ตอนที่ 1970 สุดแสนจะไร้ยางอาย

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 1970 สุดแสนจะไร้ยางอาย

 

เฟยหยุนพึงพอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขารู้สึกว่าตนเองได้เอาคืนแล้ว

 

ก่อนหน้านี้ที่หลิงฮันใช้หอกแทงเข้าใส่รูทหารของเขานั้น ทําให้เขาอับอายต่อหน้าสาธารณชนเป็นอย่างมาก และตอนนี้ก็เป็นเขาที่ช่วงชิงสมบัติอันล้ําค่าของอีกฝ่ายมาได้

 

ฮูหนิวจดจ้องไปยังเฟยหยุนด้วยแววตาโหดเหี้ยม ผมของนางสยายชี้ขึ้นฟ้าแม้จะไม่มีลมพัด ‘ครืนน’ เงามหึมาของมัจฉาวายุภักษ์ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของนาง ปีกกับหางของมันสะบัดไปมาพร้อมกับตราประทับแห่งเต๋อันทรงพลังค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา

 

นางเกรี้ยวกราดจนแทบอยากจะใช้ทุกอย่าง เพื่อสังหารตัวอัปยศตนนี้

 

ช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจ และไร้ยางอายจนหาที่เปรียบไม่ได้จริงๆ

 

เฟยหยุนไม่แยแส เนื่องจากพลังต่อสู้ของเขาสมควรด้อยกว่าฮูหนิวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

“นะ…นี่มัน…ดาบเล่มนี้ถูกสร้างขึ้นจากแร่โลหะกลืนกิน!” เขาสํารวจดาบอสูรนิรันดร์และเผลออุทานออกมา

 

แร่โลหะกลืนกินนั้น ตราบใดที่มันกลืนกินแร่โลหะเข้าไปมากพอ วันหนึ่งมันจะบรรลุเป็นแร่โลหะนิรันดร์ในที่สุด มีคําเล่าลือว่าแร่โลหะนิรันดร์ยังไม่ใช่ขีดจํากัดของแร่โลหะกลืนกิน และยังพัฒนาต่อไปได้ด้วยซ้ํา หากมีแร่โลหะนิรันดร์ให้มันดูดกลืนมากพอ

 

แต่แร่โลหะนิรันดร์นั้นมีจํานวนอยู่เพียงน้อยนิด ที่ราชานิรันดร์ส่วนใหญ่เห็นก็ยังต้องน้ําลายไหล เพราะงั้นใครกันจะยอมนําไปให้แร่โลหะกลืนกินดูดกลืน?

 

แต่อย่างก็ตาม ในอนาคตมีความเป็นไปเป็นอย่างแน่นอน ที่ดาบอสูรนิรันดร์จะบรรลุเป็นอุปกรณ์นิรันดร์

 

การช่วงชิงมาได้ ช่างเป็นวาสนาที่ยิ่งใหญ่นัก

 

“ว่าไง แร่โลหะกลืนกิน!” จักรพรรดิคนอื่นๆ ของอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋ง อุทานด้วยความตกตะลึงพร้อมกัน

 

ไม่น่าแปลกใจที่ทําไม มันถึงสามารถสังหารสัตว์ประหลาดระดับตัดวิญญาณสวรรค์ได้ง่ายดายเพียงนั้น อุปกรณ์นิรันดร์ในอนาคต ย่อมต้องมีความสามารถที่น่าอัศจรรย์ขนาดนั้นอยู่แล้ว

 

ไม่มีใครรู้เลยว่า แท้จริงแล้วนั่นไม่ใช่เพราะพลังของดาบอสูรนิรันดร์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าดาบอสูรนิรันดร์เองก็เป็นตัวแปรสําคัญเช่นกัน มันทําหน้าที่ทะลวงการป้องกัน เพื่อทําให้พิษของไผ่ครามผลสีชาดมีผล

 

แต่จะอย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทุกคนเห็นมีเพียงแค่ภาพที่ดาบอสูรนิรันดร์ ทะลวงเข้าใส่สัตว์ประหลาดระดับตัดวิญญาณสวรรค์เท่านั้น

 

“เฟ่ยหยุน ส่งดาบนั่นมา!”

 

“ใช่แล้ว ส่งมันมาซะ นั่นต้องเป็นสมบัติของอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋ง!”

