เคอร์รี่เป็นกะลาสีที่ทำงานบนเรือส่งสินค้า ‘โอเซเบิร์ก’ นานเป็นเวลา 3 ปี 27 วัน

เรือส่งสินค้าลำนี้ถูกตั้งชื่อตามเรือ ‘โอเซเบิร์ก’ ในพิพิธภัณฑ์เรือโจรสลัดนอร์เวย์ได้ถูกเดินเรือที่เส้นทางค้าขายบอลติกเมื่อมันเปิดตัวเมื่อสี่ปีก่อน

ทุกครั้งที่พวกเขาออกทะเล ลูกเรือจะพูดแซวเกี่ยวกับคลื่นทะเลบอลติก แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงคือหลังจากล่องเรือมาหลายปีในทะเลบอลติกที่เงียบสงบ ครั้งนี้พวกเขาถูกคลื่นซัดใส่เข้าจริงๆ แล้ว…

“หยุดก่อน”

เขาอยากขยับน่องที่เหน็บชาแต่ก่อนที่จะได้กระดิกนิ้วเท้า เขาถูกเตะหลัง

เมื่อเคอร์รี่เห็นเงาปืนไรเฟิลสะท้อนมา เขาไม่กล้าพูดอะไรออกมา

ถึงแม้ว่าเขามีชื่อเหมือนกับสตีเฟ่น เคอร์รี่ เขาไม่ได้มีปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ที่ยอดเยี่ยมหรือมีกล้ามใหญ่ เขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดา และเขาทำได้แค่ก้มหัวลงอย่างกล้าๆ กลัวๆ โดยกลัวว่าคนร้ายด้านหลังเขาจะยิงเขาทิ้งและโยนลงทะเลให้ปลากิน

กลุ่มคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาตอนนี้อ้างว่าตัวเองเป็นกลุ่มโจรสลัดแห่งศตวรรษที่ 21 ซึ่งกำลังล่าเหยื่อในทะเลบอลติกแสนสงบ

เมื่อดูจากสีผิวและรูปพรรณของคนพวกนี้ กลุ่มโจรสลัดน่าจะมาจากแอฟริกาตะวันออกอย่างแน่นอน ซึ่งสิ่งที่ทำให้เคอร์รี่งุนงงคือพวกเขาเดินทางไกลมาถึงทางเหนือของยุโรปได้อย่างไร?!

โจรสลัดน่าจะสูญหายไปหมดแล้วตั้งแต่สองร้อยปีก่อน

หลังจากที่ถีบเชลยไป ชายผิวสีเข้มที่สวมหน้ากากปกปิดใบหน้าเดินไปที่ขอบเรือ มีชายถือกล้องส่องทางไกลเดินตามหลังเขาและถามขึ้นว่า “บอส เราจะใช้เวลานานแค่ไหนครับ?”

“ออโรร่าโบเรลิสมีความเร็วสูงสุด 27 น็อต และความเร็วของเราอยู่ที่ 40 น็อต เราต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมงเพื่อตามพวกมันให้ทัน”

ชาวผิวเข้มถามต่อ “เราจะชนพวกมันไหม?”

“ครับ” ชายคนนี้วางกล้องส่องทางไกลในมือลงและแหงนหน้ามองขอบฟ้า อับราฮันหรี่ดวงตาเหยี่ยวแล้วถอดแว่นกันแดดออก แล้วพับมันไว้ที่คอปกเสื้อ

เขาเป็นลูกน้องที่แข็งแกร่งที่สุดของมาแรค และเขาได้ทำการปล้นสะดมที่น่าสะพรึงในทะเลมาหลายครั้ง เนื่องจากมาแรคเชื่อในความสามารถและความซื่อสัตย์ของเขา มาแรคจึงให้เขาเป็นคนนำปฏิบัติการนี้

อับราฮันไม่อยากทำให้หัวหน้าต้องผิดหวัง เขาแน่วแน่ที่จะทำให้ภารกิจนี้ให้สำเร็จ!

