WSSTH ตอนที่ 2,691 : โจวอันผู้ไร้ยางอาย!
“ขอบคุณรองเจ้าสำนักโจว”
หลังต้วนหลิงเทียนได้รับแหวนพื้นที่ 2 วงที่อ๋อง 3 ส่งออกมาจากด้านหลังผ้าม่านชั้นลอย เขาก็หันไปมองรองเจ้าสำนักราชันพิษโจวอัน ค่อยยิ้มกล่าวขอบคุณออกมาเสียงแหบ
จังหวะนี้สีหน้าโจวอันถึงกับบิดเบี้ยวราวเคี้ยวถูกแมลงวัน…
“เฮอะ! หากเจ้ากล้า พวกเรามาพนันกันต่อไหมเล่า!?”
ทันใดนั้นเองคล้ายโจวอันมันคิดอะไรได้ออก มันลุกขึ้นดังพรวดหันไปถามต้วนหลิงเทียนเสียงหนักทันที
“พนันต่อหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนชะงักไปเล็กน้อย “แล้วเจ้าจะพนันเรื่องอะไร?”
ขณะเดียวกันเหล่าผู้ชมบนอัฒจันทร์ที่นั่งบุคคลพิเศษก็หันไปมองโจวอันเป็นสายตาเดียวกัน ท้งหมดก็อยากรู้นัก ว่ามันคิดจะพนันกับปรมาจารย์หลอมโอสถระดับต่ำของนิกายมังกรบินด้วยเรื่องอะไรอีก
“ดูเหมือนรองเจ้าสำนักราชันพิษ…จะยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้”
หลังม่านผ้าของชั้นลอย อ๋อง 3 ฉีกยิ้มสนุกสนานออกมา
ด้านนอกนั้นไม่อาจได้ยินเสียงหลังม่าน แต่คนที่อยู่หลังม่านล้วนได้ยินเสียงด้านนอกชัดเจน
เพราะอาคมที่จารึกไว้ในผ้าม่าน ปิดกั้นแต่เสียงที่จะดังออกไปด้านนอกเท่านั้น
“น่าสนใจจริงๆ…ถึงตอนนี้แล้วมันยังจะเหลืออะไรให้เดิมพันได้อีก”
ฉินอวี่กล่าว
“เกรงว่าตอนนี้ นอกจากเรื่องที่ไพ่ตายของมณฑลจิ่วโยว ต้วนหลิงเทียน จะมาหรือไม่มา…ก็คงไม่เหลืออะไรให้เดิมพันอีกแล้ว”
ประกายฉลาดเฉลียวเรืองวาบขึ้นในแววตาอ๋องฉิน และฟังจากวาจาของมัน ก็คล้ายจะอ่านใจรองเจ้าสำนักราชันพิษโจวอันได้ออก!
“พนันเรื่องต้วนหลิงเทียนจะมาหรือไม่มางั้นเหรอ!?”
ฉินอวี่ตกใจ
“หากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็นะ…”
หลังได้ฟังการคาดเดาของอ๋องฉิน อ๋อง 3 ก็หยีตากล่าวออกด้วยรอยยิ้มบางๆ “ใช่แล้ว! มันไม่พ้นต้องยกเรื่องไพ่ตายของมณฑลจิ่วโยวอย่างต้วนหลิงเทียนจะมาหรือไม่มาขึ้นมาพนันแน่นอน…เพราะอย่างไรเสียตอนนี้ในเมื่อต้วนหลิงเทียนยังไม่มา กล่าวได้ว่า สิบในสิบก็คงไม่มาแน่แล้ว… ”
“พนันเรื่องนี้มันจะไม่หน้าด้านเกินไปหน่อยหรือ?”
ถึงแม้ฉินอวี่จะหวังให้ต้วนหลิงเทียนไม่มา แต่มันก็ยังรู้สึกว่า…
หากรองเจ้าสำนักพิษโจวอันยกเรื่องนี้ขึ้นมาพนัน มันก็ไร้ยางอายเกินไป!
