“ไม่พอ! ยังไม่พอ! อ่อนแอเกินไป! เจ้าอ้างตัวว่าเป็นสวรรค์มิใช่หรือ? นี่เจ้าจะมาจั๊กจี้ข้าหรืออย่างไร?”
“มาๆๆ ขอร้อนๆ กว่านี้อีก! ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะบดขยี้ข้าได้จริงหรือไม่!”
“ฮ่าๆๆ… ยอดเยี่ยม! เอาอีก!”
…
ภายในมิตินี้เสียงหัวเราะของเย่หยวนมันจะดังขึ้นมาเป็นครั้งเป็นครา
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเย่หยวนนั้นไม่เจ็บปวด
ในความเป็นจริงเขานั้นยิ่งเจ็บปวดขึ้นอย่างแสนสาหัส!
พลังสวรรค์นั้นโกรธแค้นไม่พอใจอย่างมากจึงได้เพิ่มพลังของแปดยอดไฟสวรรค์ไปอีกหลายเท่าตัว
ดูท่าแล้วรูปปั้นทั้งแปดนั้นคงไม่พอใจกับคำท้าทายของเย่หยวนอย่างมาก
แต่เย่หยวนไม่คิดสนใจ!
เพราะการตะโกนร้องของเขานั้น ส่วนหนึ่งมันก็ช่วยระบายความเจ็บปวดออกมาด้วยเช่นกัน
จิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนนั้นมันอ่อนแอลงเรื่อยๆ ภายใต้การเผาไหม้ของแปดยอดไฟสวรรค์
ในเวลานี้ร่างจิตของเขานั้นมันจางจนแทบมองไม่เห็นอีกต่อไปแล้ว
แต่เย่หยวนนั้นก็ยังคงดื้อรั้น
“หึ! เจ้าคนดื้อรั้น อยากรู้จริงว่าจะทนไปได้กี่สักกี่น้ำ! เจ้าอยากให้ข้าเพิ่มพลังแปดยอดไฟสวรรค์ให้ใช่ไหม? ข้าจะจัดให้ตามที่เจ้าขอเอง!” เสียงนั้นดังขึ้นมาอีก
แต่เสียงร้องของเย่หยวนนั้นมันกลับค่อยๆ เบาบางและเงียบลงเรื่อยๆ จนแทบไม่อาจฟังเป็นคำได้
จนสุดท้ายจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นมันก็เหลือเพียงแค่เงาจางๆ
แต่เสียงนั้นกลับหัวเราะขึ้นเมื่อได้เห็น “ฮ่าๆๆ… มดปลวกแสนโอหังกล้ามาคิดท้าทายอำนาจสวรรค์! เจ้าตะโกนร้องขอมากมิใช่หรือ? เอาสิ! ร้องมาอีกสิ!”
แต่ในเวลานี้จิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนนั้นมันค่อยๆ จมลงจนไม่ปรากฏขึ้นมาอีก
สุดท้ายแล้วมันก็กลายเป็นเพียงแค่ก้อนแสงสีขุ่น
เจ้าก้อนแสงสีขุ่นนั้นมันค่อยหดตัวลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็มีขนาดไม่ต่างจากจุดแสงก้อนอื่นๆ
เพียงแค่ว่าแสงของเจ้าก้อนขุ่นนี้มันแตกต่างจากจุดแสงอื่นๆ อย่างมาก
เพราะว่าจุดแสงอื่นๆ นั้นมันมีทุกสียกเว้นแต่สีเทา
“หึๆ กลับเป็นพลังจิตโกลาหลสีเทา คุณภาพไม่เลวทีเดียว!” บนท้องฟ้ากว้างนั้นมันเกิดเสียงร้องขึ้นมาอย่างตื่นเต้นอีกครั้ง
แต่ในเวลานั้นเองที่จู่ๆ มันกลับเกิดเรื่องไม่คาดฝัน!
