ตอนที่ 1375: ทุกคนกลายเป็นเซียนราชา (1)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1375: ทุกคนกลายเป็นเซียนราชา (1)

โหยวเยว่ยิ้มอย่างรู้สึกผิด “น้องไป๋เหลียน, ท่านตา โปรดยกโทษให้ข้าด้วย แต่ที่ข้าเก็บมันไว้เป็นความลับไว้เพราะเรื่องนี้น่าตกใจมากเกินไป ข้าเองยังเคยรู้สึกว่ามันราวกับนิทานตอนที่ข้ารู้เรื่องนี้จากท่านอาจารย์ มันยากมากกว่าข้าจะยอมรับได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ข้าไม่ได้บอกพวกท่านทันทีที่ข้ารู้เกี่ยวกับตัวตนของเสี่ยวจิน”

เจี้ยนเฉินคิดถึงจิตวิญญาณโลหะที่ซ่อนอยู่ในเหมืองโลหะลึกในขณะที่โหยวเยว่อธิบายเรื่องนี้ จิตวิญญาณกระบี่ได้ค้นพบการดำรงอยู่ของมันนานมาแล้วแต่มันก็ยังไม่เติบโตเต็มที่ ดังนั้นเขาจึงทิ้งมันไว้ในโลหะผสมที่แข็งกร้าว แม้กระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างในตอนนั้น เทียนเจี้ยน ก็ไม่สามารถเจาะลึกลงไปได้ เขาจึงต้องทิ้งมันไว้ที่นั่น

เขาไม่เคยคิดเลยว่าจิตวิญญาณโลหะจะเติบโตเต็มที่ก่อนที่เขาจะกลับไปที่เมืองและสามารถทนต่อความยากลำบากอย่างสาหัสเพื่อรับร่างมนุษย์ มันทรงพลังมาก

สายตาที่เจี้ยนเฉินมองเสี่ยวจินค่อนข้างแปลกหลังจากที่เขาได้รู้ถึงตัวตนของเสี่ยวจิน เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถบอกได้ว่าความไร้เดียงสาของเสี่ยวจินเป็นเหมือนเด็กทารกเกิดใหม่ เขาเป็นเด็กที่ดูไม่เป็นอันตราย แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็คือจอมยุทธ์ขอบเขตดั้งเดิม ซึ่งเจี้ยนเฉินยังไม่ค่อยอยากจะยอมรับเรื่องนี้

เขาได้เรียนรู้จากจิตวิญญาณกระบี่ว่าวิญญาณโลหะนั้นน่าทึ่งเพียงใดและมันยังมีศักยภาพในอนาคตที่ไม่จำกัด อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่อยากเชื่อว่ามันจะกลายเป็นจอมยุทธ์ขอบเขตดั้งเดิมทันทีที่มันมีชีวิต

ท้ายที่สุดมีจอมยุทธ์ขอบเขตดั้งเดิมเพียง 5 คนแม้แต่ในสมัยโบราณ หากละเว้นหนึ่งจากศาลาเทพธิดาน้ำแข็ง ก็ยังมีสี่สุดยอดจอมยุทธมนุษย์, สัตว์อสูร, เผ่าพันธุ์ทะเล, และร้อยเผ่าพันธุ์ นี่เกินพอที่จะชี้ให้เห็นว่าพวกเขามีน้อยแค่ไหน

ถึงตอนนี้มีจอมยุทธ์ขอบเขตดั้งเดิมเพียง 2 คนในทวีปเทียนหยวน

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เจี้ยนเฉินสับสนมากขึ้นคือสาเหตุที่เสี่ยวจินปรากฎตัวในเมืองอัคนีหลังจากแปลงเป็นมนุษย์และทำไมเสี่ยวจินจึงมองเขาด้วยสายตาที่ไว้วางใจ เสี่ยวจินไม่ได้มีปฏิกิริยาเช่นนี้กับไป๋เหลียนและคนอื่น ๆ ซึ่งเจี้ยนเฉินก็ไม่สามารถเข้าใจได้ไม่ว่าเขาจะครุ่นคิดอย่างไรก็ตาม