“นอกจากนั้น…ต่อให้มันเอาเรื่องนี้มาพนันจริง มันคิดหรือว่าปรมาจารย์หลอมโอสถระดับต่ำของนิกายมังกรบินจะบ้าจี้เล่นกับมัน? เว้นเสียแต่ศีรษะของผู้อื่นจะโดนลาเตะมาจนสมองกลับแล้วจริงๆ ถึงจะไปเล่นกับมัน….”
ฉินอวี่กล่าว
ยังดีที่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของฉินอวี่ ไม่งั้นเขาคงหมดคำจะพูดแน่…
ยังไงนะ ถ้าเขารับพนันเรื่องนี้จริงๆ หมายความว่าเขาต้องเคยถูกลาเตะหัวจนสมองกลับมาแล้วงั้นเหรอ?
สาบาน ว่าไม่ได้จงใจด่าเขา?
“อย่างที่อวี่เอ๋อกล่าว…เว้นเสียแต่ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับต่ำของนิกายมังกรบินจะโดนลาเตะหัวจนสมองกลับ หาไม่แล้วไม่มีทางบ้าจี้ไปรับพนันเรื่องเหลวไหลเช่นนี้แน่”
อ๋อง 3 คลี่ยิ้ม
ขณะเดียวกันด้านนอกม่านผ้า โจวอันที่ลุกขึ้นยืนก็กล่าววาจาออกมาเสียงดัง จนผู้คนทั้งอัฒจันทร์พิเศษได้ยินกันทั่วๆ
“พวกเราก็แค่พนันกันว่า ต้วนหลิงเทียน ไพ่ตายของมณฑลจิ่วโยว ที่แท้จะมาเข้าร่วมการประลอง 16 มณฑลครานี้หรือไม่!”
ทันทีที่โจวอันกล่าวประโยคนี้ออกมา ผู้คนรอบๆก็เงียบไปปานคนตาย
หลังจากนั้นหลายคนที่ฟื้นสติก็เริ่มส่ายหัวไปมากล่าวออกด้วยยน้ำเสียงขบขัน “เพ่ย! นี่ยังนับเป็นเรื่องที่เอามาใช้พนันได้อยู่อีกเหรอ?”
“นั่นน่ะสิ…พนันอันใดเหลวไหลสิ้นดี! จนป่านนี้แล้วต้วนหลิงเทียนของมณฑลจิ่วโยวยังไม่ปรากฏตัวอีก เช่นนั้นสิบในสิบมันก็คงไม่มาแล้วล่ะ!”
“เว้นเสียแต่รองเจ้าสำนักราชันพิษจะพนันว่าวันนี้ต้วนหลิงเทียนต้องมาแน่ แล้วให้ผู้อื่นแทงว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่มา! หาไม่แล้วคงไม่มีใครบ้าจี้ไปเล่นพนันกับมันหรอก”
“อย่างมันมีหรือจะลงเดิมพันข้างต้วนหลิงเทียนมา?”
…
เหล่าผู้คนบนอัฒจันทร์ที่นั่งพิเศษแต่ละคนมองจ้องโจวอันด้วยสงสัย อยากรู้ว่าโจวอันจะว่าอย่างไรต่อ หรือที่แท้มันคิดจะลงเดิมพันเรื่องต้วนหลิงเทียนจะปรากฏตัวจริง?
จังหวะนี้กระทั่งคนของนิกายมังกรบิน ก็มองรอฟังโจวอันกันหมด
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตานับร้อยคู่ที่มองจ้องมาด้วยความสงสัย โจวอันก็เชิดหน้าอกผายไหล่ผึ่ง กล่าวคำออกมาอย่างมั่นมาด ไร้ซึ่งความละอายใจใดๆ “ข้าจะแทงข้างต้วนหลิงเทียนไม่มาการประลองง 16 มณฑลครั้งนี้ ด้วยหินอมตะระดับสูงจำนวนแสนก้อน…”
ในขณะที่ผู้ชมทั้งหลายกำลังเบ้ปาก และคิดสบถด่าโจวอันว่าหน้าไม่อายออกมา โจวอันก็กล่าวสืบต่อออกมาเสียงดังต่อว่า “แน่นอนว่าเพียงใครดูก็รู้ว่าข้ามีโอกาสชนะพนันมากกว่า…เอาอยางนี้เป็นไร เจ้าสามารถแทงข้างต้วนหลิงเทียนจะมาได้ โดยจ่ายแค่ 50,000 หินอมตะก็พอ”
และแทบจะทันทีที่โจวอันเอ่ยประโยคนี้จบ หวงกวงจี๋ รองประมุขนิกายมังกรบินก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป “เพ่ย! ไร้ยางอายยิ่ง! โจวอันเจ้าจักไร้ยางอายเกินไปแล้ว!!”