เพราะเจ้าก้อนแสงขุ่นนั้นมันกลับค่อยๆ พุ่งเข้าไปกลืนก้อนแสงอื่นๆ!
ก้อนแสงสีเทานั้นมันค่อยๆ ขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
เจ้าก้อนแสงนั้นยื่นส่วนที่เหมือนหนวดปลาหมึกออกมาก่อนจะเปลี่ยนกลายเป็นเหมือนแขนขาคนและเผยให้เห็นหัวอีกครั้ง
เย่หยวนในชุดเทาค่อยๆ ปรากฏกายขึ้นมาอีกครั้ง
เย่หยวนในชุดเทานี้เหมือนดั่งเป็นเครื่องดูดฝุ่นที่ดูดจุดแสงมากมายมหาศาลเข้ามา
พร้อมๆ กันนั้นร่างกายของเขามันก็เริ่มชัดเจนหนักแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ครืน…
เวลานี้มิติรอบๆ เริ่มเกิดการสั่นสะเทือนขึ้น
พร้อมๆ กันนั้นตัวเย่หยวนก็ยิ่งปรากฏชัดยิ่งขึ้นจนทำให้แรงสั่นสะเทือนมันยิ่งทวีคูณ
จนสุดท้ายแล้วมันก็เริ่มแสดงรอยแตกร้าวออกมา
“วิญญาณโกลาหลดั่งเดิม! นี่… บ้าน่า! เจ้า… เจ้าไปหลอมวิญญาณโกลาหลดั่งเดิมขึ้นมาได้อย่างไรกัน? ไม่ดีแล้ว! หากมันยังคงปรากฏขึ้นมาอีกเรื่องๆ แล้วมิติเก็บเกี่ยวเทพคงพังทลายแน่! ไอ้เด็กคนนี้ เจ้ารอดไปนะ!”
ในห้วงมิตินั้นมันเกิดเสียงลนลานของคนผู้หนึ่งดังขึ้น
สภาพตัวเย่หยวนในเวลานี้เขารู้สึกสดชื่นมาก
มันเหมือนกับว่าเขานั้นกำลังได้โบยบินอยู่บนสรวงสวรรค์
เขานั้นสามารถผ่านการหลอมของแปดยอดไฟสวรรค์มาได้จริง!
เย่หยวนนั้นสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นมันบริสุทธิ์ขึ้นอย่างมากเพราะการหลอมกลั่นจากแปดยอดไฟสวรรค์!
บริสุทธิ์อย่างไม่อาจหาคำจะเปรียบ!
ความบริสุทธิ์ในระดับนี้มันคงต้องใช้เวลาในการบ่มเพาะตามปกติไม่รู้นานกี่ล้านๆ ปี
ในเวลานี้เย่หยวนจึงรู้สึกว่าจิตของตนเองนั้นมันสุดแสนที่จะทรงพลัง!
ราวกับว่ามันจะทำลายมิตินี้ลงได้!
แต่ว่าในเวลานั้นเองที่เขารู้สึกเหมือนตัวของเขานั้นถูกมิตินี้ดีดกลับออกมา
พริบตาเดียวเขาก็หายไปจากจุดที่อยู่!
…
“บรรพกาลเทียนฉิง เจ้าหมอนั่นมันจะเกินไปแล้ว!”
“ใช่แล้วบรรพกาล! เจ้าหมอนั่นมันไม่สนใจพวกเราแม้แต่น้อยเลย!”
“เวลานี้พลังงานวิญญาณของทั้งตระกูลสายเลือดสวรรค์ถูกมันกลืนลงไปสิ้น แล้วเราจะยังเอาอะไรมาบ่มเพาะกันได้อีก?”
