นาทีนี้ เฉินจงกลับมาเป็นจุดโฟกัสอีกครั้ง
แต่ที่ทำให้ทุกคนต้องตื่นตะลึงคือ พอเฉาเยว่เพิ่งพูดจบ เฉินจงก็ยืนขึ้นแสดงเจตนารมณ์อย่างเด็ดเดี่ยว “เฉาเยว่ เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว!ในเมื่อข้าเฉินจงพูดไปแล้ว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะสนับสนุนตระกูลคิงฉิน โดยไม่มีการเสียใจ! ”
ให้แม้ฉินเต๋อเจิ้งเองก็ยังคิดไม่ถึง เจตนารมณ์ของเฉินจงจะหนักแน่นถึงเพียงนี้
ทว่าเฉาเยว่ พอได้ยินเฉินจงพูดดังนั้น สีหน้าอึมครึมลงไปอย่างสุด ๆ สองตาเต็มไปด้วยแววฆ่า “ดีมาก!ตั้งแต่นี้ต่อไป ในเมืองตระกูลคิงเฉาไม่มีตระกูลเฉินอีก!”
“เฉาเยว่ เรื่องไร้สาระพูดให้น้อยหน่อยเถอะ ถ้าการข่มขู่มีผล ก็คงไม่มีเรื่องเกิดวันนี้หรอก”
ฉินเต๋อเจิ้งพูดเสียงเยือก
“ในเมื่อแกอยากรีบตาย งั้นข้าก็จะช่วย!”
เฉาเยว่ยกมือขึ้นโบก ออกคำสั่ง “จัดการ!”
ชั่วพริบตาหลังจากสียงสั่ง องครักษ์ฝีมือระดับขั้นสุดท้ายแดนราชาสิบกว่านาย พุ่งออกไปพร้อม ๆ กัน
ไม่ต้องรอฉินเต๋อเจิ้งเอ่ยปาก ผู้แข็งแกร่งตระกูลฉิน ก็ลุยเข้ารับศึก
แปดผู้แข็งแกร่งขั้นกึ่งแดนเทพที่หยางเฉินนำมา หลังจากได้ผ่านการไล่สังหารกึ่งแดนเทพฉินหรูเฟิงแล้ว พลังฝีมือก็มีอันเพิ่มทวีขึ้น ถึงแม้ยังไม่สามารถทะลวงฝ่าด่านเข้าสู่ขั้นสุดยอดแดนราชาได้ แต่ก็ห่างสุดยอดแดนราชาไม่ไกลแล้ว
เพียงให้ได้ผ่านการต่อสู้ในศึกที่เข้มข้นขั้นสูงสักครั้ง ก็จะได้ทะลวงด่าน นั้นไม่ใช่สิ่งที่จะเป็นไปไม่ได้
“ฆ่ามัน!”
แปดผู้แข็งแกร่งที่หยางเฉินนำมา พุ่งทะยานออกไปในชั่วพริบตา
เสียงการศึกสงครามลั่นขึ้นในฉับพลันนั้น ทั้งสองฝ่ายต่างก็ป็นผู้แข็งแกร่งขั้นสุดท้ายแดนราชา ศึกสงครามระดับนี้ ในสายตาของบรรดามหาเศรษฐีเมืองคิงเฉา เป็นศึกสงครามระดับฟ้าถล่มทลาย
อู่เลี่ยไม่ได้ลงไปร่วมวงศึกสงครามด้วย ตามอยู่ข้างกายฉินเต๋อเจิ้งตลอดเวลา คอยคุ้มกันฉินเต๋อเจิ้งไว้อย่างดี อันเป็นภาระกิจหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่
หยางเฉินอยู่ในอารมณ์ไม่ได้นึกสนุกด้วย พูดกับฉินเต๋อเจิ้งว่า “ท่านปู่รอง ท่านนั่งลงดูการทำสงครามเถอะ หลังจากวันนี้ ตระกูลฉินสถาปนาขึ้นเป็นตระกูลคิง!”
