บางบริษัทที่จดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์มีมูลค่าบริษัทกว่าแสนล้าน สุดท้ายมูลค่าบริษัทเหลือแค่ร้อยล้าน มูลค่าบริษัทหายไปกว่าก้าวสิบเปอร์เซ็นต์

บางธุรกิจอาจจะแค่มีปัญหาทางการผลิต สุดท้ายราคาหุ้นตกจนทำให้ล้มละลายได้ แต่เมื่อเทียบกับความผิดของตระกูลอู๋แล้วมันเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมากไม่ใช่หรือ?

ครั้งนี้ตระกูลอู๋อาจจะต้องเป็นแพะรับบาปให้กับสำนักขอทานของเซวหย่าฉิน เรื่อง ไร้มโนธรรมทั้งหมดที่เขาเคยทำทั้งหมด เรื่องทั้งหมดนี้อาจจะตกไปอยู่ที่ตระกูลอู๋!

ตอนนี้ในใจของอู๋ตงไห่ลนลานและร้อนรนมาก เพราะเขารู้อยู่แก่ใจว่า เรื่องที่ตระกูลอู๋เผชิญในตอนนี้ อาจจะเป็นมหันตภัยของตระกูลอู๋เลย

ดังนั้น เขาก็เลยพูดกับผู้ช่วยตัวเองว่า: “รีบออกประกาศโดยใช้นามบริษัท ถึงเซวหนานซานจะเป็นน้องชายของฉัน แต่ตระกูลอู๋ของเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่รู้เรื่องกับสิ่งที่เซวหนานซานทำ ทุกการกระทำของเซวหนานซาน เป็นความรับผิดชอบของเขาเอง ผมและตระกูลอู๋ไม่รู้เรื่องและไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะเดียวกันทางเราก็จะไปยืนยันความบริสุทธิ์กับตำรวจด้วย เพราะฉันกับเรื่องที่ผิดกฎหมายที่เซวหนานซานทำไม่มีความส่วนเกี่ยวข้องกันโดยตรงใดๆ ทั้งสิ้น หวังว่าทุกคนจะไม่ถูกคนอื่นประณามทางผิด!”

ผู้ช่วยเขาพยักหน้าและพูดโพล่งออกมาว่า: “รับทราบ ท่าประธาน ฉันจะไปออกประกาศเดี๋ยวนี้เลย!”

เซวหย่าฉินกำลังจมอยู่กับความรู้สึกเสียใจและเจ็บปวดที่เสียน้องชายไปและสูญเสียผู้สืบทอดสกุลไป ทันใดนั้นได้ยินสามีตัวเองบอกจะตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับน้องชายตัวเอง เธอก็ได้โกรธออกมาทันทีและพูดว่า: “อู๋ตงไห่ นายคนนี้ยังมีจิตใจอยู่มั้ยหนานซานเป็นน้องชายของนายนะ และเป็นน้องชายของฉันด้วย เขาถูกคนฆ่าตาย เขาถูกฆ่าตายนายเข้าใจมั้ย?!นายไม่เพียงจะไม่ช่วยเขาล้างแค้น แถมยังจะตัดความสัมพันธ์กับเขาอีกหรือ?!นายยังเป็นคนอยู่อีกมั้ย!”

อู๋ตงไห่ก็กำลังโมโหอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดี อาจจะทำให้ทั้งตระกูลอู๋ต้องลำบากก็ได้

เห็นว่าตอนนี้ภรรยาของตัวเองยังปกป้องน้องชายที่สมควรตายคนนี้ของเธอ อู๋ตงไห่โกรธมากและด่าออกมาด้วยคำหยาบว่า: “ถ้าไม่ใช่น้องชายหมามาเกิดคนนี้ ตระกูลอู๋ก็ไม่ต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำแบบนี้หรอก? ฉันเคยเตือนเธอตั้งแต่แรกแล้วว่า ให้เตือนเขาอย่าไปทำเรื่องที่ไร้มโนธรรมมากนัก แต่เธอก็ไม่เคยฟัง!”