…
เบื้องหน้าเทียนฉิงนั้นมันมีคนตระกูลสายเลือดสวรรค์เข้ามาบ่มบอกกันไม่ขาดสาย
เวลามันได้ผ่านมาถึงหนึ่งปีแล้วในพริบตา แต่เย่หยวนตาขาวขุ่นผู้นั้นก็ยังคงสร้างเรื่องให้ตระกูลสายเลือดสวรรค์ปวดหัวแทบระเบิดได้
เพราะเขานั้นบ่มเพาะอย่างไม่สนใจใครอื่น
แม้ว่ายอดฝีมือของตระกูลสายเลือดสวรรค์นั้นจะพยายามหลบเลี่ยงและไปบ่มเพาะกันที่อื่นแต่เย่หยวนคนนี้ก็ยังดูพลังงานไปอย่างไม่เกรงใจใคร
ที่สำคัญไปกว่านั้นนับวันเขายิ่งจะดูดแรง!
เย่หยวนตาขุ่นนั้นบ่มเพาะด้วยวิธีการกลืนกินทุกพลังงานในรัศมีสิ้น
เมื่อเขาได้บ่มเพาะแล้วเขาจะกลืนกินดูดพลังงานวิญญาณในระยะของตนไปสิ้น
แรกๆ นั้นเหล่ายอดฝีมือของตระกูลสายเลือดสวรรค์ย่อมจะไม่ยอมแพ้และพยายามฝืนดึงแย่งพลังงานจากเย่หยวน
แต่พวกเขากลับได้พบว่าไม่ว่าจะพยายามดูดพลังวิญญาณไปมากแค่ไหนแต่พวกเขาก็ไม่อาจจะเอาชนะแรงดูดกลืนของเย่หยวนตาขาวขุ่นคนนั้นได้
บรรพกาลเทียนฉิงนั้นได้สั่งออกไปว่าให้อย่าได้เข้าไปใกล้คนผู้นี้ คนทั้งหลายจึงไม่มีใครจะไปลงมือโจมตีใด
แต่การแย่งชิงพลังงานวิญญาณมาบ่มเพาะมันมิใช่เรื่องผิดใช่ไหม?
เพราะฉะนั้นเมื่อคนเดียวเอาชนะเย่หยวนไม่ได้ คนทั้งหลายจึงเริ่มตั้งกลุ่มช่วยกันดึงพลังงานวิญญาณ!
เมื่อคนรุ่นหลังเอาชนะไม่ได้ เหล่าบรรพกาลก็เริ่มลงสนามไปงัดแย่งพลังงานวิญญาณกับเย่หยวนบ้าง!
แต่ว่าพวกเขากลับได้รู้ว่าแรงดูดกลืนของเย่หยวนตาขาวขุ่นคนนี้มันเหนือล้ำกว่าเหตุผลใดๆ
ต่อให้จะเป็นการร่วมมือของเหล่าบรรพกาลมันก็ไม่อาจจะเอาชนะดึงพลังงานวิญญาณกลับมาจากตัวเย่หยวนได้
เผ่าเทวานั้นไม่ได้บ่มเพาะปราณเทวะ ย่อมจะไม่ต้องใช้พลังงานวิญญาณที่หนาแน่นใด แต่สุดท้ายมันก็ยังต้องใช้บ้างเพื่อบำรุงร่างกายและจิตศักดิ์สิทธิ์
แต่เวลานี้พวกเขากลับไม่อาจจะใช้มันได้แม้แต่น้อย
เย่หยวนนั้นกลืนกินทุกสิ่งอย่างไรในระยะของเทือกเขา คนทั้งหลายจะยังเอาอะไรมาบ่มเพาะได้อีก?
เพราะฉะนั้นเมื่อไม่มีทางเลือกพวกเขาจึงได้แต่มาบ่นกับเทียนฉิง
เพราะเช่นนี้มันไม่มีทางจะพัฒนาใดๆ ได้!
ในเวลานี้เหล่ายอดฝีมือมากมายมารุมล้อมตัวเทียนฉิงไว้จนทำให้เขาเริ่มปวดหัวขึ้นตุบๆ
บรรพกาลเทียนฉิงนั้นได้แต่ตอบกลับไปด้วยหน้าเหยเก “เอาล่ะๆ! เลิกบ่นสักที! บรรพกาลผู้นี้เข้าใจแล้ว ข้าจะไปหาบรรพกาลเทียนชิงและลองถามความเห็นให้ท่านมาจัดการดู!”
