ตอนที่ 1262 กลับมาเยือนอีกครั้ง

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ

จุดหมายปลายทางอยู่ที่โรงแรมแกรนด์สตอกโฮล์ม

มูลนิธิโนเบลก็ทำเหมือนช่วงสองสามปีก่อน พวกเขาทำสัญญาเช่าทั้งโรงแรมเพื่อให้โรงแรมให้บริการเพียงผู้ได้รับรางวัลโนเบลและสมาชิกครอบครัวของพวกเขาเท่านั้น

สิ่งที่แตกต่างไปจากครั้งก่อนๆ ก็คือในครั้งนี้บรรยากาศของมันยิ่งใหญ่อลังการมาก

ลู่โจวเห็นจุดตรวจที่ตำรวจในท้องที่ตั้ง ถนนแทบทุกสายที่มุ่งหน้าไปยังโรงแรมแกรนด์สตอกโฮล์มมีการควบคุมการจราจรเกือบทั้งหมด รถที่ขับผ่านไปผ่านมาต่างได้รับการตรวจสอบ

“ปีนี้ดูเหมือนระบบรักษาความปลอดภัยจะเข้มงวดเป็นพิเศษนะ?”

หวังเผิงยิ้มแล้วอธิบายว่า “ก็มีแขกพิเศษกำลังมานี่ครับ นี่ก็ปกติแล้ว”

ลู่โจว “แต่นี่มันจะไม่เยอะไปหน่อยเหรอ”

“ไม่เยอะไปหรอกครับ” คนขับที่นั่งข้างหน้าพูดแทรกด้วยรอยยิ้ม เขาเสริมว่า “ในมุมหนึ่งพวกเขากังวลว่าจะมีบางอย่างผิดพลาดเกิดขึ้นมากกว่าที่พวกเรากังวลเสียอีก กันไว้ดีกว่าแก้น่ะครับ”

ในขณะที่พวกเขากำลังพูดอยู่นั้น ขบวนรถได้มาถึงทางเข้าโรงแรมแกรนด์สตอกโฮล์มในที่สุด

เจ้าหน้าที่ในชุดทางการคนหนึ่งก้าวขึ้นมาข้างหน้า เธอเปิดประตูรถให้ลู่โจวและคนอื่นๆ แล้วเธอก็พาคนทั้งกลุ่มไปยังห้องพักของตัวเอง

เฉินยู่ซานมองห้องพักอันกว้างขวาง เธอนั่งอยู่ที่ขอบเตียงแล้วก็พูดด้วยอารมณ์หวนนึกถึงว่า “รู้สึกแปลกมากเลย…มันผ่านมาห้าปีแล้ว”

“อย่างนั้นเหรอ”

ลู่โจวก็มีอารมณ์หวนนึกถึงสมัยก่อนเหมือนกัน

เขาเคยอยู่ที่นี่เมื่อห้าปีก่อน เขาอยู่ในห้องเดิมกับเมื่อตอนนั้นด้วยซ้ำไป

สิ่งที่ต่างกันน่าจะมีแค่เรื่องสภาพจิตใจของเขาที่ต่างจากตอนนั้นโดยสิ้นเชิง

ลู่โจวมองออกไปนอกหน้าต่างในขณะที่เขากำลังรำลึกอดีต เฉินยู่ซานถามขึ้นมาทันทีว่า

“จะว่าไปแล้วพ่อกับแม่ของนายจะมาที่นี่ตอนไหนนะ?”

“พวกเขาน่าจะถึงปักกิ่งแล้ว และก็น่าจะมาถึงที่นี่พรุ่งนี้เช้า”

ระหว่างที่ลู่โจวนั่งรถมาเมื่อครู่ เขาก็ส่งข้อความทางวีแชทไปหาพ่อกับแม่

พวกเขาควรจะได้นั่งเครื่องบินมาด้วยกัน แต่เพื่อหลีกเลี่ยงพวกนักข่าวและขจัดปัญหาการจราจรบริเวณสนามบิน หลังจากที่คุยกับหน่วยงานของประเทศจีนและสวีเดนแล้ว จึงสรุปว่าเขาจะนั่งเที่ยวบินมาก่อนหน้าพ่อกับแม่หนึ่งวัน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บินพร้อมกับพ่อแม่ของเขามาที่สนามบินสตอกโฮล์มอาร์ลันดา