“ช่างหน้าด้านหน้าทนเสียจริง! เจ้าฝึกปรือวรยุทธ์ใบหน้าคงกระพันมาหรือ!!”
“พนันเรื่องเหลวไหลเช่นนี้…คงมีแต่รองเจ้าสำนักราชันพิษโจวอันเท่านั้นที่คิดได้!”
“ป่านนี้ต้วนหลิงเทียนไพ่ตายของมณฑลจิ่วโยวคนนั้นยังไม่ปรากฏตัว เช่นนั้นกล่าวได้แน่ๆว่าคนคงไม่มาแล้ว…ไม่ต้องกล่าวถึงโจวอันเจ้ายอมจ่ายหินอมตะระดับสูงแสนก้อนเพื่อเสี่ยงกับหินอมตะระดับสูง 50,000 ก้อนเลย ให้มารดาเจ้าแทงหินอมตะระดับสูง 200,000 ก้อน ฝ่ายอาวุโสกิตติมศักดิ์เทียนหลิงของเราที่ลง 50,000 ก็ยังเสียเปรียบ!”
“มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะเล่นกับเจ้า ตัวไร้ยางอาย!”
…
เหล่าคนของนิกายมักรบินหันไปก่นด่าโจวอันกันยกใหญ่
กระทั่งเหล่าคนของสำนักราชันพิษเองก็รู้สึกอิหลักอิเหลื่อไม่น้อย เพราะครั้งนี้นับว่ารองเจ้าสำนักของพวกมันหน้าหนาเกินไปแล้ว
อย่างไรก็ตามแม้พวกมันจะหน้าบางแต่ก็ยังรู้งาน จึงทำใจและไม่สนอะไรสืบไป หันกลับไปตะคอกสวนคนของนิกายมังกรบินอย่างดุดัน “ไร้ยางอายบัดซบอะไร! หากนิกายมังกรบินของพวกเจ้าไม่กล้า ก็แค่พูดออกมาคำเดียวว่าไม่กล้า! ท่านรองเจ้าสำนักเราไปบีบบังคับให้พวกเจ้ารับคำท้าหรือก็ไม่!”
“ใช่แล้ว! หากไม่กล้าก็แค่บอกมา!!”
“ข้าก็คิดไว้แต่แรกแล้วว่าคนนิกายมังกรบินมันก็พวกใจปลาซิวเท่านั้น! อย่างพวกเจ้ามีหรือจะกล้า รีบยอมรับออกมาว่ากลัวให้จบๆไปเถอะ!!”
…
เหล่าคนของสำนักราชันพิษได้ทีก็เอาใหญ่ แต่ละคนเอ่ยวาจาอย่างหยิ่งผยองลำพองนัก
“ช่างกล้าพูดมาได้ไม่อายปาก!”
“ถล่มมารดามันเถอะ! คนสำนักราชันพิษจะหน้าด้านเกินไปแล้ว!!”
…
ตอนนี้กระทั่งคนดูที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับนิกายมังกรบิน ยังอดไม่ไหวหลังได้ฟังคำยั่วยุท้าทายอย่างไร้ซึ่งยางอายของสำนักราชันพิษ ตอนแรกว่าโจวอันรองเจ้าสำนักหน้าด้านแล้ว ที่แท้เหล่าคนในสำนักก็ไม่ได้แพ้กันเลย!
“เหอะๆ คนสำนักราชันพิษ…ช่างไร้ยางอายโดยแท้!”