ไม่นานจากนั้นมันก็มีคลื่นพลังหนึ่งบินออกมาจากดินแดนบรรพบุรุษมาหยุดลงที่เทือกล้ำสวรรค์
เมื่อเหล่าชาวเทวาได้เห็นภาพของผู้มาถึงนี้พวกเขาก็ตื่นเต้นกันยกใหญ่
“ฮ่าๆๆ บรรพกาลเทียนฉิงท่านมาเองแล้ว! ท่านผู้เฒ่าคงไม่อาจทนท่าทางของมันได้อีก!”
“เจ้าเด็กคนนี้ตายแน่! อยากรู้จริงๆ ว่ามันจะยังปากเก่งไหม!”
“ให้ตายสิ! พ่อเจ้าไม่เคยได้เห็นคนที่ไหนไร้เหตุผลขนาดนี้มาก่อน ไม่ว่าเราจะพยายามสักเท่าไหร่ก็ไม่อาจจะแย่งชิงพลังงานวิญญาณมาจากตัวมันได้เลย!”
…
เทียนชิงนั้นมาหยุดลงตรงหน้าเย่หยวนตาขาวขุ่นก่อนจะกล่าว “เจ้าจะยังรอมันออกมา?”
ความเร็วการบ่มเพาะของเย่หยวนคนนี้มันเร็วกว่าเย่หยวนคนก่อนมาก
เวลาหนึ่งปีมานี้เขาได้ดูดกลืนทุกสิ่งอย่างจนก้าวขึ้นมาถึงคอขวดของอาณาจักรการกำเนิดขั้นกลางแล้ว
พร้อมๆ กันนั้นพิภพโกลาหลเองมันก็ค่อยๆ ก่อเป็นรูปร่างชัดเจน
อีกแค่ก้าวเดียวเขานั้นก็จะบรรลุคอขวดขึ้นไปได้
เพราะว่าเรื่องนี้เองที่ทำให้นับวันเขายิ่งต้องการพลังงานวิญญาณมากขึ้นเพื่อที่จะบำรุงพิภพโกลาหล
เมื่อได้เห็นเทียนชิงมาถึงตัวเย่หยวนตาขาวขุ่นนี้ก็ตอบกลับไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย “เจ้าจะบอกว่าเขาคงไม่ออกมาแล้ว?”
เทียนชิงยืนมือไพล่หลังยิ้มตอบกลับไป “ก็เป็นเช่นนั้นมิใช่หรือ? มันนั้นได้ท้าทายอำนาจสวรรค์และถูกจอมเทพลงทัณฑ์ไปแล้ว ไม่มีทางใดที่มันจะกลับออกมาได้อีกต่อไป! เจ้าก็ได้ร่างกายพอดี เหมาะเลยมิใช่หรือ?”
เย่หยวนจึงได้ตอบกลับไปพร้อมท่าทางดูถูก “เจ้าโง่มาก? เขานั้นคือจิตวิญญาณหลัก หากเขาตายข้าจะยังอยู่บนโลกนี้ได้อย่างไร? เจ้าพูดจาไร้สาระจบแล้ว? เช่นนั้นก็ไสหัวไปเสีย! อย่าได้มาขวางการบรรลุของข้า!”
เย่หยวนตาขาวขุ่นผู้นี้ไม่มีความเมตตาปรานีใดๆ
ที่สำคัญไปกว่านั้นเสียงของเขามันยังดังลั่นจนคนทั้งตระกูลสายเลือดสวรรค์ได้ยินสิ้น
เทียนชิงได้แต่ต้องยืนทำหน้าดำคร่ำเครียด
จิตสังหารรุนแรงปะทุขึ้นมาจากร่างของเขานั้น
เย่หยวนตาขาวขุ่นผู้นี้มันไม่น่ารักเลยเสียจริง!
………….