บทที่ 1354 ตัดขาดประสาทสัมผัสทั้งห้า

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,354 ตัดขาดประสาทสัมผัสทั้งห้า

หลินเป่ยเฉินกระดิกใบหู

สำหรับผู้ที่มีความแข็งแกร่งระดับชั้นนักรบเทวะ การที่ดวงตามืดบอด ก็ไม่ได้หมายความว่าจะรับมือกับศัตรูไม่ได้โดยสิ้นเชิง

แม้มองไม่เห็น

แต่หูยังได้ยิน

ไม่มีสิ่งใดให้ต้องตื่นตระหนก

เพราะนี่เป็นเพียงผลลัพธ์จากค่ายอาคมนี้เท่านั้น

หากสามารถสลายค่ายอาคมลงได้ ดวงตาของเขาก็จะกลับมามองเห็นดังเดิม

ปัญหาคือจะสลายค่ายอาคมอย่างไรนี่แหละ

โดยเฉพาะในยามที่ตนเองตาบอด

หรือต้องพึ่งพาหนึ่งสมองสองมือโดยที่ไม่มีดวงตาเกี่ยวข้อง?

“บุตรสาวเอ๋ย พ่อตาบอดเสียแล้ว”

หลินเป่ยเฉินพูดออกมาเสียงดัง “รีบทำให้พ่อมองเห็นได้เหมือนเดิมเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้น พ่อจะลงโทษเจ้า”

เปลวไฟบนร่างของเด็กหนุ่มยิ่งมายิ่งร้อนแรง เกิดเป็นม่านพลังปกป้องรอบกาย

หลินเป่ยเฉินยังคงพูดจาไร้สาระต่อไป แต่ความจริงนั้น เขาต้องการจะจับตำแหน่งที่แท้จริงของฉางจิ้งคงให้ได้ต่างหาก

และดูเหมือนอีกฝ่ายจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

“ท่านพ่อแก่ชราจนตาบอดแล้ว… อย่าขัดขืนลูกเลยนะเจ้าคะ ลูกจะส่งท่านไปเกิดใหม่เอง”

เสียงของฉางจิ้งคงกลับมาเย้ายวนอีกครั้ง

แต่ทันใดนั้น นางก็กลับไปเสียงเข้มอำมหิต “จมูกดับกลิ่น”

ลมหายใจต่อมา จมูกของหลินเป่ยเฉินก็ไม่ได้กลิ่นอะไรอีกเลย

เชี่ย

ค่ายอาคมนี้น่ากลัวจริง ๆ

อย่าบอกนะว่ามันมีความสามารถพิเศษคือการปิดการทำงานของประสาทสัมผัสทั้งห้า?

แต่อย่างไรก็ตาม จมูกไม่ได้กลิ่นยังไม่น่ากลัวเท่ากับดวงตาต้องมืดบอด

เมื่ออยู่ในค่ายอาคมเช่นนี้ จมูกจะได้กลิ่นหรือไม่ ก็ไม่ค่อยแตกต่างสักเท่าไหร่

แต่หลังจากนั้น…

ลำแสงกระบี่พุ่งออกมาจากด้านหลังม่านหมอกขาว

ลำแสงกระบี่เหล่านั้นโจมตีต่อเนื่องใส่ม่านพลังไฟของหลินเป่ยเฉิน

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

หมอกควันจากแรงระเบิดครอบคลุมทั่วร่างของหลินเป่ยเฉิน ผิวกายของเขาสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุ

ทุกคนที่รับชมการถ่ายทอดสดต่างก็ตัวสั่นเทาด้วยความตื่นตระหนก

“บุตรสาว เจ้าคิดกลั่นแกล้งพ่อหรือ?”

เสียงหัวเราะดังออกมาจากหลังหมอกควันร้อนระอุ

หลินเป่ยเฉินยังคงยืนหยัดอยู่ที่เดิมได้อย่างมั่นคง

“ค่ายอาคมของเจ้าน่ากลัวมาก แต่พลังโจมตีของเจ้ายังต่ำต้อยเกินไป ไม่สามารถทำอะไรข้าได้เลย ฮ่า ๆๆ บุตรสาวสุดที่รักของพ่อ เจ้าไม่สามารถทำอันตรายพ่อได้หรอก จงรับความพ่ายแพ้แต่โดยดีเถอะนะ”

หลินเป่ยเฉินยังคงพูดเจื้อยแจ้วต่อไป

ลำแสงกระบี่ของอีกฝ่ายไม่สามารถทำอะไรเขาได้

“ลิ้นรับรส… สูญสิ้น”