“ทวีปเทียนหยวนกำลังเผชิญกับหายนะ โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งกำลังบุกโลกของเรา เรากำลังต้องการพลังที่แข็งแกร่งในช่วงเวลาสำคัญนี้ การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเสี่ยวจินนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขาจะขาดความรู้ในหลาย ๆ ด้าน เราต้องสอนเขาให้มากในอีกไม่กี่วันข้างหน้าโดยเฉพาะทักษะเกี่ยวกับการต่อสู้” เจี้ยนเฉินกล่าว

ไม่นานหัวข้อการสนทนาก็เปลี่ยนจากเสี่ยวจิน

“ในตอนนี้พี่หมิงตงกำลังฝึกฝนอยู่ในห้องลับที่เราเตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับเขาในเมืองอัคนี เขากลายเป็นเซียนผู้คุมกฏ และเราก็ไม่ทราบว่าเขาไปถึงระดับใดแล้ว อย่างไรก็ตามความสามารถของพี่หมิงตงนั้นมากกว่าท่านตาแน่นอน ความเร็วในการฝึกฝนของเขาทำให้ท่านตาอึ้ง”

เจี้ยนเฉินขยายวิญญาณของเขาและสำรวจไปรอบ ๆ อันที่จริงเขาพบหมิงตงกำลังฝึกฝนลึกลงไปใต้ดิน 1,000 เมตร เขาพัฒนาลุดหน้าได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 8 แล้ว

เจี้ยนเฉินมองตู่กูเฟิงเงียบ ๆ ที่โต๊ะ ตู่กูเฟิงเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ติดตามแรกสุดของเขา เขาได้พบกับตู่กูเฟิงพร้อม ๆ กับหมิงตงเมื่อพวกเขาแข่งขันกันในงานชุมนุมทหารรับจ้างในเมืองทหารรับจ้าง

ตู่กูเฟิงนั้นไม่ทรงพลังเท่ากับหมิงตงในการแข่งขัน แต่ความแตกต่างระหว่างทั้งสองนั้นก็ไม่ได้มีมากนัก ตอนนี้หมิงตงได้กลายเป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 8 ไปแล้ว ในขณะที่ตู่กูเฟิงยังคงเป็นเซียนสวรรค์

“ตู่กูเฟิงไม่ได้แย่ เขายังคงเป็นผู้อาวุโสคุมวินัยของเมืองอัคนีเป็นเวลานานมาก ซึ่งทำหน้าที่รับใช้อย่างมีเกียรติสำหรับกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี เขายังผลักดันการฝึกฝนของตัวเอง คงเป็นไปไม่ได้ที่กลุ่มทหารรับจ้างจะมีความมั่นคงเหมือนที่เป็นอยู่ในขณะนี้โดยไม่มีตู่กูเฟิง” ไป๋ไฮกล่าว สายตาที่เขามองตู่กูเฟิงนั้นเต็มไปด้วยความเมตตา

“ใช่ ข้าไม่ต้องการให้ตู่กูเฟิงลำบากเพราะกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีและท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้ฝึกฝนเลย ข้าพยายามโน้มน้าวให้ตู่กูเฟิงกลับไปยังตระกูลในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่เขาจะกลับมาอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้” ไป๋เหลียนกล่าวเสริม ตู่กูเฟิงได้บริจาคเงินจำนวนมากเพื่อขยายกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี

“พรสวรรค์ของข้าไม่ได้ใกล้เคียงกับพรสวรรค์ของหมิงตง มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะไล่ตามเขา ไม่ว่าข้าจะพยามบ่มเพาะมากเพียงใด เมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าจึงทำบางสิ่งที่มีความหมายมากกว่า” ตู่กูเฟิงตอบ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยิ้มด้วยใบหน้าที่แน่วแน่

“ตู่กูเฟิง เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับพรสวรรค์ ข้ามีวิธีการเปลี่ยนแปลงพรสวรรค์ของเจ้า และมันจะช่วยให้เจ้ากลายเป็นเซียนราชาในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ข้ายังมั่นใจว่าเจ้าจะได้เป็นเซียนจักรพรรดิในอนาคต” เจี้ยนเฉินบอกกับตู่กูเฟิง เขาไม่มีสหายที่เขาไว้วางใจจริง ๆ มากนัก แต่ตู่กูเฟิงก็เป็นหนึ่งในนั้น

หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็ถามเกี่ยวกับอ้วนน้อยและคนอื่น ๆ

