ตอนที่ 2698

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 2,698 : ยอมแลกด้วยชีวิต

 

 

“จริงหรือ?”

 

หญิงชราระเบิดเสียงหัวเราะฮ่าๆออกมาทันที่เมื่อได้ยินคำแก้ตัวของเถียนจี้หวี่ “แต่ข้าจำได้ว่า…ก่อนหน้าที่ต้วนหลิงเทียนจะปรากฏตัว มิใช่ว่าเจ้าพยายามจนซื้อเวลาให้มันได้ครึ่งชั่วยามรึไร?”

 

“หากเจ้ารู้ว่ามันจะไม่มาแต่แรก…แล้วไยเจ้าต้องไปวิงวอนซื้อเวลาให้มันด้วย?”

 

“เจ้า…คิดว่าจะหลอกข้าได้จริงๆ?”

 

ยิ่งกล่าวน้ำเสียงของหญิงชราก็ทวีความเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ พาลให้ผู้ฟังทั้งงานรู้สึกเสมือนฤดูหนาวมาเยือน…

 

ยิ่งเถียนจี้หวี่ที่เป็นเป้าอารมณ์หญิงชรา ยิ่งอาการหนักกว่าเพื่อน! มันรู้สึกเสมือนร่วงตกลงไปในหล่มน้ำแข็งยะเยือก หน้าถึงกับซีดไปไร้สีเลือด!

 

“อาวุโส…”

 

เถียนจี้หวี่พยายามจะกล่าวแก้ตัว…

 

“ฮึ!”

 

ทว่าหญิงชราเพียงสบถคำค่อนแคะอันเยียบเย็น สองตาทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง ไม่มีผู้ใดมองเห็นว่านางลงมืออย่างไร…

 

ทว่าครู่ต่อมา…

 

ฉัวะ!!

 

เถียนจี้หวี่ที่ยืนหน้าซีดหาสีเลือดไม่เจอ อยู่ๆร่างมันก็สะท้านไปคราหนึ่ง หว่างคิ้วพลันปรากฏหลุมเลือดชวนสยอง! กลิ่นอายชีวิตสลายหายไปในชั่วพริบตา…!!

 

ตึง!

 

จากนั้นร่างของเถียนจี้หวี่ก็หงายหลังล้มลงไปดังตึง เสียงร่างกระแทกพื้นของมัน พอมาดังขึ้นในบรรยากาศสงบเงียบ จึงแทบไม่ต่างอะไรจากกลองศึก!

 

เถียนจี้หวี่ ผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว ตาย!

 

ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!

 

 

และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ร่างไร้ชีวิตของเถียนจี้หวี่หงายหลังล้มลงไป เหล่าผู้ชมรอบเวทีก็อดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเข้าด้วยความตื่นตระหนก!

 

ไม่มีใครเคยคิดคาดมาก่อนเลย ว่าชนชั้นผู้ว่าการมณฑลคนหนึ่งอย่างเถียนจี้หวี่ จะถูกฆ่าตกตายง่ายดายเพียงเท่านี้…

 

ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นการเข่นฆ่าสังหารต่อหน้าอ๋องฉิน!

 

“ใต้เท้าผู้ว่า!”

 

“ใต้เท้าผู้ว่า!”

 

 

หลังหวนกลับสู่ความรู้สึก เหล่าคนของมณฑลจิ่วโยวก็ร้องอุทานดังลั่น!

 

ผางปิงกับเจิ้งชิวอาวุโสฝ่ายในของจวนผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว ได้ละสายตาออกมาจากร่างไร้ชีวิตของเถียนจี้หวี่ และหันไปมองหญิงชราด้วยสายตาหวาดกลัว อีกฝ่ายกำลังย่ำอากาศไปหาต้วนหลิงเทียนต่อด้วยสีหน้าเฉยเมย ราวที่พึ่งเข่นฆ่าไป ก็แค่ตัวไร้ค่าตัวหนึ่ง…

 

“เจิ้งชิว…กระทั่งท่านอ๋องฉิน ยังไม่อาจฆ่าท่านผู้ว่าได้ง่ายดายเช่นนี้เลยมิใช่หรือ?”

 

ผางปิงหันไปส่งเสียงผ่านพลังคุยกับเจิ้งชิวอย่างแตกตื่น

 

“พลังฝีมือของหญิงชรา…น่ากลัวจะเหนือกว่าอ๋องฉิน!”

