ตอนที่ 1562 หึงหวง + ตอนที่ 1563 ทะเยอทะยานให้ได้มา Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1562 หึงหวง
เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกห่อเหี่ยวลูบมือเหมยซูหานไปมาพลางพูดปลอบโยน “ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรหรอก อย่างมากคุณอาก็คงด่าให้หายโมโห รอให้หาผู้หญิงที่เหมาะสมได้แล้วมีลูกให้ ก็ไม่เป็นไรแล้ว”
เหมยซูหานกลับไม่ได้มองโลกในแง่ดีขนนาดนั้น เขามีลางสังหรณ์บางอย่างแรงมาก
หนิงเฉินเซวียนไม่มีทางปล่อยเขาไว้แน่!
แต่เขาไม่อยากบอกเรื่องนี้กับเฮ่อเหลียนเช่อ อาเช่อมีเรื่องว้าวุ่นมากพอแล้ว เขาไม่สร้างเรื่องน่าปวดหัวเพิ่มให้อาเช่อ
เหมยซูหานพยักหน้าให้เฮ่อเหลียนเช่อเล็กน้อยแล้วไม่พูดอะไรอีก จากนั้นก็ปอกเปลือกลำไยต่อ ความจริงเขาก็ไม่อยากให้เฮ่อเหลียนเช่อแต่งงานมีภรรยาหรอก โลกของคนสองคน หากมีคนแปลกหน้าเข้ามาแทรกเขาคงไม่มีทางคุ้นชินแน่!
ในเรื่องความรักไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงก็ไม่มีใครใจกว้างอยากให้มีเรื่องด่างพร้อย!
เฮ่อเหลียนเช่อเผยรอยยิ้มอันสดใสให้เหมยซูหาน “วางใจเถอะ มีฉันอยู่นายไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้นแหละ!”
“อืม ออกรถเถอะ อย่าให้คนอื่นมาแย่งลูกม้าไปได้!” เหมยซูหานฝืนยิ้มออกมา พร้อมป้อนเนื้อลำไยให้เขา
เมื่อครู่เห็นเหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมย คิดไปคิดมาพวกเขาก็คงไปที่นั่นเพราะลูกม้าตัวนั้นแน่นอน หากเป็นสิ่งอื่นเขาคงเกลี้ยกล่อมให้เฮ่อเหลียนเช่อวางมือ แต่ลูกม้าตัวนั้นจะมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดของหนิงเฉินเซวียน
ช่วงนี้ความสัมพันธ์ระหว่างหนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนเช่อตึงเครียดมาก หวังว่าเจ้าลูกม้าน้อยตัวนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกดีขึ้นมาบ้าง
ดังนั้นเขาหวังว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะได้ลูกม้าตัวนี้ไป!
งั้นคงทำได้แค่ขอโทษเหมยเหมยแล้วล่ะ
เฮ่อเหลียนเช่อมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม “ของที่ฉันอยากได้ ใครก็แย่งไปไม่ได้ทั้งนั้น!”