เสียงเย็นชาดังขึ้นอีกครั้ง

หลินเป่ยเฉินยืนนิ่งเฉย

สูญเสียประสาทการรับรสไปโดยทันที

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

ลำแสงกระบี่ยังคงยิงเข้ามาใส่ม่านพลังไฟของหลินเป่ยเฉินไม่หยุดยั้ง

หมอกควันร้อนระอุลอยขึ้นในอากาศ

ลำแสงกระบี่ถูกปลดปล่อยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ไม่ต่างจากพายุฝนโหมกระหน่ำ

มวลอากาศเกิดความปั่นป่วนจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

และท่ามกลางหมอกขาวเหล่านั้น ลำแสงกระบี่สายหนึ่งก็แฝงตัวอยู่ในกลุ่มลำแสงกระบี่อื่น ๆ ค่อย ๆ เข้าประชิดตัวหลินเป่ยเฉินอย่างแช่มช้า…

มันเป็นลำแสงกระบี่ที่ไม่มีทั้งพลังและความรวดเร็ว แต่แน่นอนว่าย่อมมีอันตรายถึงขีดสุด

และที่สำคัญก็คือลำแสงกระบี่สายนี้สามารถแทรกตัวผ่านม่านพลังไฟของหลินเป่ยเฉินเข้ามาได้อย่างเงียบงัน ไม่ต่างจากนักฆ่าผู้ซ่อนเร้นอยู่ในความมืด

“หืม?”

ใบหูของหลินเป่ยเฉินกระติกเล็กน้อย

เขาไม่ได้ยินเสียงอะไร

แต่รู้สึกว่ามีอันตรายกำลังจะเข้ามาถึงตัว

ทันใดนั้น ผิวหนังที่เกิดความรู้สึกร้อนผ่าวก็กลายเป็นเจ็บจี๊ดขึ้นมา

“บัดซบ!”

หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงคำราม ระเบิดพลังอัคคีเทวะออกมาได้ทันเวลา ลำแสงกระบี่สายนั้นจึงถูกทำลายลงไปได้อย่างเฉียดฉิว

แม้ว่าจะรอดพ้นอันตรายมาได้อย่างหวุดหวิด แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันแล้วว่า การต่อสู้ในขณะนี้ไม่เป็นใจกับหลินเป่ยเฉินแม้แต่น้อย

จังหวะนั้น ได้ยินเสียงของฉางจิ้งคงกล่าวขึ้นอีกครั้ง “สัมผัส… ปิดกั้น”

พริบตาต่อมา ความรู้สึกแปลกประหลาดก็กลืนกินไปทั่วร่างหลินเป่ยเฉิน

นี่คือประสบการณ์ที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน…

หลินเป่ยเฉินไม่สามารถรับรู้ได้ถึงแรงลม ความร้อนจากเปลวไฟ การเสียดสีของเสื้อผ้า น้ำหนักของชุดเกราะ…

แม้ว่ามือของเขาจะยังถือกระบี่อยู่ในขณะนี้ แต่ฝ่ามือของเขากลับไม่ได้มีความรู้สึกว่ากำลังจับด้ามกระบี่อยู่เลย

หัวใจกำลังร่ำร้องส่งสัญญาณเตือนบอกหลินเป่ยเฉินว่า เขากำลังตกอยู่ในวิกฤตแล้ว

ลมหายใจต่อมา เด็กหนุ่มกลับสามารถรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดบริเวณหน้าอก แผ่นหลัง แขนและขา

ประสาทสัมผัสการรับความเจ็บปวดไม่ได้ถูกปิดการทำงาน

เพราะมันเป็นการตอบสนองจากภายในกล้ามเนื้อ

ลำแสงกระบี่จำนวนมากทะลวงร่างของหลินเป่ยเฉิน

“อ๊ากกก…”

หลินเป่ยเฉินร้องโหยหวน “ลูกทรพี เจ้าทำร้ายบิดาได้อย่างไร”

ทันใดนั้น ลำแสงกระบี่ทั้งหมดก็ถูกพลังอัคคีเทวะเผาผลาญ

พลังอัคคีเทวะเผาไหม้อย่างรุนแรง เปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างในรัศมีห้าวารอบกายของหลินเป่ยเฉินให้กลายเป็นเถ้าถ่าน

รอบกายของเขาหลงเหลือแต่เพียงเปลวไฟร้อนแรงเท่านั้น

แม้แต่เถาวัลย์สายฟ้าก็ไม่มีข้อยกเว้น

โลหิตพุ่งกระฉูดออกมาจากร่างกายของหลินเป่ยเฉิน

เป็นบาดแผลที่เกิดขึ้นจากลำแสงกระบี่เมื่อสักครู่

ได้รับบาดเจ็บแล้ว

นับตั้งแต่ที่เข้าร่วมการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่ นี่คือครั้งแรกที่หลินเป่ยเฉินได้รับบาดเจ็บ

“ท่านพ่อโปรดฟังลูกให้ดี บัดนี้ท่านไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่ติดอยู่ในกับดัก ยิ่งดิ้นรนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทรมานมากเท่านั้น จงยอมรับความตายแต่โดยดีเถอะนะ”

ฉางจิ้งคงกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานออดอ้อนราวกับนางจิ้งจอกอีกครั้ง “ไม่ทราบว่าบัดนี้ ท่านยังอยากให้ข้าเรียกว่าท่านพ่ออยู่อีกหรือไม่?”