 

เจิ้งชิวส่งเสียงตอบกลับ

 

“เจ้ายังจำได้ใช่หรือไม่…ตอนที่อ๋องฉินมาถึง หญิงชราที่ตอนนั้นอยู่ในชุดคลุมสีเทาก็เพียงนั่งนิ่งๆข้างหวังฉี่หลิงไม่ได้ทักทายอะไรอ๋องฉินแม้แต่น้อย…”

 

เจิ้งชิวกล่าวสืบต่อ

 

“พอเจ้าเอ่ยถึงข้าจึงนึกได้! ตอนนั้นคล้ายระหว่างนางกับอ๋องฉินจะมองหน้ากันเล็กน้อย หากแต่สุดท้ายก็เป็นหวังฉี่หลิงกล่าวบอกอ๋องฉินว่านางเป็นเพียงคนใบ้หูหนวก อ๋องฉินก็เลยไม่ถือสาหาความอะไรนางสืบต่อ…”

 

ผางปิงเอ่ย

 

“หูหนวกเป็นใบ้ เจ้าคิดว่า…อย่างหวังฉี่หลิงนั่น มันจะกล้าผิดเสี่ยงผิดใจกับอ๋องฉินโดยการหาข้ออ้างให้คนนอกหรือไม่? ข้าเชื่อเต็มสิบส่วน…ว่าที่แท้อ๋องฉินเป็นคนจัดแจงเรื่องนี้เอง!”

 

เจิ้งชิวพูดต่อ

 

“อ๋องฉินจัดแจงเรื่องนี้เอง?”

 

ผางปิงงุนงงเล็กน้อย “แล้วไฉนอ๋องฉินต้องทำอย่างนั้นด้วยเล่า?”

 

“ที่อ๋องฉินทำแบบนั้น สิบในสิบสมควรรู้ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งว่าพลังฝีมือของหญยิงชรานี้สูงล้ำกว่า ไม่ก็ล่วงรู้ฐานะความเป็นมาของนางแต่แรก จึงรู้ว่านางเป็นตัวตนที่ไม่อาจล่วงเกินได้…เช่นนั้นจึงสังให้หวังฉี่หลิงกล่าวอ้างไปตามนั้น เพื่อหาทางลงให้ตัวเอง…”

 

“เพราะอย่างไรเสีย ด้วยฐานะอ๋องฉินแล้วย่อมไม่อาจอ่อนข้อให้ผู้ใดต่อหน้าข้าราชบริพาร”

 

ขณะกล่าวสองตาเจิ้งชิวก็ทอประกายสว่างขึ้นมา คล้ายมันมองเห็นถึงลับลมคมในอะไรบางอย่างระหว่างอ๋องฉินกับหญิงชรา

 

“เช่นนั้นกล่าวได้ว่า…ถึงหญิงชรานั่นจะฆ่าท่านผู้ว่าของเรา ท่านอ๋องฉินก็ไม่คิดว่าอะไรนางงั้นหรือ?”

 

ขณะกล่าวผางปิงก็เงยหน้าขึ้นไปมองผ้าม่านที่บดบังเรื่องราวในชั้นลอย…

 

ด้านหลังม่าน

 

เมื่อเห็นว่าหญิงชรากำลังย่ำเท้าขึ้นฟ้าราวไต่บันไดเมฆไปหาต้วนหลิงเทียนทีละก้าวๆ สีหน้าฉินอวี่ยิ่งมายิ่งเป็นกังวลนัก

 

เพราะตอนนี้ให้โง่แค่ไหนมันก็ตระหนักได้แล้ว…

 

ยอดฝีมืออันน่าสะพรึงจากนิกายสือหังเซียน มาหาต้วนหลิงเทียนสหายมันจริงๆ และฟังจากที่ลุงใหญ่เอ่ยออก นางยังมาเพื่อฆ่าต้วนหลิงเทียนโดยเฉพาะ!

 

เช่นนั้นแล้ว ทุกย่างก้าวของนาง ก็เสมือนเท้าที่ย่ำเหยียบหัวใจมันให้สะท้านสะเทือน

 

ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่จะเป็นสหายเพียงคนเดียวของมัน อีกฝ่ายยังเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของมันอีกด้วย!

 

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกำลังมีภัยถึงชีวิต แต่มันกลับทำได้แค่เฝ้าดูไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้เลย มันจึงอึดอัดจนไม่รู้จะอึดอัดอย่างไรแล้ว!

 

“ท่านลุงใหญ่…ท่านช่วยต้วนหลิงเทียนไม่ได้หรือ!?”

