บทที่ 1348 สองท่าทีสี่ประโยค

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,348 สองท่าทีสี่ประโยค

เมื่อนักเวทอวิ๋นจีได้ยินคำนั้น หัวใจของเขาก็กระตุกวูบ

สมองเริ่มคิดคำนวณอย่างรวดเร็ว

ก่อนหน้านี้ ไป๋เสี่ยวเซียวยังแสดงเจตนาว่าเป็นตายอย่างไรนางก็ไม่มีทางเจรจา

แต่หลังจากเข้าไปพูดคุยบางอย่างกับเจี๋ยนเซียวเหยา อยู่ดี ๆ เด็กสาวก็คิดเปลี่ยนใจ

พิจารณาจากคำพูดของเจี๋ยนเซียวเหยาก่อนจากไป ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้

นักเวทอวิ๋นจีไม่ทราบเลยว่าเจี๋ยนเซียวเหยายื่นข้อเสนอใดบ้าง และเขาก็ยังไม่กล้าตัดความน่าสงสัยที่ว่านี่อาจจะเป็นแผนการหลอกลวงก็เป็นได้

ดังนั้น นักเวทอวิ๋นจีจึงใช้เวลายืนตัดสินใจอยู่พักใหญ่

แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจลองเสี่ยง

ถึงอย่างไรก็ต้องบรรลุเป้าหมายของตนเองให้ได้ก่อน

“เจ้าอยากได้สิ่งใด?”

นักเวทวัยกลางคนยินดีรับฟังข้อเสนอของไป๋เสี่ยวเซียว

ไม่สำคัญแล้วว่าก่อนหน้านี้นางพูดคุยอะไรกับเจี๋ยนเซียวเหยา ตราบใดที่ไป๋เสี่ยวเซียวยินดีถอนตัวออกจากการแข่งขัน นั่นก็ถือว่าภารกิจที่นักเวทอวิ๋นจีได้รับมอบหมายมาจากใต้เท้าฉางสำเร็จลงด้วยดี

“ข้าต้องการศิลาเทวะ ชุดเกราะวิเศษ อาวุธวิเศษ และโอสถวิเศษ…”

ไป๋เสี่ยวเซียวพูดอย่างฉะฉาน “ทั้งหมดต่างก็เป็นสิ่งที่เผ่าจันทราขาวขาดแคลน พวกท่านย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ ท่านลองเสนอมาว่าจะให้ของเหล่านั้นกับข้าอย่างละเท่าไหร่ หากข้อเสนอของท่านทำให้ข้าพอใจ ข้าก็จะถอนตัวออกจากการแข่งขันทันที”

อย่าบอกราคาที่ตนเองต้องการ ให้อีกฝ่ายเสนอราคามาก่อน

นี่คือประโยคแรกที่หลินเป่ยเฉินสอนไป๋เสี่ยวเซียว

นักเวทอวิ๋นจีขมวดคิ้ว

คนเถื่อนที่เรียนรู้การเจรจาต่อรองนั้นน่ารำคาญจริง ๆ

เขาชำเลืองมองไปที่พานตั่วหลิน

บุรุษหนุ่มเข้าใจความหมายได้ไม่ยาก รีบก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมกับกล่าวว่า “ศิลาเทวะหนึ่งร้อยก้อน ชุดเกราะนักรบระดับสูงสามสิบชุด สมุนไพรวิเศษห้าร้อยชั่ง หอกถล่มฟ้าห้าร้อยเล่ม…”

“ช้าก่อน”

ไป๋เสี่ยวเซียวขัดจังหวะด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “หากความจริงใจของท่านมีเพียงเท่านี้ โปรดไสหัวกลับไปเถอะ”

นี่คือประโยคที่สองที่หลินเป่ยเฉินสอนนางเอาไว้

พานตั่วหลินเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง

นักเวทอวิ๋นจีหันมามองหน้าเขาอีกครั้ง

พานตั่วหลินรีบเพิ่มราคาโดยไม่ลังเล “ศิลาเทวะหนึ่งพันก้อน ชุดเกราะนักรบ สมุนไพรวิเศษ และอาวุธวิเศษเพิ่มมากกว่าเดิมอย่างละสองเท่า”

ไป๋เสี่ยวเซียวแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน “พวกเราคงไม่ต้องพูดคุยกันอีก”

พูดจบ นางก็หมุนตัวทำท่าจะเดินกลับเข้าไปในโรงเตี๊ยม

“หยุดก่อน”

นักเวทอวิ๋นจีเดินออกมาพูดบ้าง “ศิลาเทวะหนึ่งหมื่นก้อน ชุดเกราะนักรบระดับสูงสุดหนึ่งพันชุด สมุนไพรวิเศษ ซึ่งประกอบไปด้วยรากไม้หลอมโลหิตและโอสถบำรุงปราณอีกอย่างละหนึ่งหมื่นชั่ง หอกถล่มฟ้า ขวานเหล็กและกระบี่ยาวอีกอย่างละหนึ่งหมื่นชิ้น… จำนวนเท่านี้เจ้าน่าจะพอใจแล้วกระมัง?”