ชายผิวเข้มลังเลและอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า

“แต่-”

“หัวหน้าจัดให้เรือตกปลาแถวนี้มาพบเรา เราเพียงแค่ต้องขึ้นเรือหลบหนีแล้วรีบออกจากพื้นที่นี้ไปหลังจากพุ่งชนเรือสำราญ”

แผนนี้ฟังดูสมบูรณ์แบบ ตราบใดที่ทั้งปฏิบัติการนี้ถูกปลอมแปลงว่าเป็นโศกนาฏกรรมเรือสินค้าพุ่งชน ไม่มีใครจะสังเกตเห็นรอยรูกระสุนบนเรือสำราญที่จมลงก้นทะเลบอลติก

ถ้ามันไม่ได้ชนกัน เขาจะบุกขึ้นเรือพร้อมกับคนของเขาแล้วติดตั้งระเบิดเทอร์ไมต์ ไม่จำเป็นต้องจับตัวประกันเลย ถึงมีเรือลาดตระเวนที่ใกล้ที่สุดมาช่วยเหลือ พวกมันก็ใช้เวลาเดินทางมาสามชั่วโมง ปฏิบัติการทั้งหมดสามารถเสร็จสิ้นภายในหนึ่งชั่วโมง

แต่อย่างไรก็ตาม…

ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่นจริงๆ เหรอ?

แม้ว่าเขามีความกังวลนี้อยู่ในใจ ชายผิวเข้มไม่กล้าถามอะไรอีก เขากลัวการลงโทษจากชายเหี้ยมโหด

สำหรับคนอย่างพวกเขา ความขี้ขลาดและความตายคือสิ่งเดียวกัน

ถ้าเขาแสดงความกลัวออกมาละก็ แร้งเหยี่ยวจะบินลงมาเจาะกะโหลกเขาโดยปราศจากความลังเล…

ที่ดาดฟ้าเรือออโรร่าโบเรลิส

ผู้คนมีสีหน้าตื่นกลัวจากเสียงไซเรน ต่างคนก็หันไปมองรอบๆ ด้วยแววตาสับสน

นักธุรกิจที่กำลังพูดคุยก็วางแก้วแชมเปญในมือลง หญิงสาวในชุดเดรสจับแขนคู่รักของเธอ บริกรที่เสิร์ฟไวน์และอาหารมีสีหน้าแบบเดียวกัน

“มีเรื่องอะไรกัน?”

“มีใครเผลอไปทำสัญญาณเตือนดังหรือเปล่า?”

“นี่เป็นเรือสำราญที่มีราชวงศ์โดยสารด้วย ใครกันที่กล้าทำผิดพลาดต่ำๆ แบบนี้! น่าละอายเสียจริง!”

ชายในยูนิฟอร์มลูกเรือมาที่ดาดฟ้าเรือแล้วตะโกนลั่นเสียงดัง

“ไม่ต้องแตกตื่นไปครับทุกท่าน มันอาจจะมีลมและคลื่นแรงรอเราอยู่ โปรดกลับไปที่ห้องของคุณและรอให้สัญญาณเตือนหายไปนะครับ เราจะแจ้งให้ทราบเมื่อชายามบ่ายดำเนินการต่อ”

แต่เสียงดังนี้ไม่ได้เข้าควบคุมสถานการณ์ในทันที มันกลับทำให้สถานการณ์ที่ดาดฟ้าเรือโกลาหลมากขึ้น ผู้คนที่สับสนงุนงงมองไปมาด้วยความตื่นตระหนก โดยหวังว่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ผู้คนยังมีอารมณ์เกี้ยวพาราสีกันในช่วงเวลาแบบนี้

“เจมส์ ข้างหน้าเราคือภูเขาน้ำแข็งใช่ไหม?”