ฉินเต๋อเจิ้งมองหยางเฉินอย่างซาบซึ้ง ในใจที่เดิมมีความกังวลอยู่บ้าง แต่พอหยางเฉินพูดมาเช่นนี้ ก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมาอย่างมากในทันที
“เจ้าเป็นเขยตระกูลฉิน หากเจ้ายินดี ตำแหน่งกษัตริย์ฉินนี้ ให้เจ้ามานั่งก็ได้นะ!”
ฉินเต๋อเจิ้งพอได้นั่งลง มองหยางเฉินที่อยู่ข้าง ๆ พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
หยางเฉินยิ้มเจื่อน ๆ “ท่านปู่รองเห็นผมเป็นคนในของตระกูล ผมเข้าใจดี แต่ถึงยังไงผมก็ไม่ใช่สายเลือดของตระกูลฉิน อีกอย่างหนึ่ง ตัวผมก็ไม่สามารถอยู่ในตระกูลฉินตลอด ตำแหน่งกษัตริย์ฉินให้ท่านนั่ง เป็นการเหมาะสมที่สุดแล้ว”
“เจ้าไม่ใช่สายเลือดโดยตรงของตระกูลฉิน แต่ก็เป็นเขยของตระกูลฉิน ถ้าจะมานั่งตำแหน่งคิงตระกูลฉิน มีใครกล้าที่จะพูดคำว่าไม่ได้?”
ฉินเต๋อเจิ้งมีความคิดอยากให้หยางเฉินมาเป็นกษัตริย์ฉินจริง ๆ
ถึงแม้พลังฝีมือของตัวเขาเองจะอยู่ในขั้นสุดท้ายแดนราชา แต่หากไปเทียบกับกษัตริย์ในตระกูลคิงอื่น ๆ ก็ยังทิ้งช่วงอยู่ห่างกันไม่น้อย โดยส่วนตัวในความรู้สึกยังเห็นว่าไม่มีคุณสมบัติพอเป็นกษัตริย์ฉิน
แต่หยางเฉินเป็นลูกเขยของฉินต้าหย่ง และฉินต้าหย่งก็เป็นพี่ชายใหญ่ของเขา ก็คือลูกชายของอดีตผู้นำตระกูลฉิน อีกทั้งหยางเฉินก็มีพลังฝีมือสูงส่ง ให้หยางเฉินครองตำแหน่งกษัตริย์ฉิน ไม่เห็นมีอะไรไม่เหมาะสมเลย
หยางเฉินหัวเราะส่ายหน้าไปมา “ท่านปู่รองวางใจเถอะ เมืองคิงฉินตั้งแต่นี้ต่อไป จะไม่มีใครสั่นคลอนสถานะภาพของตระกูลคิงฉินได้อีก!”
