนเองจะสามารถทนรับได้

แต่สำหรับหลัวซิวแล้ว ทุกเงื่อนไขของอัจฉริยะไร้เทียมทาน เขาสอดคล้องทุกประการ แทบจะไม่มีประการไหนที่เป็นข้อด้อยหรือจุดอ่อนเลยสักนิด บวกกับที่เขาได้อาศัยทรัพย์สินที่สะสมมาตลอดทั้งชีวิตของเทพฟ้าท่านหนึ่งมาทะลวงหนึ่งแดนเล็กในมหาจักรพรรดิยุทธ์ แม้ว่ารากฐานจะมั่นคงเพียงใด ก็ยังสามารถบรรลุไปได้อย่างราบรื่น

เมื่อเทียบกับพวกคนที่มีผลการฝึกตนสูงส่งเหล่านั้น ข้อแตกต่างก็คือระยะเวลาการฝึกตนของเขานั้นสั้นนัก สิ่งที่เขาขาดไปมากที่สุดก็คือการตกตะกอนของเวลา และตรงจุดนี้ หลังจากที่เขาได้รับชิ้นส่วนของใจแห่งศุภรมา จึงได้ค่อย ๆ ชดเชยเติมเต็มมัน

แม้ว่าจากรากฐานในตอนนี้ของเขาจะสามารถเพิ่มระดับผลการฝึกตนให้ถึงแดนเทพมารหรือแม้กระทั่งเทพฟ้าโดยเร็วได้ แต่ถ้าหากทำเช่นนั้นจริง อย่างมากเขาก็แค่บรรลุถึงแดนเทพฟ้าและหยุดอยู่แค่นั้น ไม่สามารถที่จะก้าวไปได้สูงกว่านี้ตลอดไป

เขาจะต้องทำการตกตะกอน การสัมผัสรู้ในทุก ๆ แดนจะขาดไม่ได้ จะต้องทำให้การสัมผัสรู้ในทุก ๆ แดนล้วนแล้วแต่อยู่ในขั้นบริบูรณ์ จากนั้นก็ก้าวเข้าสู่แดนต่อไปได้ตามเงื่อนไขที่สมบูรณ์ เดินไปทีละก้าวอย่างมั่นคง โดยไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย

เพียงชั่วพริบตา เวลาในโลกาศุภรได้ผ่านไปหกปีแล้ว ผลการฝึกตนของเขาเองก็ได้บรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นหกชั้นสูงสุด สามารถทะลวงสู่ขั้นเจ็ดได้ทุกเมื่อ!

ทว่าในตอนนี้เอง หลัวซิวก็พลันลืมตาขึ้น หยุดการฝึกตนลงเพียงแค่นี้

“ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ข้าทะลวงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสามบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสี่ได้ผ่านทัณฑ์สวรรค์อัสนีมาแล้วครั้งหนึ่ง บรรลุขั้นหกถึงขั้นเจ็ดก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่ทัณฑ์สวรรค์อัสนีจะปรากฏขึ้น!”

หลัวซิวขมวดคิ้ว และกล่าวเสียงเข้ม: “ร่างแยกกฎความตายของข้าไม่เป็นไร ปิดขังฝึกตนอยู่ที่นี่ปลอดภัยอย่างแน่นอน ต่อให้ทัณฑ์สวรรค์อัสนีจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ อย่างมากก็แค่รีบหนีไปหลังจากที่ข้ารับทัณฑ์เสร็จแล้ว”

“แต่ในโลกเสวียนเทียนยังมีร่างแยกกฎชีวิตของข้าอยู่ ร่างแยกทั้งสองบรรลุแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์พร้อมกันก็จะดึงดูดทัณฑ์สวรรค์อัสนีด้วยเช่นกัน และจะต้องทำให้เฟิ่งหวูซินเพ่งความสนใจมาอย่างแน่นอน เขารู้ว่าข้าได้ไปจากโลกเสวียนเทียนแล้ว หากพบว่าในสำนักไท่เสวียนยังมีข้าอีกคนอยู่……”

ร่างแยกกฎชีวิตนั้นมีความสำคัญกับหลัวซิวมาก ไม่เหมือนกับร่างแยกกฎความตาย ที่หากมีความจำเป็นจริง ๆ สามารถสละทิ้งได้ จากนั้นค่อยอาศัยผู้เป็นอมตะมาฟื้นคืนชีพ

ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าเฟิ่งหวูซินได้เล็งเป้าหมายมาที่เขา ดังนั้นจึงได้ทิ้งร่างแยกกฎชีวิตเอาไว้ที่โลกเสวียนเทียน พูดได้ว่าได้ทิ้งจุดอ่อนของตัวเอง เอาไว้ที่ใต้เปลือกตาของเฟิ่งหวูซิน

นิมิตของทัณฑ์สวรรค์อัสนีนั้นไม่อาจซ่อนได้ แม้ว่าเขาจะอยู่ในโลกาศุภร พลังของทัณฑ์สวรรค์อัสนีก็จะทะลุห้วงกาลเวลาชั้นแล้วชั้นเล่าตกลงมาที่ตัวของเขาอยู่ดี แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่ความลับเรื่องร่างแยกของเขาจะถูกเปิดโปง

ปัญหาที่สำคัญที่สุดยังมีอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือลูกแก้วความเป็นตายยังซ่อนอยู่ในตัวหยั่งรู้ของร่างแยกกฎชีวิต

……