ทุกครั้งที่นักเวทวัยกลางคนพูดออกมา หัวใจของพานตั่วหลินก็จะเต้นรัวเร็วด้วยความเจ็บปวด

เพราะพานตั่วหลินรู้ดีว่าสิ่งของเหล่านี้ต้องเป็นเผ่าเทพตะวันที่จ่ายออกไป ฝ่ายใต้เท้าฉางไม่ต้องเสียอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

ไป๋เสี่ยวเซียวค่อย ๆ หันหน้ากลับมา

ไม่สนใจผู้อาวุโสทั้งสามที่กำลังตื่นตะลึงถึงขีดสุด เด็กสาวหยุดชะงักเล็กน้อยตามคำแนะนำของหลินเป่ยเฉิน และพูดออกมาอย่างเชื่องช้าว่า “ข้อเสนอของท่านใช้ได้ แต่ขอเพิ่มทุกอย่างเป็นสองเท่า”

นี่คือการกระทำที่หลินเป่ยเฉินสอนมา

นี่คือประโยคที่หลินเป่ยเฉินสอนมา

ระหว่างอยู่ในห้องเก็บฟืนด้านหลังโรงเตี๊ยม หลินเป่ยเฉินกลัวว่านางจะเจรจาต่อรองไม่เป็น ดังนั้นเขาจึงสอนให้ไป๋เสี่ยวเซียวรู้จักสองท่าทีสี่ประโยคเด็ด และกำชับกับเด็กสาวด้วยความมั่นใจว่าหากนางทำตามที่เขาบอก ก็จะต้องได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจอย่างแน่นอน…

เมื่อเห็นสีหน้าดุดันของไป๋เสี่ยวเซียว แม้นักเวทอวิ๋นจีจะลังเลอยู่อีกพักใหญ่ แต่สุดท้ายก็ตอบตกลง

“ประเสริฐ”

เขาพูดเสียงดัง “สิ่งของทั้งหมดจะเพิ่มเป็นสองเท่า เจ้าสามารถเชื่อคำสัญญาของข้าได้เลย แต่เจ้าก็ต้องถอนตัวออกจากการแข่งขันด้วยเช่นกัน มิฉะนั้น เผ่าจันทราขาวของเจ้าก็คงรับสิ่งที่ตามมาไม่ไหวหรอก”

บนหน้าผากของพานตั่วหลินเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเปียกชุ่ม

เงื่อนไขนี้ทำให้เผ่าเทพตะวันต้องเดือดร้อนแล้ว

แต่พานตั่วหลินไม่กล้าขัดจังหวะ เพราะนั่นจะเป็นการหักหน้านักเวทอวิ๋นจีต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก

ไป๋เสี่ยวเซียวหัวเราะในลำคอ “ข้าจะถอนตัวเมื่อท่านนำของทั้งหมดมาส่งมอบ รีบ ๆ หน่อยก็แล้วกัน หากของมาส่งช้ากว่าวันกำหนดการแข่งขัน ข้าก็คงต้องเข้าร่วมการแข่งขันต่อไป”

“ไม่มีปัญหา”

เมื่อนักเวทอวิ๋นจีรับคำ ร่างของเขาก็เปลี่ยนเป็นลำแสง หายวับไปในอากาศ

นักเวทวัยกลางคนไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป เขารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างที่น่ากลัวกำลังจ้องมองตนเองอยู่ตลอดเวลา เมื่อทำภารกิจเสร็จแล้ว นักเวทอวิ๋นจีจึงรีบเดินทางกลับโดยทันที

องครักษ์ทั้งสองคนก็ติดตามกลับไปด้วย

พานตั่วหลินนำกลุ่มลูกสมุนของตนเองกลับไปเช่นกัน

หลังจากนั้น ไป๋เสี่ยวเซียวจึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

“ให้ตายสิ เสี่ยวเซียว เจ้าทำได้ยอดเยี่ยมเหลือเกิน คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเราจะได้รับข้อเสนอที่ดีงามเช่นนี้”

“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาจะไม่ปฏิเสธ? ข้ากลัวเหลือเกินว่าท่านจะกดดันหนักเกินไปจนพวกเขาเลิกต่อรอง”