“ไม่ต้องเป็นห่วงไปคนสวยของผม ถ้าเราไปชนกับภูเขาน้ำแข็งผมจะใช้ความรักที่มีต่อคุณละลายมันลง…”

เมื่อกริ่งเตือนดังขึ้น หวังเผิงสอดมือขวาเข้ากระเป๋ากางเกงด้วยความสงบ เขายืนหันหลังให้ลู่โจวและหรี่ตา

พนักงานรักษาความปลอดภัยที่กระจายตัวอยู่รอบๆ ก็ต่างปฏิบัติหน้าที่กัน พวกเขาอพยพผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงและเตือนถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

“ตรงนี้ไม่ปลอดภัย เราควรกลับไปที่ห้อง”

ลู่โจวมองดูหวังเผิงและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

หวังเผิงยกมือซ้ายขึ้นแตะหูฟังไร้สาย เขาพูดด้วยเสียหน้าตึงเครียด

“มันยังไม่ใช่ชัดเจนเลยครับ…พวกเรากำลังยืนยันสถานการณ์อยู่”

คลื่นใต้เรือสำราญจู่ๆ ก็เริ่มปั่นป่วน คลื่นมีความสูงเพิ่มขึ้นหลายเมตร

ผู้คนบริเวณขอบดาดฟ้าเรือกรีดร้องแล้วถอยหลังออกมา แรงสะเทือนทำให้แก้วไวน์หล่นลงพื้น ทุกอย่างตกอยู่ในความวุ่นวาย

ลู่โจวหรี่ตาแล้วหันไปมองทางทะเลที่อยู่ไม่ไกล

เขาสัมผัสได้ถึงแรงสะเทือนจากใต้เท้า คลื่นไม่ได้มีขนาดใหญ่ขึ้น แต่เรือสำราญกลับเร่งความเร็วขึ้น

เพื่อนร่วมงานของหวังเผิงยืนยันสถานการณ์จากห้องของกัปตัน หวังเผิงเอื้อมมือไปคลิกหูฟังไร้สาย จากนั้นเขาพูดกับลู่โจว

“เรือสินค้าได้เบี่ยงเบนจากเส้นทางแล้วมุ่งตรงมาทางเรา กัปตันพยายามส่งสัญญาณติดต่อกับเรือสินค้า แต่ไม่มีการตอบรับกลับมาเลย พวกเขาเพิ่มความเร็วเรือถึงระดับสูงสุด…ดูเหมือนว่าพวกเขาอยากตามเราให้ทัน”

“หรือพวกนั้นอาจจะอยากแข่งกับเรา”

“เป็นแบบนั้นก็คงดี แต่สถานการณ์ดูไม่เรียบง่ายเสียเลย…”

“ในกรณีนี้เราควรไปห้องกัปตัน”

หวังเผิงพูดตอบ “เพื่อนของผมอยู่ที่นั่นแล้ว”

ลู่โจวพูดขึ้น “งั้น…เราก็ไปที่นั่นด้วยกันเถอะ”

หวังเผิงพยักหน้า เขาเดินนำลู่โจวข้ามเรือไปที่ห้องกัปตันโดยฝ่าฟันกับคลื่นปั่นป่วนและกระเพื่อม

พวกเขาสองคนถึงปลายทางในที่สุด

หวังเผิงเดินนำไปเปิดประตูแล้วก้าวนำเข้าห้องกัปตันไปก่อน

“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง? เราติดต่อสำเร็จไหม?”

“ยังครับ” พนักงานที่รับผิดชอบการสื่อสารกำลังถือโทรศัพท์ด้วยสีหน้าประหม่า เขาพูดพร้อมกับสีหน้าไม่สู้ดีนัก “เราพยายามเปลี่ยนเส้นเดินเรือ แต่พวกเขาก็เปลี่ยนเส้นทางด้วยในทันที…พวกนั้นมุ่งหน้ามาทางเราแน่นอน”

“มันดูไม่ค่อยดีเลย!”