พ่อกับแม่ของเขาเพิ่งจะบินจากเจียงเฉิงไปปักกิ่งต้องใช้เวลาสักพักกว่าพวกเขาจะได้ขึ้นเครื่องต่อมาสตอกโฮล์ม

ส่วนเสี่ยวถงก็เพิ่งขึ้นเครื่องบินจากนิวยอร์กเพื่อมาที่นี่เอง เธอน่าจะมาถึงที่สตอกโฮล์มตอนเช้าวันพรุ่งนี้เหมือนกัน

พิธีมอบรางวัลจะจัดตอนเวลาบ่ายสามโมงของวันพรุ่งนี้จึงไม่มีความจำเป็นต้องรีบเร่งอะไร

“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันไม่รบกวนนายละ ฉันจะกลับไปห้องตัวเองแล้วก็ไปนอนสักพัก แล้วเจอกันคืนนี้นะ”

เฉินยู่ซานลุกขึ้นจากเตียงแล้วบิดตัวไปมา เธอพูดพร้อมกับรอยยิ้มว่า

“แต่ก่อนหน้านั้นฉันจะไปเอาของออกจากกระเป๋าก่อน พระเจ้า เดินทางเหนื่อยชะมัดเลย”

“เจอกันคืนนี้เหรอ?”

ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ภาพฉากในห้องน้ำเครื่องบินแวบเข้ามาในหัวลู่โจวอีกครั้ง

มนุษย์ก็เป็นเสียแบบนี้ พอสมองเชื่อมโยงได้แล้วก็ไม่มีทางหยุดความคิดไม่ให้บังเกิดให้หัวของคนคนหนึ่งได้

เมื่อเห็นใบหน้าที่ว่างเปล่าของลู่โจว เฉินยู่ซานก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ทันที เธอหน้าแดงพลางพูดโพล่งขึ้นมาว่า “นายคิดเรื่องอะไรของนายอยู่น่ะ?!

ฉันแค่จะชวนพวกเราไปสถานที่ที่พวกเราไปมาเมื่อครั้งที่แล้ว นายไม่อยากไปดื่มหรือไงกัน?”

หลังจากนั้นประตูก็ปิดดังปัง ร่างของหญิงสาวผู้งดงามหายไปแล้ว

หลังจากที่เฉินยู่ซานเดินออกไป ลู่โจวก็นิ่งสนิท เขาเงียบไปสักพักหนึ่ง

ถึงเขาจะยังไม่ได้ทำอะไร แต่เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองเผลอทำอะไรที่ไม่สุภาพออกไปแล้ว

ถ้าอย่างนั้นเราจะยังไปดื่มกันใช่ไหม?

ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะยกเลิกแผนนี้เสียหน่อย…

สำหรับลู่โจวแล้ว ปัญหาเรื่องนี้น่าสับสนเสียยิ่งกว่ากลศาสตร์ควอนตัมเสียอีก

อะไรก็ช่างเถอะ เดี๋ยวก็รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อ…

หลังจากนั่งเครื่องบินมามากกว่าสิบชั่วโมง แค่คิดเรื่องพวกนั้นก็ทำให้เขาปวดหัวแล้ว

ลู่โจวรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย เขาหยิบหลอดยาให้พลังงานจากมิติระบบมาแล้วดื่มเข้าไป

หลังจากที่รอให้ความรู้สึกเหนื่อยล้าจางหายไปจากร่างกายจนหมด ลู่โจวก็หยิบงานวิจัยที่เขายังอ่านไม่จบออกมาจากกระเป๋าเดินทาง เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะ

ผู้ประพันธ์งานวิจัยนี้คือรูดี้ ด็อบริก ศาสตราจารย์อนุภาคฟิสิกส์ชาวเบลเยียมที่มหาวิทยาลัยบรัสเซลส์ เขาถือว่าเป็นหน้าใหม่ที่ทำผลงานโดดเด่นในกลุ่มนักฟิสิกส์รุ่นใหม่ที่ได้รับการฝึกฝนมาจาก ILHCRC