“เมื่อมีชุดเกราะและอาวุธวิเศษให้ใช้งานเช่นนี้ ชาวเผ่าจันทราขาวของพวกเราก็จะมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกเป็นสองเท่า”

“แล้วก็ยังมีศิลาเทวะกับสมุนไพรวิเศษอีกด้วย…”

ผู้อาวุโสทั้งสามท่านโห่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น

บัดนี้ เมื่อทราบว่าเผ่าของตนเองกำลังจะได้รับทรัพยากรจำนวนมาก พวกเขาก็ลืมเลือนไปหมดสิ้นแล้วว่าจุดหมายของการเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ก็คือการทำตามคำบัญชาในคัมภีร์โบราณจากท่านเทพบรรพบุรุษ

ไป๋เสี่ยวเซียวยิ้มและไม่พูดคำใด

แต่ในหัวใจกำลังรู้สึกอบอุ่น

นอกจากพี่หลินของนางจะหล่อเหลาและเก่งกาจแล้ว เขายังมีชั้นเชิงในการเจรจาต่อรองอย่างน่ามหัศจรรย์

หากไม่ได้มีคำสอนจากพี่หลินคอยกำชับ เด็กสาวเกรงว่าตนเองคงตกลงตั้งแต่ได้ยินข้อเสนอที่สองของพานตั่วหลินแล้ว

“ท่านนักเวทรอข้าอยู่หรือขอรับ?”

พานตั่วหลินพร้อมกับกลุ่มลูกสมุนสิบกว่าคนพบเห็นนักเวทอวิ๋นจีลอยตัวกลางอากาศรอคอยพวกเขาอยู่กลางทาง

“บอกท่านประมุขพานว่าอย่าเชื่องช้า การแข่งขันรอบที่ห้าจะจัดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า รีบเตรียมของทั้งหมดจัดส่งไปให้ไป๋เสี่ยวเซียวโดยเร็วที่สุด”

น้ำเสียงของนักเวทอวิ๋นจีบอกชัดถึงความเคร่งเครียดจริงจัง

“รับทราบขอรับ”

พานตั่วหลินประสานมือคำนับอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยความพิศวงสงสัย “แต่ท่านนักเวทขอรับ ชาวเผ่าจันทราขาวพวกนี้สมควรมีสถานะเป็นปีศาจนอกระบบไม่ใช่หรือ? ท่านนำทรัพยากรของมีค่าไปให้กับพวกมัน หากในอนาคตพวกมันปีกกล้าขาแข็งขึ้นมา พวกเราจะไม่…”

“เหลวไหล”

นักเวทอวิ๋นจีพูดสวนกลับมาในทันใด “การมอบสิ่งของทั้งหมดให้แก่ไป๋เสี่ยวเซียวในครั้งนี้ ก็เพื่อหลอกให้นางถอนตัวออกจากการแข่งขันเท่านั้น พวกเราไม่ได้จะให้นางนำอาวุธและทรัพยากรทั้งหมดกลับไปจริง ๆ สักหน่อย”

พานตั่วหลินมีสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย แต่แล้วก็เข้าใจทุกอย่าง

จริงด้วยสินะ

ไป๋เสี่ยวเซียวมีสถานะเป็นผู้เข้าแข่งขัน ย่อมได้รับการคุ้มครองชั่วคราวจากสภาเทพเจ้า แต่เมื่อนางถอนตัวแล้ว ก็จะไม่มีผู้ใดคุ้มครองนางอีกต่อไป

แม้ว่าไป๋เสี่ยวเซียวจะมีพลังแข็งแกร่ง แต่นางก็เป็นเพียงเด็กสาวรุ่นใหม่เท่านั้น ยังไม่มีประสบการณ์เผชิญหน้าความร้ายกาจในดินแดนทวยเทพ เพราะฉะนั้น การสังหารนางคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นมากเกินไป

“ผู้ต่ำต้อยเข้าใจแล้วขอรับ”

พานตั่วหลินกล่าวออกมาด้วยความดีใจ “ท่านนักเวทช่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกลนัก”

“รีบ ๆ ไปจัดการได้แล้ว”

กล่าวจบ ร่างของนักเวทอวิ๋นจีก็เปลี่ยนเป็นลำแสงหายวับไปอย่างแท้จริง

รอยยิ้มเหยียดหยามปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพานตั่วหลิน

เจี๋ยนเซียวเหยา ไป๋เสี่ยวเซียว พวกเจ้าทั้งสองคนรอก่อนเถอะ

หายนะของพวกเจ้ากำลังจะมาถึงในไม่ช้า

หากเรื่องราวนี้ดำเนินไปถึงจุดจบเมื่อไหร่ พวกเจ้าจะต้องตายกลายเป็นศพที่ไร้แผ่นดินกลบฝังแล้ว