เห็นหยางเฉินยืนกรานไม่ยอมรับตำแหน่งกษัตริย์ฉิน ฉินเต๋อเจิ้งก็ได้แต่ยุติ ถอนหายใจเบา ๆ หันหน้ามองไปที่กำลังพันตรูทำศึกสงครามกันอยู่
เหตุการณ์ในขณะนั้น องครักษ์ตระกูลเฉาที่เฉาเยว่นำมา เห็นชัดได้ว่าเป็นชุดที่มีพลังฝีมือสุดยอดที่สุดในตระกูลเฉา ทักษะในการศึกสงครามสูงมาก โดยจำนวนก็ได้เปรียบกว่า
ในช่วงเวลานั้น พวกผู้แข็งแกร่งฝ่ายเขาเอง เห็นได้ว่าตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างสิ้นเชิง
ดีแต่ว่าผู้แข็งแกร่งทั้งแปดที่หยางเฉินนำมา ฝีมือการรบดุดันมาก ขนาดมีบางคนต้องรับศึกกับผู้แข็งแกร่งตระกูลเฉาสองคน แต่บนใบหน้าไม่มีแสดงอาการหวาดหวั่นแม้แต่น้อย กลับเห็นยิ่งสู้ยิ่งดุดันขึ้น
ผู้แข็งแกร่งทั้งแปดนายที่หยางเฉินนำมา แน่นอนว่าไม่มีกลัวการเผชิญศึกสงคราม มีหยางเฉินอยู่ พวกเขาไม่จำเป็นต้องไปมองถึงอันตรายต่อชีวิตที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง
พวกเขาเข้าทำศึกสงครามโดยไม่มีภาระใด ๆ ต้องแบก มุ่งแต่ทุ่มเทพลังฝีมือที่แฝงอยู่ในตัวทั้งหมดออกให้สุด ๆ มีแต่ทำแบบนี้ จึงจะก้าวขึ้นสู่ขั้นสุดยอดแดนราชาได้เร็วที่สุด
เฉาเยว่ที่อยู่ข้าง ๆ สีหน้าอึมครึมสุด ๆ เป็นถึงกษัตริย์เฉา เขาย่อมมองเห็นได้อย่างชัดแจ้ง ตอนนี้ที่ดูเหมือนฝ่ายของเขาได้เปรียบอยู่ แต่สภาพนี้น่าจะอยู่ได้เพียงช่วงสั้น ๆ เท่านั้น
น่ากลัวว่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน สถานการณ์ที่เป็นอยู่ขณะนี้ ก็คงจะพลิกเปลี่ยน
นัยน์ตาทั้งคู่ของเขา พลันจับภาพไปที่ชายหนุ่มวัยละอ่อนที่อยู่ข้างฉินเต๋อเจิ้งคนนั้น
จิตใต้สำนึกพาให้รู้สึกถึงสายตาของเฉาเยว่ หยางเฉินจึงเงยหน้ามองไป เพียงแต่แววตาทั้งคู่คงยังความเรียบสงบ ขณะมองไปที่ตัวเฉาเยว่ ดูเหมือนกำลังมองคนที่เป็นศพ
ส่วนแววตาของเฉาเยว่ส่องประกายความใคร่สังหาร แน่นอนว่าเขารู้ชัดเจน ชายหนุ่มผู้นี้ก็คือหยางเฉิน การยืนยันขั้นพื้นฐานจากการวิเคราะห์ของกลุ่มพันธมิตรตระกูลคิง หยางเฉินคือผู้แข็งแกร่งขั้นแดนเทพ
“แกก็คือหยางเฉินสินะ?”
เฉาเยว่พลันเอ่ยปากถาม
หยางเฉินยิ้มจืด ๆ “ไม่ทราบท่านผู้นำตระกูลเฉามีเรื่องอันใดให้รับใช้?”
สีหน้าเฉาเยว่ตึงเครียดขึ้นมาทันที หยางเฉินบังอาจเรียกเขาเป็นผู้นำตระกูลเฉา
เฉาเยว่หยีตาพูดว่า “ศึกสงครามยังไม่สิ้นสุด เจ้าก็รู้ผลสรุปแล้วหรือ?”
บนใบหน้าหยางเฉินเรียบสงบ ยิ้มไปอย่างเรื่อยเปื่อย “คุณคิดว่าหละ มีข้าอยู่ ตระกูลเฉายังคิดว่าจะชนะได้หรือ?”
สีหน้าเฉาเยว่ยิ่งดูไม่ได้หนักขึ้น
“ถ้าหากว่าตระกูลเฉายินยอมติดตามข้า ข้าก็จะอนุญาตให้ตระกูลเฉาอยู่ในเมืองตระกูลฉินได้!”