 

“เจ้าไม่อาจผูกขาดมันแต่เพียงผู้เดียว!”

 

ทุกคนคําราม โดยเฟยหยุนได้กลายเป็นเป้าหมายของทุกคนไปโดยปริยาย

 

“ฮึ่ม เจ้าพวกบัดซบ!” ฮูหนิวคํารามเสียงต่ำ ความเกรี้ยวกราดของนางพุ่งทะยานถึงขีดสุดกลิ่นอายที่ไม่อาจพรรณนาได้พรั่งพรูออกมาจากร่างของนาง ราวกับจะบดขยี้ได้ทุกสรรพสิ่ง

 

เฟยหยุนและคนอื่นๆ ตกตะลึง ในชั่วขณะหนึ่ง ฮูหนิวได้ทําให้พวกนึกถึง ‘ยี่’ ที่ต่อให้ทุกคนร่วมมือกันก็ไม่อาจเอาชนะได้

 

หลิงฟื้นฟูพลังกลับมาได้ส่วนหนึ่งแล้ว เขายืนด้วยตนเองและกล่าวออกไป “เจ้าควรรู้ไว้ว่าความโลภจะทําให้ชีวิตจบสิ้นได้”

 

“เหอๆ” ทุกคนแสยะยิ้ม ช่างน่าขันนัก หากเป็นอย่างที่เจ้าว่างั้นทุกคนก็ห้ามแย่งชิงสมบัติกัน และนอนอยู่บ้านเฉยๆ งั้นสิ?

 

“หากรนหาที่ตายเอง ก็อย่าได้กล่าวโทษใคร” หลิงฮันและขยับนิ้วเล็กน้อย

 

‘พรึบ’ ดาบอสูรนิรันดร์ส่องประกายแสง ก่อนที่จู่ๆ มันได้เคลื่อนพุ่งแบ่งเข้าใส่เฟยหยุน

 

เฟยหยุนตกตะลึง ดาบเล่มนี้เป็นสมบัติของหลิงฮัน ต่อให้มันไม่อยู่ในมือหลิงฮันแล้ว แต่

 

เนื่องจากเขาทําการแย่งชิงสมบัติของศัตรูมาได้ และพบว่าดาบอสูรนิรันดร์ถูกสร้างขึ้นจากแร่โลหะกลืนกิน เขาจึงตื่นเต้นเกินไป จนลืมสิ่งสามัญอย่างเรื่องที่ว่า ต้องลบเจตจํานงยุทธของหลิงฮันออกจากดาบเสียก่อน

 

แน่นอนว่าจะลบได้หรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

 

เฟยหยุนตกตะลึงและรีบใช้มือคว้าไปยังด้ามจับของดาบ เพื่อดึงดาบออกไป หลังจากหลบการโจมตีนี้พ้น เขาจะทําการลบเจตจํานงยุทธของหลิงฮันทิ้งในทนที่ เพื่อที่สมบัติชิ้นนี้จะได้กลายเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์

 

เพียงแต่ว่าในขณะที่ดาบพุ่งเข้าใส่ตราประทับแห่งเต๋ของดาบได้ส่องประกายออกมาทีละอัน และส่งเสียงกึกก้องไปทั่วสวรรค์และปฐพี พริบตาต่อมา ปลายดาบก็ได้แท่งเข้าใส่น่องขาของเฟยหยุน

 

“บัดซบ!” เฟยหยุนคํารามอย่างเกรี้ยวกราด “ในมือดาบเล่มนี้ตกมาอยู่ในมือข้าแล้ว เจ้าคิดว่าจะนํามันกลับคืนไปได้งั้นรึ? อย่าได้ฝัน!”

 

สมบัติที่ล้ําค่าเช่นนี้ แม้แต่ราชานิรันดร์ก็ยังต้องจิตใจสั่นไหว ในมือมันมาอยู่ในมือของเขาแล้วมีรีที่จะยอมมอบมันไปให้คนอื่น?