 

ฉินอวี่หันไปมองอ๋องฉิน กล่าวคำด้วยน้ำเสียงวิงวอน

 

“อวี่เอ๋อ…”

 

และแทบจะทันทีที่ฉินอวี่กล่าวจบคำ อ๋อง 3 ที่อยู่ข้างๆ ก็อดคลี่ยิ้มขื่นขมกล่าวออกด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงไม่ได้ “สตรีชรานางนั้น ด่านพลังฝึกปรือสมควรอยู่ในขอบเขตขุนนางอมตะ…เจ้าเห็นการลงมือสังหารผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยวของนางหรือไม่ ให้ลุง 3 บอกต่อเจ้าตามตรง ต่อให้ด่านพลังของลุงใหญ่เจ้าจะเหนือกว่าเจ้าถึง 2 ขอบเขต แต่ก็ไม่อาจลงมือเช่นนั้นได้…”

 

“พลังอำนาจของขุนนางอมตะ…สุดที่ตัวเจ้าจะหยั่งถึง”

 

ฟังจากสิ่งที่อ๋อง 3 กล่าวบอกต่อฉินอวี่ น้ำเสียงของมันก็ฟังไม่ต่างอะไรกับคนสิ้นไร้เรี่ยวแรง จนปัญญาจะทำอะไรได้แล้วจริงๆ

 

เพราะถึงแม้ตัวอ๋อง 3 จะเป็นชนชั้นยอดฝีมือขอบเขตต้าหลัวจินเซียนขั้นสุดยอด ซึ่งไม่มีผู้ใดใต้ขอบเขตยอดเซียนอมตะจะเทียบได้ หากทว่าต่อหน้าตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะแล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรจากมดตัวกระจ้อยที่ไม่คู่ควรให้พูดถึง!

 

แม้แต่อ๋องฉินที่เป็นตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะ อาศัยแค่ห้วงคิดเดียวก็เข่นฆ่ามันได้ง่ายดายไม่ต่างผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว…เช่นนั้นยังนับประสาอะไรกับตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ?

 

“อวี่เอ๋อ…ไม่ใช่ลุงใหญ่ไม่อยากช่วยสหายเจ้า แต่ลุงใหญ่ช่วยไม่ได้”

 

อ๋องฉินถอนหายใจอย่างไร้กำลัง

 

อ๋องฉิน ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในวังฉิน ตอนนี้กลับกล่าววาจาออกมาด้วยสีหน้าสะทกสะท้อนราวกับคนหมดหนทาง เพราะการที่ผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยวถูกฆ่าตายต่อหน้ามันเมื่อครู่ ก็ไม่ต่างอะไรมันถูกผู้อื่นไม่เห็นหัว…

 

อนิจจาแม้มันจะรู้สึกอัปยศเพียงใด มันก็ทำได้แค่สะกดความโกรธในใจเอาไว้เท่านั้น

 

เพราะมันรู้ตัวดี ให้มันมีโทสะมากแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่มันไม่ใช่คู่มือของอีกฝ่ายเลย เอาแค่ได้ยินชื่อขุมพลังเบื้องหลังอีกฝ่าย มันก็หวาดกลัวจนไม่กล้าหืออือแล้ว

 

นิกายสือหังเซียน!

 

นั่นคือนิกายอันเป็นขุมพลังที่อยู่เหนือประเทศอมตะระดับสูงทั้งประเทศ!

 

ฟึ่บ!

 

เมื่ออ๋องฉินถอนหายใจออกมาอย่างอับจนหนทาง หน้าฉินอวี่พลันเปลี่ยนสีไปไม่หยุด สุดท้ายอยู่ๆมันก็โจนทะยานร่างแหวกม่านออกไปด้านนอก! พริบตาก็บรรลุถึงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ปกป้องต้วนหลิงเทียนไว้ด้านหลัง!!

 

แม้ตอนนี้ร่างกายต้วนหลิงเทียนจะถูกพลังไร้สภาพของสตรีชราล้อมกักอยู่…

 

หากแต่พลังไร้สภาพดังกล่าวของหญิงชราเพียงจ้องเล่นงานแต่ต้วนหลิงเทียนเท่านั้น

 

เช่นนั้นฉินอวี่จึงเหาะมาบังขวางต้วนหลิงเทียนเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย ไม่ได้ถูกพลังไร้สภาพที่มองไม่เห็นของหญิงชราขัดขวางแต่อย่างไร สามารถเข้าถึงตัวต้วนหลิงเทียนได้อย่างราบรื่น

 

“ฉินอวี่?”