เพราะเจ้าบ้าปาเกินที่ไม่รู้กาลเทศะนั่น เอาแต่บอกว่าจะเลือกคนที่วาสนาต่อกันให้ลูกม้า ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ถ่อมาถึงทุ่งหญ้าด้วยตัวเองหรอก
เหมยเหมยเองก็เห็นเหมยซูหานแต่เขาไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมาก แค่ดูเหมือนจะโทรมลงไปบ้าง อีกอย่างความเศร้าโศกที่แสดงผ่านหว่างคิ้วช่างลึกซึ้ง เห็นได้ชัดเจนว่าเหมยซูหานไม่ได้มีชีวิตที่ดีนัก
ธุรกิจของเหมยซูหานเติบโตเครือข่ายกว้างขวางกว่าชาติที่แล้ว แต่โดยทั่วไปเขาเป็นคนถ่อมตัว น้อยมากที่จะเปิดเผยตัวต่อหน้าสาธารณะชน คนในเมืองหลวงที่รู้จักเขาจึงมีอยู่น้อยนิด
แม่เหมยสุขภาพร่างกายแข็งแรงมาตลอด ไม่มีทางจากไปเร็วเหมือนชาติก่อนแน่นอน พ่อของเหมยเหมยซูหานกลับเป็นเหมือนชาติก่อน กินเหล้าติดการพนัน ไม่เอาการเอางาน แต่ในชาตินี้พ่อของเหมยซูหานจากไปเร็วกว่าชาติก่อนหนึ่งปี
เมื่อเพิ่งถึงช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ คนชั่วที่เลี้ยงเปลืองข้าวสุกใช้ชีวิตเหมือนชาติก่อน ดื่มเหล้าเยอะจนพลัดตกลงไปในคูคลอง คืนนั้นไม่มีใครเห็นจึงตัวแข็งตาย
แต่เหมยซูหานเกลียดพ่อตัวเองเข้ากระดูกดำ เขาตายไปคงจะมีความสุขมากกว่าไม่มีทางเสียใจหรอก เช่นนั้นเหตุที่เขามีชีวิตที่ไม่ดีนักคงเป็นเพราะเฮ่อเหลียนเช่อสินะ
“ตอนนี้เหมยซูหานกับเฮ่อเหลียนเช่อเป็นอย่างไรบ้าง?” เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะถามถึง
เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองเธอครั้งหนึ่ง กลิ่นอายความหึงหวงเริ่มแผ่กระจาย ทำไมจู่ ๆถึงได้ถามถึงเหมยซูหาน?
“พี่คิดไปถึงไหนเนี่ย? ฉันแค่ถามไปเรื่อยเปื่อย” เหมยเหมยเอาเมล็ดสนที่แกะเสร็จเมื่อครู่ยัดเข้าปากเหยียนหมิงซุ่น พร้อมส่งสายตาเอือมระอาให้
ฉิวฉิวถอยกลับไปยังมุมเก้าอี้แล้วแทะกินไม่หยุดอย่างเอร็ดอร่อย ในกล่องกระดาษเต็มไปด้วยเปลือกเมล็ดสน
เหยียนหมิงซุ่นเคี้ยวเมล็ดสนในปากอย่างพอใจ รสชาติที่สาวงามป้อนช่างไม่เลวเลย อารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย
“พวกเขาทั้งสองรักกันจริง หลายปีมานี้ต่อให้มีอุปสรรคก็ไม่เคยแยกจากกัน แต่หนิงเฉินเซวียนไม่เห็นด้วยมาตลอด มักยัดเยียดผู้หญิงให้เฮ่อเหลียนเช่อเสมอ” เหยียนหมิงซุ่นพูดออกไปคร่าว ๆ
มีบางอย่างที่เขาไม่ได้พูด หนิงเฉินเซียนโหดเหี้ยมไร้ความปราณี เขามีใจปรารถนาให้เฮ่อเหลียนเช่อแต่งงานมีลูก เกรงว่าจะลงมือจัดการกับเหมยซูหานอย่างทารุณ
แต่เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับเขา เฮ่อเหลียนเช่อเป็นศัตรูกับเขา เหมยซูหานก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา
เหมยเหมยถอนหายใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เธอเข้าไปยุ่งไม่ได้และไม่อยากยุ่งด้วย
ออกเดินทางในตอนเช้าและหยุดพักมาตลอดทาง จนในที่สุดก็ถึงบ้านของฉีฉีเก๋อช่วงพลบค่ำ
ทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไพลศาล ครอบครัวของฉีฉีเก๋อกลับไม่ได้พักอยู่ในบ้านแบบมองโกเลีย แต่อยู่ในบังกะโลที่ไม่สูงมากนักแต่มีห้องเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเพิงม้า[1] ช่วงฤดูหนาวที่นี่จะอากาศหนาวจัดจึงขังม้าไว้ในบ้าน น้อยมากที่จะปล่อยออกไป
………………………………………………………..