การรอต่อไปแบบนี้ไม่ใช่ตัวเลือกอีกต่อไป

ลู่โจวหยิบแว่นโฮโลแกรมจากกระเป๋ากางเกงออกมาโดยไม่ลังเล แล้วสวมมันเข้าทันที

“เสี่ยวไอ เชื่อมต่อกับวงโคจรของดาวเทียม…ฉันต้องการภาพถ่ายอากาศของพื้นที่ทะเลใกล้เคียง”

เสี่ยวไอ: [รับทราบ! กำลังเชื่อมต่อ (๑•̀ᄇ•́)و✧]

หวังเผิงมองดูลู่โจวด้วยสายตาแปลกๆ ลู่โจวหยุดพูด จากนั้นก็ยิ้มให้หวังเผิงแล้วชี้ไปที่แว่นโฮโลแกรม

“แว่นตาเออาร์… มันสะดวกกว่าโทรศัพท์มือถือ”

ที่อีกฟากหนึ่ง ในอวกาศนอกโลก

ดาวเทียมสำรวจดาราศาสตร์ของสตาร์สกายเทคโนโลยีสตาร์สกายเทคโนโลยีเดินทางออกจากวงโคจรเดิมแล้วเคลื่อนไปพื้นที่ตรงยุโรปเหนือด้วยแรงเครื่องทรัสเตอร์พลาสม่า

ภาพถ่ายอากาศชัดเจนปรากฏขึ้นให้ลู่โจวเห็นในไม่ช้า หลังจากซูมหลายครั้ง ภาพพุ่งไปที่เรือสินค้า

เมื่อเขาเห็นดาดฟ้าของเรือสินค้าลู่โจวก็หลุบตาลง

ผ่านไปสักพักเขาก็หันไปมองหวังเผิงและพูดว่า “ผมเกรงว่าเราพบกับโจรสลัดเข้าแล้ว”

หลังจากที่เขาพูดภาษาจีนเสร็จ เขาพูดย้ำอีกครั้งเป็นภาษาอังกฤษ

ห้องกัปตันอยู่ในความวุ่นวายทันที

“โจรสลัด?” บอดี้การ์ดของทางราชวงศ์เหลือบมองลู่โจวแล้วถามเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ “คุณแน่ใจเหรอ?”

นี่คือทะเลบอลติกที่ใกล้กับประเทศที่พัฒนาแล้ว มันไม่น่าจะมีเรื่องอย่างโจรสลัด

ปกติแล้วโจรสลัดมักจะเตร็ดเตร่อยู่แถบประเทศโลกที่สาม

ลู่โจวรู้ว่าชายคนนี้น่าจะไร้ประโยชน์ เขาจึงหันไปให้ความสนใจกับหวังเผิง

“ผมส่งภาพไปที่โทรศัพท์ของคุณแล้ว”

หวังเผิงหยิบโทรศัพท์มาปลดล็อกหน้าจอทันที

เมื่อเขาเห็นภาพถ่ายจากอากาศ เขาเพ่งสายตาทันที

มีโจรสลัดและตัวประกันอยู่ที่ดาดฟ้าเรือสินค้า พวกนั้นนอกจากจะมีเจตนาไม่หลบซ่อนเลย แล้วโจรสลัดก็ยังมัดตัวประกันไว้กับราวกันตกของเรือ

แผนของพวกนั้นชัดเจน

พวกเขาใช้ตัวประกันข่มขู่แล้วต้องการพุ่งจู่โจมเต็มรูปแบบ

ลู่โจวพูดขึ้น “เราควรเจรจากับอีกฝ่ายไหม?”

มันดูยาก แต่มันน่าจะมีวิธีแก้ไขเรื่องนี้

“ไม่จำเป็น”

หวังเผิงหยิบโทรศัพท์ดาวเทียมที่มีหน้าตาคล้ายสมาร์ทโฟนออกมา เขากดปุ่มบนเครื่องแล้วใส่รหัสผ่าน เขาพิมพ์ข้อความและกดปุ่มส่ง

หลังจากนั้นเขาก็เก็บโทรศัพท์ลงไปแล้วมองไปนอกหน้าต่างเรือ

“คนของเรากำลังเดินทางมา”