 

ต้วนหลิงเทียนรู้สึกตกใจกับการปรากฏตัวของฉินอวี่อยู่บ้าง

 

อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ตกใจนานนัก พอได้สติก็เร่งส่งเสียงผ่านพลังไปหาฉินอวี่ทันที “ฉินอวี่เจ้ารีบถอยไปก่อนที่นางจะอารมณ์เสียดีกว่า…เจ้าไม่ต้องห่วงข้าหรอก ข้าไม่เป็นไร…”

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะรู้ดีว่าการปรากฏตัวของฉินอวี่ ไม่อาจคลี่คลายสถานการณ์ให้เขาได้เลย แต่ในใจต้วนหลิงเทียนก็ยังรู้สึกซาบซึ้งไม่น้อย

 

เขาย่อมนึกภาพออกได้ง่ายๆ

 

ว่าก่อนที่ฉินอวี่จะทำแบบนี้ ไม่พ้นต้องถามอ๋องฉินกับอ๋อง 3 มาแล้วเรียบร้อย

 

และตอนนี้ที่อยู่ๆฉินอวี่ก็มาปรากฏตัวเพื่อช่วยเขาแค่คนเดียว ก็หมายความว่าอ๋องฉับอ๋อง 3 ไม่ได้ตอบรับฉินอวี่เรื่องช่วยเขา…

 

กล่าวอีกอย่างได้ว่า…

 

อ๋องฉินสมควรรู้…ว่าตัวเองไม่ใช่คู่มือของสตรีชรา เช่นนั้นจึงไม่ใช่ไม่อยากช่วย…แต่มันไม่มีปัญญาจะช่วยจริงๆ!

 

แม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะพูดออกมาชัดเจนว่าไม่เป็นไร และไม่ต้องห่วง…

 

แต่ในเวลาแบบนี้มีหรือฉินอวี่จะเชื่อคำพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน?

 

หลังจากปรากฏตัวขึ้นขวางต้วนหลิงเทียนเอาไว้ ฉินอวี่ย่อมสังเกตเห็นได้ไม่ยาก…ถึงจิตสังหารอันน่ากลัวที่ฉายชัดอยู่ในแววตาหญิงชรา ยามนางมองต้วนหลิงเทียนนั่น!

 

เป็นจิตสังหารที่รุนแรงราวเหลือเกิน! ราวกับนางต้องการจะสับร่างต้วนหลิงเทียนให้แหลกเป็นชิ้นๆ!!

 

ฉินอวี่มั่นใจได้เลย

 

ว่ากลวิธีสังหารต้วนหลิงเทียนของหญิงชรา เกรงว่าจะไม่รวบรัดหมดจดเหมือนเข่นฆ่าผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยวแน่! อีกฝ่ายไม่มีทางปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนได้ตายดี!!

 

“ท่านผู้อาวุโส…ข้าไม่ทราบว่าต้วนหลิงเทียนไปทำให้ท่านขุ่นเคืองด้วยเรื่องอะไร? แต่หากท่านยอมปล่อยสหายข้าไปสักครั้ง…ข้า…สัญญาว่าจะทำตามทุกอย่างที่ท่านสั่ง! ต่อให้ท่านต้องการชีวิตของข้าเพื่อแลกกับชีวิตสหาย ข้าก็ยินดี!”

 

ร่างฉินอวี่ที่เผชิญหน้ากับหญิงชรานั้น เห็นชัดว่ากำลังสั่น

 

เพราะสุดท้ายแล้วอีกฝ่ายก็คือยอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะตัวเป็นๆ!

 

ทว่าตอนนี้ตัวมันยังมีระดับพลังบ่มเพาะแค่ขอบเขตจินเซียนทั่วไป ไม่แม้แต่จะบรรลุถึงต้าหลัวจินเซียนด้วยซ้ำ…

 

และต่อให้มันเป็นต้าหลัวจินเซียนแล้วจะอย่างไร? ไม่ต้องกล่าวถึงขุนนางอมตะด้วยซ้ำ…แค่ยอดเซียนอมตะมันก็ไม่อาจกลบถมช่องว่างที่แตกต่างกันราวฟ้าดินได้แล้ว!

 

กล่าวได้ว่าต่อหน้าหญิงชรานั้น มันไร้ค่ายิ่งกว่ามดปลวกเสียอีก!