“อ้วนน้อย ศิษย์พี่อัน, หยุนเจิ้ง, และหวังยี่เฟิงยังไม่กลับมาตั้งแต่ออกเดินทางเพื่อฝึกฝนตัวเองในทวีปนี้ เราได้รับข่าวจากพวกเขาเป็นครั้งคราวเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทำได้ดีในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา” ไป๋เหลียนกล่าว

“เหลียนเอ๋อ สั่งให้กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีค้นหาพวกเขาและพาพวกเขากลับมาที่เมืองอัคนีโดยเร็วที่สุด” เจี้ยนเฉินสั่ง ภัยพิบัติกำลังใกล้เข้ามา เขาต้องการใช้ทรัพยากรในมือเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง

สามวันต่อมาไป๋เหลียน, โหยวเยว่, ตู่กูเฟิง, ไป๋ไฮ, หวงหลวนและหมิงตงถูกนำตัวไปยังภูเขาที่มีเหมืองโลหะผสมที่เคยเป็นของเจี้ยนเฉิน อย่างไรก็ตามเทือกเขาที่กว้างใหญ่ก็ดูธรรมดา มันไม่ได้โด่งดังเหมือนเมื่อก่อน นับตั้งแต่จิตวิญญาณโลหะดูดซับแก่นของโลหะทั้งหมด โลหะผสมที่แข็งแกร่งก็กลายเป็นหินธรรมดา

“เจี้ยนเฉิน,ทำไมเจ้าพาเรามาที่นี่ ? ” หมิงตงถามด้วยความสับสนขณะที่เขามองไปรอบ ๆ เขาเพิ่งโผล่ออกมาจากการบ่มเพาะ

“สถานที่นี้เปิดกว้างพอ มันเป็นสถานที่ที่ดี ข้าวางแผนที่จะทำให้ทุกคนตัดผ่านระดับที่นี่” เจี้ยนเฉินกล่าว

“ให้พวกเราทุกคนตัดผ่านรึ ? เจี้ยนเฉิน เจ้าได้รับสมบัติสวรรค์ที่น่าทึ่งมาอย่างนั้นหรือ ? ” ดวงตาของหมิงตงเป็นประกายขึ้นมาและความสนใจของเขาก็พองโตในทันที

เจี้ยนเฉินพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ ข้าได้รับสมบัติสวรรค์บางอย่างมา มันเพียงพอที่จะทำให้ความแข็งแกร่งของเจ้าพุ่งสูงขึ้น หมิงตง ตอนนี้เจ้าเป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 8 แล้วและพรสวรรค์ของเจ้าก็น่าประทับใจมาก มันเป็นไปได้ที่เจ้าจะตัดผ่านเป็นเซียนราชาด้วยโอกาสนี้ หรือเจ้าอาจกลายเป็นเซียนจักรพรรดิเลยก็ได้”

อะไรนะ ! หมิงตงตกใจอย่างมาก เขาจ้องเจี้ยนเฉินด้วยสายตาที่ไม่เชื่อ แม้แต่โหยวเยว่, หวงหลวน, ไป๋ไฮและคนอื่นก็เหมือนกัน

เจี้ยนเฉินไม่อยากเสียเวลา ก่อนอื่นเขาใช้เลือดของเจ้าศาลาเทพเจ้าอสรพิษเพื่อเสริมกำลังร่างกายของพวกเขา หลังจากนั้นเขาจึงใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์ของทะเลวิญญาณเพื่อเปลี่ยนพื้นฐานร่างกายและพรสวรรค์ของพวกเขา ในท้ายที่สุดเขาก็เอาดอกไม้เชื่อมสวรรค์, ลูกท้อเมฆม่วง และใบชาหยั่งรู้สองสามใบออกมาจากวัตถุมิติเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับพวกเขา

เจี้ยนเฉินไม่ตระหนี่เลย ลูกท้ออมตะสามารถบริโภคได้เพียงครั้งเดียวในรอบร้อยปี ดังนั้นเพื่อที่จะเพิ่มความแข็งแรงให้มากที่สุดเขาจึงไม่กังวลกับการสูญเสียสิ่งใดอีกต่อไป เขานำลูกท้อเมฆม่วงระดับ 5 และใบชาหยั่งรู้ และใช้น้ำที่ดีที่สุดที่เขามีในการชงชา