ด้านหลังผ้าม่านชั้นลอย ฉินอวี่เองก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเหอะๆออกมาด้วยความรังเกียจ เมื่อได้ยินคำท้าหน้าด้านๆของสำนักราชันพิษ
“ในโลกนี้ยังมีผู้ที่หน้าด้านยิ่งกว่านี้อีก…อย่าไปสนใจมันเลย”
อ๋อง 3 ส่ายหน้าไปมาพลางกล่าว “อันที่จริงทุกคนย่อมรู้ดีว่ามันเพียงแถมาหน้าด้านๆเท่านั้น…ไม่มีผู้ใดคิดเห็นด้วยกับการเดิมพันครั้งนี้หรอก”
ขณะเดียวกัน
“ผู้ว่าเถียน”
เหนือขึ้นไปจากเวทีประลอง พิธีกรในการประลอง 16 มณฑลคราวนี้ ก็หันไปมองอัฒจันทร์ที่นั่งของมณฑลจิ่วโยว และมองจี้ไปยังเถียนจี้หวี่
“ไพ่ตายของมณฑลจิ่วโยวเจ้า ต้วนหลิงเทียน ตกลงจะมาหรือไม่มา?”
พิธีกรเอ่ยถามห้วนๆ
“ใต้เท้า ข้าน้อยหวังว่าท่านจะรออีกสักนิด…”
เถียนจี้หวี่กัดฟันกล่าว
จนถึงตอนนี้มันยังไม่เห็นแม้แต่เงาของต้วนหลิงเทียนเลย
ถึงแม้ในใจมันก็ตัดสินไปแล้วว่าต้วนหลิงเทียนไม่น่าจะมา หากแต่ด้วยความไม่ยินยอมและจิตใต้สำนึกของมันที่ตั้งความหวังกับต้วนหลิงเทียนเอาไว้สูง ก็คิดไปว่า สุดท้ายเดี๋ยวต้วนหลิงเทียนต้องนำพาอรุณรุ่งแห่งความหวังมาให้มณฑลจิ่วโยวของมันแน่…
ด้วยเหตุนี้มันจึงพยายามวิงวอนออกมา เพื่อซื้อเวลาให้ต้วนหลิงเทียนเพิ่ม
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าอยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็โผล่ขึ้นมาพอดี?
“รอ? จนป่านนี้แล้วยังจะรออันใดอีก?”
“หึๆ! ไพ่ตายมณฑลจิ่วโยว ต้วนหลิงเทียน ผู้นั้น…หากคิดมาลงประลองจริงป่านนี้อย่างไรก็ต้องปรากฏตัวออกมาแล้ว ไฉนยังไม่โผล่ออกมาเช่นนี้ได้?”
“ข้าว่ารอไปก็ไร้ประโยชน์ เสียเวลาผู้อื่นเปล่าๆ! ต้วนหลิงเทียนนั่นมิมาแน่!!”
…
แทบจะทันทีที่เถียนจี้หวี่กล่าววิงวอนจบคำ วาจาทำนองเดียวกันนี้ก็ดังระงมขึ้นก้องพื้นที่จัดงานประลอง 16 มณฑล
ผู้คน 99 ส่วน ล้วนเชื่อว่าต้วนหลิงเทียนคงไม่มาแล้ว!
พิธีกรที่ดำเนินการจัดงานประลอง 16 มณฑลพอได้ยินคำขอของเถียนจี้หวี่ มันก็หยิบยันต์อมตะสื่อสารขึ้นมาพร้อมถ่ายพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดลงไป จากนั้นก็ปรากกฏเส้นแสงฉับไวสายหนึ่งพุ่งหายเข้าไปในม่านผ้าชั้นลอย…
มันคิดถามความเห็นของอ๋อง 3 ว่าจะให้มันตัดสินอย่างไรดี จะรอหรือให้จบการประลอง 16 มณฑลคราวนี้เลย?
“พี่ใหญ่…ท่านคิดว่าอย่างไร ต้องรอหรือไม่?”