 

หากหญิงชราคิดฆ่ามัน อาศัยแค่พ่นลมหายใจออกมาพร้อมเศษพลัง ก็ลบมันให้หายไปจากสวรรค์และโลกได้ง่ายดาย…

 

กระทั่งผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยวที่บรรลุถึงขอบเขตต้าหลัวจินเซียนขั้นลี้ลับแล้ว จวบจนตายยังไม่น่าจะรู้ตัวด้วยซ้ำว่าโดนอะไรตาย…

 

ความแข็งแกร่งของหญิงชราน่ากลัวแค่ไหน มองจากเรื่องนี้ก็ทราบได้

 

ตอนแรกพอเห็นฉินอวี่ปรากฏตัวบังต้วนหลิงเทียนเอาไว้ราวคิดจะปกป้อง หญิงชราก็คิดจะฆ่าตัวเกะกะอย่างฉินอวี่ทิ้งไปให้พ้นๆ

 

ทว่าตอนนี้พอได้ยินคำพูดดังกล่าวของฉินอวี่ หญิงชราที่คิดฆ่าคนก็ถึกับชะงักร่างหยุดลงชั่วคราว กล่าวถามออกไปด้วยความไม่เชื่อ “เจ้าคิดใช้ชีวิตตัวเองแลกกับชีวิตมัน?”

 

ต้องทราบด้วยว่าในระนาบเทวโลกแห่งนี้ ก็ยังยึดกฏแห่งป่า ผู้เข้มแข็งกลืนกินผู้อ่อนแอ ผู้อ่อนแอให้ความเคารพผู้เข้มแข็ง…จึงมีน้อยคนนักที่จะยินดีสละชีวิตตัวเองเพื่อผู้อื่น

 

ส่วนใหญ่แล้วล้วนเห็นแก่ตัวทั้งสิ้น

 

“ตราบใดที่ท่านผู้อาวุโสรับปากข้าว่าจะไม่ฆ่าเขาหลังเอาชีวิตข้า…ข้ายินดีตายแทน!”

 

ฉินอวี่กล่าวออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง แววตาเด็ดเดี่ยว

 

“ในเมื่อเจ้าอยากสละชีวิตตายแทนมันนัก เช่นนั้นข้าจักสงเคราะห์ให้!”

 

ฉินอวี่กล่าวไม่ทันได้จบคำดี ลูกตาหญิงชราก็ฉายแสงเย็นวาบ!

 

ซัว!

 

ทันใดนั้นคลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัววขุมหนึ่งก็ปะทุออกจากร่างนาง โถมเข้าใส่ฉินอวี่อย่างเกรี้ยวกราด!

 

ด้วยระดับพลังขุนนางอมตะของนาง แค่ไอพลังก็เข่นฆ่าต้าหลัวจินเซียนให้ตายได้แล้ว

 

กับจินเซียนธรรมดาๆแบบนี้ หากนางคิดจะฆ่าจริงๆ อาศัยแค่แรงกดดันพลังก็เหลือเฟือ!

 

“อาวุโสโปรดเมตตาด้วย!!”

 

“โปรดยั้งมือด้วย!!”

 

แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่แรงกดดันพลังของหญิงชราเริ่มแผ่เข้าหาฉินอวี่ พลันปรากฏเสียงตะโกน 2 เสียงดังลั่นออกมาจากด้านหลังม่านผ้าชั้นลอย

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

จากนั้นพลันปรากฏร่าง 2 ร่างเหินทะยานออกมาจากด้านใน

 

ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นอ๋องฉินกับอ๋อง 3 แห่งวังฉินนั่นเอง

 

ตอนนี้ไม่ว่าจะอ๋องฉินหรืออ๋อง 3 ก็เร่งทะยานข้ามฟ้ามาด้วยความเร็วสูงสุด สีหน้าร้อนใจทั้งเป็นกังวลนัก แต่ละคนคิดช่วยฉินอวี่ให้จงได้!

 

บิดาของฉินอวี่ ก็คือน้อง 4 ของพวกมัน…

 

และในอดีตนั้น น้อง 4 ของพวกมันก็ได้ช่วยชีวิตพวกมันเอาไว้หลายครั้งแล้ว

 

วันนี้ลูกชายคนเดียวของน้อง 4 พวกมันกำลังมีภัยถึงชีวิต หากพวกมันยังนิ่งดูดายมองอีกฝ่ายตายอยู่ได้ พวกมันก็ไม่ต่างอะไรจากเดียรัจฉานแล้ว!