“เธอเข้าข้างเขาประจำ และคอยปกป้องเขาเสมอ ฉันไม่เคยว่าสั่งสอนอะไรเขาได้เลย ตอนนี้เป็นอย่างไงละ? มีคนเรียกหาความเป็นธรรมให้แล้ว เขาตายแล้วไม่เป็นไร แต่ทำไมยังมาลำบากตระกูลอู๋อีกด้วย”

เมื่อเซวหย่าฉินได้ยินคำพูดประโยคนี้ เธอโกรธจนเกือบจะบ้าไปแล้ว เธอกัดฟัน และยื่นแขนไปตะกายหน้าของอู๋ตงไห่

อู๋ตงไห่หลบไม่ทัน ใบหน้าของเขาถูกเซวหย่าฉินตะกายจนเกิดลอยข่วนปนเลือดสองสามเส้น!

เล็บของเซวหย่าฉินยาวอยู่แล้ว และใช้แรงที่มาก ข่วนจนเนื้อบนใบหน้าของเขาลอกทันที และมีเศษเนื้อติดอยู่ที่ใต้เล็บของเธอ

อู๋ตงไห่ร้องโอ๊ยออกมาด้วยความเจ็บปวดทันที และใจของเขายิ่งโกรธขึ้นไปใหญ่ และเขาไปดึงคอเสื้อของเซวหย่าฉิน และตบไปที่ใบหน้าของเธอหลายครั้ง

เขาตบไปและด่าไปว่า: “เซวหย่าฉินเธอรู้มั้ย? น้องชายของเธอทำให้ฉันเกือบจะฉิบหายแล้ว!ฉันสุดจะทนกับน้องชายเธอตั้งนานแล้ว ถ้าฉันไม่ได้ไว้หน้าเธอ ไม่ต้องให้ถือมือคนอื่นหรอกฉันจะจัดการฆ่ามันเอง เธอรู้มั้ยว่าตอนนี้ฉันเสียใจกับเรื่องอะไรมากที่สุด? ฉันเสียใจที่ไม่ได้ฆ่าไอ้หมานั้น!ตอนนี้เขากลายเป็นระเบิดลูกหนึ่ง ตัวเขาเองตายไปแล้ว แถมยังระเบิดฉันจนไม่เหลือซาก!”

เซวหย่าฉินและอู๋ตงไห่แต่งงานกันมาแล้วหลายปีไม่เคยลงไม้ลงมือกัน

ตอนนี้น้องชายเธอตายไปแล้ว เธอก็ถูกอู๋ตงไห่ตบไปหลายครั้ง เธอกลายเป็นคนที่ไม่มีสติไปแล้ว

“อู๋ตงไห่นายมันไม่ใช่คน!ฉันตาบอดเอง!ฉันมองนายผิดไป!นายไม่ช่วยฉันล้างแค้นให้น้องชาย ฉันจะไปล้างแค้นเอง ต่อไปนี้ นายกับฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป!”

เซวหย่าฉินพูดจบ ลุกขึ้นและวิ่งออกไปทางด้านนอก

อู๋ซินอยากที่จะวิ่งตามไป อู่ตงไห่ตะโกนเสียงดังออกมา: “เธอกลับมาเดี๋ยวนี้!ตอนนี้จะวิ่งตามเธอไปทำอะไร? ตามเธอกลับมาสร้างปัญหาหรือ? หรือเธอไม่รู้ว่าตอนนี้เรื่องอะไรสำคัญกับตระกูลอู๋ที่สุดในตอนนี้?”

อู๋ซินถึงเข้าใจและพูดโพล่งว่า: “พ่อ!เดียวฉันไปหากลุ่มแอคหลุมมาช่วยพวกเราลบล้างความผิด!ไม่ว่าจะใช้เงินมากแค่ไหนฉันก็ยอมจ่าย!”