พออ๋อง 3 ได้รับยันต์อมตะสื่อสาร มันก็หันไปมองถามอ๋องฉินข้างๆทันที
“เอาเป็น่า รอสักครึ่งชั่วยามแล้วกัน”
สองตาอ๋องฉินทอประกายเรืองวูบ “นี่ถือได้ว่าเป็น ‘ความชื่นชม’ ของข้าที่มีต่อต้วนหลิงเทียน…อย่างไรเสียก็มิใช่เรื่องง่ายเลยที่เขตวังฉินของพวกเรา จะปรากฏอัจฉริยะที่ร้ายกาจเยี่ยงปีศาจเช่นนี้ขึ้น…”
“ได้”
อ๋อง 3 พยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นก็หยิบยันต์อมตะสื่อสารออกมาส่งข้อความกลับไปถึงพิธีกรทันที
ด้านพิธีกรพอได้ยันต์อมตะสื่อสารตอบกลับ มันก็ประกาศต่อหน้าทุกคนทันที
“ท่านอ๋องฉินมีรับสั่ง…ด้วยความชื่นชมที่มีต่อต้วนหลิงเทียน อัจฉริยะอันร้ายกาจของมณฑลจิ่วโยว เช่นนั้นทางเราจะให้เวลามณพลจิ่วโยวครึ่งชั่วยาม หากผ่านไปครบครึ่งชั่วยามแล้วแต่ไพ่ตายของมณฑลจิ่วโยวยังไม่ปรากฏตัว การประลอง 16 มณฑลก็จะสิ้นสุดลงทันที!”
“ถึงตอนนั้นฉู่เหยียนแห่งมณฑลหลิวฟง จะได้รับอันดับ 1 ของการประลอง 16 มณฑลอย่างเป็นทางการ!”
พิธีกรกกล่าวออกมารวดเดียวจบ
ถึงทุกคนในที่นี้จะรู้สึกเหมือนกันว่า การรออีกครึ่งชั่วยามช่างเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์สิ้นดี
อย่างไรก็ตามเมื่อนี่คือรับสั่งของอ๋องฉิน ตัวตนที่แข็งแกร่งและมีฐานะสูงสุดในเขตปกครองวังฉิน ให้พวกมันไม่พอใจแค่ไหน ก็ไม่มีใครกล้าปริปากบ่น
สำหรับพวกมันแล้ว คำพูดของอ๋องฉินเป็นดั่งประกาศิตฟ้ามิอาจฝ่าฝืน!
“ขอบคุณท่านอ๋องฉิน!”
ได้ยินคำของพิธีกร ผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว เถียนจี้หวี่ ก็เร่งโค้งคำนับไปยังชั้นลอยพลางกล่าวขอบคุณออกมา อย่างไรก็ตามตอนนี้ในใจมันช่างเต็มไปด้วยแรงกดดันอันหนักหน่วงนัก!
มาตอนนี้มันพึ่งจะรู้สึกเสียใจ ที่ซื้อเวลาให้ต้วนหลิงเทียนขึ้นมาแล้ว…
เพราะก็เป็นอย่างที่คนส่วนใหญ่พูด
หากต้วนหลิงเทียนมีใจจะมาป่านนี้คงมาถึงนานแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่ป่านนี้จะยังไม่ปราฏตัว
“ท่านผู้ว่า…จำเป็นต้องรอจริงหรือ อย่างไรเสียต้วนหลิงเทียนก็ไม่น่าจะมาแล้ว…”
ผางปิง อาวุโสฝ่ายเอ่ยขึ้น
ตอนนี้กระทั่งเจิ้งงชิว อาวุโสฝ่ายในที่เข้าข้างต้วนหลิงเทียนก็ไม่พูดอะไรสักคำ
เพราะมันเองก็ ‘ไม่กล้าหวัง’ แล้วเช่นกัน
ตอนนี้มันก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่น่าจะมาแล้วเหมือนคนอื่นๆ
‘อย่างไรเสียที่ต้วนหลิงเทียนไม่มา ต้องมิใช่เพราะไม่อยากมา แต่สมควรเกิดเรื่องอันใดขึ้นเป็นแน่…ด้วยลักษณะนิสัยของต้วนหลิงเทียนแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มา!’
เจิ้งชิวลอบกล่าว