แต่ถึงแม้เขาจะเป็นหน้าใหม่ แต่เขาก็อายุเกือบ 40 หรือ 50 ปีเข้าไปแล้ว โปรเจกต์ที่เขาทำอยู่นั้นเป็นโปรเจกต์วิจัยความผิดปกติของแรงโน้มถ่วงมิติต่ำในอนุภาคซี และพยายามค้นหาว่าอนุภาคซีปล่อยอะไรออกมาเมื่อมันร่วงลงจากมิติสูงไปยังมิติต่ำ

โดยพื้นฐานแล้วก็คือพวกเขาเขียนไว้ในรายงานการทดลองว่าพบว่ามีปลาทองที่ปล่อย ‘ฟองอากาศ’ ออกมา

ลู่โจวอ่านงานวิจัยอีกครั้ง เขามีท่าทางสนอกสนใจ

“น่าสนใจ…

อะไรคือสารที่หายไปในยานอวกาศกันนะ? สสารมืด…หรือจะเป็นพวกสสารเดี่ยว? หรือจะมาจากเดอะวอยด์?

“ไม่…จากเดอะวอยด์นี่ไม่น่าเป็นไปได้ อนุภาคซียังอยู่ในมิติ n เมื่อมันย้ายจากมิติ n ไปมิติ n-1 จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมวลเกิดขึ้น เดอะวอยด์ควรจะเป็นสถานที่ที่มีสถานะมั่นคงอยู่ในจักรวาลพื้นฐาน ไม่อย่างนั้นแล้วอารยธรรมของจักรวาลเก่าคงจะไม่ไปติดอยู่ในนั้น”

แน่นอนว่านี่ก็เป็นเพียงข้อคาดการณ์เท่านั้น

ลางสังหรณ์ทางวิทยาศาสตร์ของเขาของเขากำลังบอกว่าถึงแม้ทฤษฎีวอยด์สามารถอธิบายปัญหาพิเศษบางเรื่องได้ แต่มันก็เป็นทฤษฎีที่อันตราย

ในทางทฤษฎีแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรู้ว่าอะไรอยู่ข้างใน ดูเหมือนว่าปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่ระบุสาเหตุได้ไม่ชัดเจนอาจจะเกี่ยวข้องกับเดอะวอยด์บางส่วน

ที่ว่ามาก็ฟังดูเหมือนจะเข้าเค้า

แต่ก็ทำให้ง่ายต่อการตกสู่กับดักของแนวคิดอไญยนิยม[1]

ฟิสิกส์ควรจะเป็นศาสตร์ที่สมบูรณ์แบบ อดทน และมีกฎเกณฑ์เข้มงวด มันควรจะอนุญาตให้มีตัวตนของ ‘วิญญาณนิยม[2]จักรวาล’ แต่มันไม่ควรจะทำให้คนผลักสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจหรืออธิบายไม่ได้ให้เข้าไปเป็นตัวตนระดับเหนือมนุษย์กันหมด

ลู่โจวมองข้อมูลบนกระดาษแล้วเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาหยิบปากกาบนโต๊ะขึ้นมาทันที แล้วเขียนอะไรบางอย่างลงไปบนกระดาษดราฟต์

[L=-(1/2)Tr(GμνGμν)+Σq(iγμDμ-mq)q]

[…]

ปลายปากกาเริ่มขยับไว้ขึ้นเรื่อยๆ

ตั้งแต่ที่เขาได้เลเวล 10 ในคณิตศาสตร์มา ความเซนซิทีฟและลางสังหรณ์ในเรื่องตัวเลขของลู่โจวก็พุ่งสูงขึ้นในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน

บวกกับการค้นพบเรื่องใหม่ๆ ในทฤษฎีการรวมแรงครั้งใหญ่ ทำให้ความเข้าใจในคณิตศาสตร์ของเขาเพิ่มมากขึ้นไปอีก ปัญหาแทบทุกอย่างที่มีคณิตศาสตร์ผสมอยู่ไม่นับว่าเป็นปัญหาสำหรับเขาอีกต่อไป

ในด้านการคำนวณนั้น ไม่มีใครบนโลกนี้แล้วที่จะทำได้ในระดับใกล้เคียงกับเขา

เวลาผ่านไปเชื่องช้า…

กระดาษดราฟต์เริ่มกองเต็มมุมโต๊ะขึ้นเรื่อยๆ

ลู่โจวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาจ้องการคำนวณบนกระดาษแล้วพึมพำกับตัวเองอย่างตื่นเต้น “แน่นอน เจ้าสารปริศนานี่ไม่ได้มาจากเดอะวอยด์แน่ๆ ”

“มันอาจจะมาจากที่พิเศษอย่างอื่น”

“แต่มันคืออะไรกันล่ะ?”

ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ

ราวกับมีสุนัขจิ้งจอกสีขาวที่สวยงามกระโดดออกมาจากป่าเพื่อมามอบ ‘ทฤษฎีฟิสิกส์อันยิ่งใหญ่’ ให้เขา

ลู่โจวเปิดคอมพิวเตอร์แล้วเขียนอีเมลขึ้นมาทันที

[สวัสดีครับ คุณรูดี้ ด็อบริก ผมคือลู่โจว ประธานของ ILHCRC

เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนผมอ่านงานวิจัยงานล่าสุดของคุณเรื่องแรงโน้มถ่วงของอนุภาคซีจบแล้ว และเซ็ตข้อมูลหลายกลุ่มในนั้นทำให้ผมสนใจ ผมพยายามวิเคราะห์ข้อมูลจากมุมของควอนตัมโครโมไดนามิกส์แล้ว

จากมุมทางคณิตศาสตร์ ผมสามารถสรุปได้ว่าปัญหาความวุ่นวายนี้อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับโลกที่มีสตริง n+1 แต่มันเกิดขึ้นในจักรวาลของเรา อย่างไรก็ตามมันเป็นไปได้อย่างมากที่สิ่งนี้จะมีขุมทรัพย์ใหญ่ซ่อนอยู่ข้างใน รอให้พวกเราเข้าไปค้นพบ

คนอื่นควรจะให้ค่างานวิจัยแนวนี้มากกว่าในปัจจุบัน ผมจะทำให้เรื่องนี้กลายเป็นหนึ่งในโปรเจกต์สำคัญของ ILHCRC ในปีหน้า

ถ้าคุณสะดวก คุณพอจะช่วยรายงานผลลัพธ์ของคุณแบบละเอียดในการประชุมรายงานครั้งถัดไปได้ไหมครับ? ผมกำลังรอรายงานของคุณอยู่]

ILHCRC เป็นองค์กรวิจัยฟิสิกส์นานาชาติที่ยิ่งใหญ่องค์กรหนึ่ง

การให้คนหลายคนมาสู้ในศึกนี้ดีกว่าให้คนคนเดียวไปสู้เป็นไหนๆ

ลู่โจวส่งอีเมลไปแล้วกดปิดคอมพิวเตอร์

ภาพท้องฟ้าข้างนอกเริ่มมืดลง

ถึงจะเพิ่งผ่านตอนเที่ยงมาไม่นาน แต่เวลานี้ก็เป็นช่วงเดือนธันวาคมในสตอกโฮล์ม ซึ่งเป็นพื้นที่ยุโรปตอนเหนือ เมื่อถึงยามบ่ายสามมันจะเริ่มเข้าสู่ค่ำคืนฤดูหนาวอันยาวนาน

การได้ดื่มอะไรในค่ำคืนที่เหน็บหนาวและยาวนานเช่นนี้ก็ฟังดูเป็นความคิดที่ดี

ลู่โจวสูดลมหายใจลึกแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาเดินกลับไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วยืนอยู่หน้ากระจก

ถึงเขาจะหล่อมากอยู่แล้วไม่ว่าจะใส่ชุดอะไร

แต่…

ลู่โจวหยิบแว่นขึ้นมาแล้วสวมมันลงไปบนสันจมูก เขาใช้นิ้วชี้เคาะที่กรอบแว่นเบาๆ

หน้าต่างสีฟ้าปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเขา

“เสี่ยวไอ คิดว่าฉันควรใส่ชุดอะไรดี?”

……………………….

[1] ทัศนะที่เชื่อว่ามนุษย์เราไม่อาจรู้หรือพิสูจน์ได้ว่าพระเจ้ามีจริงหรือไม่

[2] ทัศนะที่เชื่อว่าสรรพวัตถุและสรรพสัตว์ล้วนแต่มีวิญญาณ มีชีวิต หรือมีเจตจำนงเป็นของตัวเอง