ตอนที่ 1563 ทะเยอทะยานให้ได้มา
พ่อของฉีฉีเก๋อร่างสูงใหญ่กำยำ ผิวกายแดงคล้ำ สวมใส่เสื้อคลุมมองโกเลีย พูดภาษจีนกลางได้อย่างชัดเจน นิสัยดิบเถื่อนแข็งกระด้างและติดจะปากร้ายหน่อย ๆ แต่ต้อนรับอย่างอบอุ่น แม่ของฉีฉีเก๋อเป็นหญิงที่ดูใสซื่อ ภาษาจีนกลางไม่ดีนักและไม่ค่อยพูดด้วย เป็นคนขี้อายแต่เอาการเอางานมาก สามารถทำอาหารประจำแถบทุ่งหญ้าได้รสชาติต้นตำหรับมาก
ฉีฉีเก๋อมีพี่ชายอีกสามคนล้วนแต่งงานไปหมดแล้ว ซึ่งแต่งกับสาวในแถบทุ่งหญ้าและอยู่ช่วยงานที่สนามม้า
ในสนามม้านอกจากแขกสองกลุ่มอย่างเหมยเหมยกับพวกเฮ่อเหลียนเช่อแล้ว ยังมีแขกอีกหนึ่งกลุ่ม บางส่วนมาจากฮ่องกง ซึ่งการพนันม้าเป็นที่นิยมมากในฮ่องกงจนถือเป็นแขกขาประจำของบ้านฉีฉีเก๋อไปแล้ว
ฉีฉีเก๋อจัดเตรียมห้องพักที่ดีที่สุดในบ้านไว้ให้เหมยเหมยเป็นพิเศษ เพราะบ้านของเธอมีชื่อเสียงและห่างไกลจากตัวเมือง ดังนั้นห้องพักภายในบ้านจึงจัดเตรียมไว้เสมอ หนำซ้ำยังสะอาดสะอ้านเหมือนกับโรงแรมเลย
“ช่วงฤดูหนาวอาป๊าและคนอื่นก็จะอยู่บ้าน พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นพวกเขาก็จะออกไปเลี้ยงสัตว์ อาป๊าบอกว่าม้าที่ดีไม่ควรเลี้ยงไว้ในเพิง” ฉีฉีเก๋อพูดเสียงเจื้อยแจ้ว พอเธอกลับมาถึงบ้านก็ร่าเริงราวกับลูกนกเห็นป่าเขาลำเนาไพรเสียอย่างนั้น “อาป๊า อาม๊า ดูภาพวาดของหนูสิ เพื่อนหนูวาดให้ สวยไหมคะ?”
ฉีฉีเก๋อหยิบภาพวาดที่บรรจุใส่กรอบเรียบร้อยแล้วออกมา แล้วอวดต่อหน้าพ่อแม่ของเธอโดยใช้ภาษามองโกเลียแจ้ว ๆ
ลุงปาเกินและภรรยาต่างมองอย่างตกตะลึงแล้วก็พูดเจื้อยแจ้วไม่กี่คำ ซึ่งน่าจะกำลังชื่นชมอยู่ ฉีฉีเก๋อหัวเราะร่าเสียงก้องกังวานอย่างอารมณ์ดี
เฮ่อเหลียนเช่อดูออกว่าเหมยเหมยสนิทสนมกับครอบครัวของฉีฉีเก๋อ แล้วก็จำได้ว่าฉีฉีเก๋อนั่งรถกลับมาพร้อมกับพวกเหมยเหมย จึงมีท่าทีดูเคร่งขรึมขึ้นมาทันทีแล้วกวักมือเรียกลูกน้องนายหนึ่งเข้ามา
“ผู้หญิงถึกนั้นเป็นใคร? แล้วเป็นอะไรกับเหมยเหมย?”