 

หลิงฮันส่ายหัว เมื่อถูกพิษของไผ่ครามผลสีชาดเข้าไปแล้ว ต่อให้เตรียมการรักษามาตั้งแต่แรกก็ใช่ว่าจะมีโอกาสรอดชีวิต

 

แน่นอนว่าหลิงฮันไม่ได้บอกเรื่องนี้ต่อเฟยหยุน และกล่าวออกไปอย่างไม่แยแส “เมื่อพระเจ้าต้องการชีวิตเจ้า ไม่ว่าใครก็ไม่อาจหยุดได้”

 

“ไร้สาระ! ข้า…” เฟ่ยหยุนต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ต้องหยุดชะงักกลางคัน เมื่อพบว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ เขารู้สึกได้ถึงพลังอํานาจบางอย่างที่ไม่อาจพรรณนาได้ กําลังเดือดพล่านอยู่ในร่างกาย และจิตวิญญาณเริ่มถูกกัดกร่อนอย่างรวดเร็ว

 

“เจ้า!” เขาชี้นิ้วไปยังหลิงฮัน และต้องการกล่าวอะไรบางอย่าง เพียงแต่คําพูดของเขาก็ต้องหยุดชะงัก พร้อมกับร่างกายค่อยๆ เน่าเปื่อยหล่นสู่พื้นดิน และสลายหายไป

 

อะไรกัน!

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทําให้ทุกคนขนลุกด้วยความหวาดผวา แค่ปลายดาบแทงเข้าไปที่น่องขายอย่างไม่ได้ลึกมากแท้ๆ แต่มันกลับทําให้ชีวิตของจักรพรรดิระดับห้านิพพานร่วงหล่นลงได้

 

ช่างน่าสะพรึงกลัว

 

หลิงฮันสะบัดมือขวา ‘พรึบ’ ดาบอสูรนิรันดร์ลอยกลับมาหาเขาอย่างรวดเร็ว

 

เนื่องจากการตายของเฟยหยุนนั้นเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป จึงไม่มีใครกล้าหยุดดาบอสูรนิรันดร์ เอาไว้เพราะกลัวว่าตนเองจะตามรอยเฟยหยุนไป

 

‘ฟุบ’ หลิงฮันคว้าดาบอสูรนิรันดร์ และน้ำมันเก็บเข้าไปยังหอคอยทมิฬ พร้อมกับกล่าว “เอาล่ะ พวกเจ้าต้องการสิ้นสุดการเป็นพันธมิตรสินะ งั้นก็มาสู้กัน!”

 

แม้ตัวเขาจะยังไม่ฟื้นฟูกลับไปอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด รอบกายก็พรั่งพรูไปด้วยกลิ่นอายที่องอาจน่ายําเกรง เหล่าจอมยุทธของอาณาเขตสวรรค์ไม่อันจึงรู้สึกฮึกเหิมตามไปด้วย

 

“ลืมเรื่องนี้กันไปดีกว่า ทุกคนล้วนแต่เป็นคนของดินแดนแห่งเซียนเหมือนกัน และมี ศัตรูร่วมกัน พวกเราควรเป็นมิตรกันไว้ไม่ดีกว่ารี” ซูหย่าหรงแทรกเข้ามาโน้มน้าว

 

“เป็นมิตรกันงั้นรึ?” เย่หลินเฟิงกล่าว “ธิดาซู เจ้าเองก็เห็นเฟยหยุนถูกสังหารต่อหน้าต่อหน้าไม่ใช่รึไง? เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว พวกเรายังจะญาติดีกับอาณาเขตสวรรค์ไม่อันได้อย่างไรกัน?”

 

“ใช่แล้ว อัจฉริยะของอาณาเขตสวรรค์กว่างลงของพวกเรา ไม่อาจตายอย่างไร้ความยุติธรรมดา!”

 

“ยิ่งกว่านั้น ทั้งๆ ที่เจ้าหนูนั่นมีความสามารถที่จะสังหารสัตว์ประหลาดตนนั้นได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่กลับจงใจปกปิดพลังเอาไว้จนอัจฉริยะของอาณาเขตสวรรค์กว่างลังถูกสังหารไปหลายคนจิตใจของเขาช่างชั่วร้ายนัก!”

 

ซูหย่าหรงขมวดคิ้วเล็กน้อย นางต้องการมองภาพรวมเป็นสําคัญ แต่คําพูดบางอย่างก็ไม่ใช่สิ่งที่สมควรกล่าวออกไป เพราะงั้นนางจึงไม่รู้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ควรกล่าวโน้มน้าวทุกคนอย่างไร