“เรียกสิ”

หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะ “ข้าจะตั้งใจรับฟังเป็นอย่างดี”

เขาหอบหายใจ รัศมีเปลวไฟตีวงแคบเข้ามา ระดับพลังเริ่มลดน้อยลง

“ฮิฮิ ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะทำตามความต้องการของท่าน”

“ท่านพ่อ”

“ท่านพ่อ”

“ท่านพ่อ”

“ข้าอุตส่าห์เรียกท่านตั้งหลายครั้ง ไม่ทราบรู้หรือยังข้ายืนอยู่ตำแหน่งใด?”

เสียงพูดของฉางจิ้งคงดังมาจากรอบกายหลินเป่ยเฉิน ทำให้เขาไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนได้เลย

“ยังไม่ทราบ… เจ้าช่วยเสียงดังอีกหน่อยได้หรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินยังคงตะโกนต่อไป

ลำแสงกระบี่ที่ทิ่มแทงเข้าใส่ร่างกายของเขาอีกครั้ง

โลหิตสาดกระจายอย่างน่ากลัว

เสื้อผ้าและชุดเกราะสีดำของเขากลายเป็นสีแดงสด

พื้นสะพานหินใต้เท้าหลินเป่ยเฉินเนืองนองด้วยโลหิต

“คิดไม่ถึงเลยนะว่าวันหนึ่งข้าจะต้องมาถูกสตรีทำร้ายเช่นนี้… นี่คงเรียกว่าเป็นการชดใช้กรรมแล้วสินะ?”

หลินเป่ยเฉินยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ราวกับว่าสูญเสียความสามารถในการป้องกันตนเองไปเรียบร้อยแล้ว

“ท่านพ่อ ท่านพ่อ ท่านพ่อ… นี่ยังไม่พออีกหรือ?”

เสียงของฉางจิ้งคงแทบจะดังอยู่ในหูของเขาแล้ว “จงเตรียมตัวตายซะ… ปิดกั้นใบหู”

สิ้นเสียงนั้น คลื่นพลังที่แปลกประหลาดก็ครอบคลุมจิตใจของเจี๋ยนเซียวเหยา

ฉางจิ้งคงต้องยอมรับเลยว่าแม้นางจะหลอกให้เจี๋ยนเซียวเหยามาติดกับดักของตนเองได้สำเร็จตั้งแต่แรก แต่เขาก็เป็นคู่ต่อสู้ที่มีความแข็งแกร่งในชนิดที่นางไม่เคยพบเจอมาก่อน

แต่ในที่สุด หญิงสาวก็มั่นใจแล้วว่าตนเองจะเป็นผู้ชนะ

เมื่อประสาทสัมผัสการรับรู้รูปรสกลิ่นเสียงถูกปิดกั้น…

ผู้คนก็ไม่เหลืออะไรอีก

หลังจากนี้…

ก็เหลือแค่การเผด็จศึกเท่านั้น

ด้านนอกค่ายอาคม

ฉางจิ้งคงโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์อย่างช้า ๆ และปลดปล่อยกระบี่เล่มหนึ่งเข้าไปในค่ายอาคม

นี่เป็นกระบี่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

มันมีความยาวเพียงหนึ่งเซียะเศษ แต่บนตัวกระบี่กลับลงอักขระเอาไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งอักขระเหล่านั้นก็กำลังเรืองแสงวิบวับระยิบระยับตา

นี่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่ากระบี่วายุพักตร์

กระบี่พุ่งเข้าไปกำลังจะฟันใส่กลางคิ้วของหลินเป่ยเฉิน

ปีศาจน้อยเจี๋ยนเซียวเหยากำลังจะถูกผ่าแยกร่างเป็นสองซีก

“จบสิ้นกันแต่เพียงเท่านี้ล่ะนะ… หืม?”

ฉางจิ้งคงผู้เข้าใจว่าตนเองสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมดอดอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจไม่ได้

เพราะบัดนี้ ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในค่ายอาคมอย่างไม่คาดฝัน!