ลูกน้องแสดงท่าทีอึดอัดใจไปชั่วขณะ เมื่อครู่เขาได้สอบถามลูกชายของลุงปาเกินมาแล้ว เขาถอยหลังไปหลายก้าวถึงรายงานด้วยอาการตัวสั่น
“ไอ้พวกไร้ประโยชน์ ฉันเลี้ยงพวกแกไว้ทำไม…”
เฮ่อเหลียนเช่ออารมณ์เสียเอามาก ทั้งด่าทั้งถีบแต่กลับถีบโดนอากาศ ทว่าหันหลังไปไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ลูกน้องต่างถอยกรูไปไกลหลายเมตร ทันใดนั้นจึงโมโหสุดขีด
“แกกล้าหลบฉันเหรอ? ยังเห็นหัวฉันอยู่ไหม!”
ในจังหวะที่เท้าของเฮ่อเหลียนเช่อห่างจากตัวลูกน้องเพียงแค่ครึ่งฟุต เหมยซูหานก็รีบปรี่เข้ามาปรามเฮ่อเหลียนเช่อไว้ พูดจาดีด้วยไม่กี่คำถึงเกลี้ยกล่อมเขาได้ ลูกน้องปาดเหงื่อพลางตะเกียกตะกายลุกออกไป รู้สึกขอบคุณเหมยซูหานจริง ๆ
หลายปีมานี้มีเหมยซูหานอยู่ด้วยพวกเขาจึงใช้ชีวิตดีขึ้นไม่น้อย ไม่เหมือนแต่ก่อนที่พอจัดการอะไรไม่สำเร็จก็จะถูกคุณชายเช่อซ้อมจนปางตาย
“ไอ้หมาขี้เรื้อนเหยียนหมิงซุ่น กล้าที่จะเล่นไม่ซื่อกับฉัน น่าโมโหนัก!”
เฮ่อเหลียนเช่อตึงตังกลับห้องด้วยความโมโห ชกกำปั้นลงโต๊ะ ความมั่นใจที่มีตอนมาหายไปมาก
เหมยซูหานถอนหายใจ เขาเองก็อารมณ์ไม่ดี หากว่าเฮ่อเหลียนเช่อไม่สามารถเอาลูกม้าตัวน้อยกลับไปได้ หนิงเฉินเซวียนต้องดุแน่ สิ่งที่ต้องหนักใจที่สุดก็คือหากเหยียนหมิงซุ่นได้ลูกม้าตัวน้อยนั่นไป ไม่รู้เลยว่าหนิงเฉินเซวียนจะโมโหขนาดไหน!
“เหอะ…ฉันต้องได้ลูกม้าตัวนั่นมา หากหาเรื่องให้ฉันโมโหก็จะเผาสนามม้านี้ทิ้งให้สิ้นซาก!”
น้ำเสียงดุดันของเฮ่อเหลียนเช่อดังขึ้น เหมยซูหานใจเต้นรัวและปวดหัวยิ่งกว่าเดิม
เขากัดฟันแน่น ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว
อาหารมื้อค่ำอุดมสมบูรณ์มาก เพื่อต้อนรับแขกจากแดนไกลลุงปาเกินจึงฆ่าแกะอ้วนสองตัว พร้อมก่อกองไฟให้ทุกคนนั่งล้อมย่างเนื้อแกะ เนื้อแกะอันโอชะทำให้ทุกคนอิ่มแปร้อย่างพึงพอใจ
เหมยซูหานกลับไม่มีความอยากอาหาร เอาแต่ใจลอยเหม่อมองเหมยเหมยเป็นพัก ๆ
เหมยเหมยกระเพาะเล็กจึงกินไปเพียงไม่กี่ชิ้น เหยียนหมิงซุ่นและพวกผู้ชายพากันดื่มเหล้า เหมยเหมยบอกเขาก่อนจะปลีกตัวกลับห้องไปพักผ่อน เหมยซูหานเองก็ออกจากงานเลี้ยงตามไปติด ๆ
………………………………………………………………..
[1] สิ่งปลูกสร้างมีทั้งชนิดชั่วคราวขนาดเล็ก และชนิดถาวร ประกอบด้วยหลังคาปีกเดียวแหงนอยู่โดยไม่ติดกับอะไร ซึ่งในที่นี้หมายถึงทำเป็นคอกม้าชั่วคราว ใช้เพื่อเลี้ยงม้าในช่วงฤดูหนาว