ทันทีนั้นหยางเฉินเอ่ยขึ้นว่า “พันธมิตรตระกูลคิง ก็แค่เพียงคิดจะแย่งชิงตี้ชุน ขอส่วนแบ่งเค้กบ้าง แต่ข้าจะบอกให้เข้าใจให้แจ่มแจ้งกันได้ว่า ถ้ามีข้าอยู่ ใครก็ไม่ต้องคิดให้ตี้ชุนเกิดขึ้นมาได้”
เฉาเยว่พาลโกรธขึ้นมาด้วยรู้สึกอาย ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า “จะให้ข้าสวามิภักดิ์แก?ฝันไปเถอะ!”
“ถ้าเป็นอย่างนี้ หลังจากวันนี้แล้ว ข้าก็จำต้องให้ตระกูลเฉาสาบสูญไป”
หยางเฉินพูดน้ำเสียงชืด ๆ ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ๆ
บรรดาหัวหน้าตระกูลเศรษฐีโดยรอบ ตอนนี้ต่างก็ผวางง
พวกเขาเห็นหยางเฉินเดินตามอยู่ข้าง ๆ ฉินเต๋อเจิ้งก่อนหน้านี้ ยังให้ตื่นใจสงสัยอยู่ ไม่รู้ว่าเจ้าหนุ่มคนนี้เป็นใคร
แต่มาถึงตอนนี้ หลังจากได้ยินหยางเฉินพูดคุยกับเฉาเยว่ พวกเขาก็ให้เข้าใจว่า คนหนุ่มคนนี้ คงจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังฉินเต๋อเจิ้ง
มิฉะนั้น ทำไมเฉาเยว่ จึงได้รู้จักเขา
มิฉะนั้น หยางเฉินทำไมถึงจะให้เฉาเยว่สวามิภักดิ์?
คิดมาถึงจุดนี้ เหล่าบรรดาหัวหน้าตระกูลเศรษฐี ต่างเกิดความห่วงกังวลในใจหนักยิ่งขึ้น
หากแม้นมีเพียงตระกูลฉิน พวกเขาย่อมเลือกข้างอยู่กับตระกูลเฉาแน่นอน อย่างไม่มีคิดเสียใจ
แต่มาตอนนี้ ตระกูลฉินเกิดปรากฏมีหนุ่มลึกลับไม่รู้ชัดถึงฐานะ นี่สิที่ทำให้พวกเขาเกิดหวาดกลัวขึ้นมาบ้างในฉับพลัน
เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ขนาดเฉาเยว่ยังรู้สึกหนักใจ มันง่ายหรือที่จะรับมือได้?
“ถ้าหากพวกเจ้ามีพลังทำศึกสงครามเพียงเท่านี้ มันน่าเป็นที่ผิดหวังของข้ามากนะ?”
ในขณะนั้นเอง หยางเฉินจู่ ๆ ก็เอ่ยพูดขึ้นมา
ได้ยินพูดดังนี้ ผู้แข็งแกร่งขั้นสุดท้ายแดนราชาทั้งแปดคนที่เขานำมา ให้รู้สึกสะท้านขึ้นมาทั้งตัว ใจในการสู้ศึกที่ยังมีเก็บฝังไว้อยู่ลึก ๆ ก็ได้ทะลักระเบิดออกมาเต็มที่
บรึม บรึม บรึม!
แปดผู้แข็งแกร่ง ต่างระเบิดเอาพลังศึกสงครามทั้งหมดออกมาพร้อม ๆ กัน ทั่วทั้งบริเวณตระกูลฉิน กลิ่นอายฆ่าทะลุฟ้า
“ฆ่ามัน!”
แปดผู้แข็งแกร่ง ด้วยเพียงคำพูดของหยางเฉินประโยคเดียว ต่างเหมือนสัตว์ป่าที่บ้าคลั่ง ตะลุยใส่ผู้แข็งแกร่งตระกูลเฉา
สถานการณ์เมื่อครู่ที่ผู้แข็งแกร่งตระกูลเฉาได้เปรียบอยู่ กลับแพ้ถอยร่นต่อเนื่อง