อู๋ซินน้อยใจมาก
เขาอยากที่จะช่วยพ่อแบ่งเบาภาระ แต่เขาไม่คิดเลยว่าแอคหลุมนี้เชื่อถือไม่ได้เลย
ไม่เพียงเชื่อถือไม่ได้ แถมยังหักหลังเขาอีกด้วย
เขาโกรธสุดขีดและบอกกับอู๋ตงไห่ว่า: “พ่อ!ไอ้แอคหลุมนั้นรับเงินผมแล้ว ยังกล้าเปิดเผยผมอีก ผมจะทำให้มันตายอย่างโหดเหี้ยม!”
อู๋ตงไห่พูดอย่างเย็นชาว่า: “นายไม่ใช่โง่แบบธรรมดานะ เพียงแค่แอคหลุมยาจกคนหนึ่งที่ไม่มีเกียรติศักดิ์ เขาจะกล้ามาต่อกรกับตระกูลอู๋ได้อย่างไร? ถ้าไม่มีคนอยู่เบื้องหลังคอยเล่นงานพวกเราอยู่!”
อู๋ซินรีบถามไปว่า: “พ่อ พ่อคิดว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้? ใครจะกล้าดีแบบนี้ กล้าฆ่าน้องชายของแม่ และยังฆ่าสมาชิกสำคัญของสำนักขอทานทั้งหมด ยังกล้ามาต่อกรตระกูลอู๋อย่างเปิดเผยด้วย!”
อู๋ตงไห่กัดฟัน: “พ่อก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่พ่อก็นึกไม่ออกเหมือนกัน ว่าใครจะมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ปกติตระกูลที่เป็นศัตรูกับพวกเรา ก็ถูกพวกเราจัดการไปแล้ว พวกเขาคงไม่มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่จะวางแผนเรื่องที่ใหญ่แบบนี้……”
อู๋ซินอดไม่ได้ที่จะถาม: “พ่อหมายความว่ามีตระกูลที่มีอำนาจยิ่งกว่ากำลังพุ่งเป้าหมายมาทางเราหรือ?”
อู๋ตงไห่ถอนหายใจ: “พ่อก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่พ่อมีความรู้สึกว่าได้ทันทีว่า เย่เฉินที่อยู่ที่จินหลิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
“เย่เฉินหรือ?” อู๋ซินตกใจและพูดว่า: “เขาคงไม่มีพลังอำนาจมากขนาดนี้มั้ง ถ้าเขาเป็นงูเจ้าถิ่นอยู่ที่จินหลิงก็อาจจะเป็นไปได้ แต่เขาจะมีความสามารถขนาดนี้เลยหรือ? เขาจับสมาชิกหลักของสำนักขอทานที่อยู่ที่ซูหางทั้งหมด? ตระกูลอู๋อาจจะยังไม่มีความสามารถนั่นเลยนะ!”
อู๋ตงไห่พยักหน้า: “ที่นายพูดก็มีเหตุผล แต่เท่าที่พ่อสังเกตมา และเห็นข้อความบนโซเชียลหนึ่งข้อความ!”
อู๋ซินรีบถามไปว่า: “ข้อความอะไร?”อู๋ตงไห่พูดอย่างไม่พอใจว่า: “น้องชายที่สมควรตายของฉัน เด็กชุดนั้นที่เขาต้องการซื้อตอนนี้ เป็นเด็กที่ถูกลักพาตัวออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจินหลิง”
พูดถึงประโยคนี้ อู๋ตงไห่เงียบไปสักพักแล้วกัดฟันพูดว่า: “ฉันเคยสืบประวัติของเย่เฉิน เขาเติบโตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจินหลิง!”
“เป็นแบบนี้นี่เอง!” อู๋ซินอุทานด้วยความตกใจและพูดว่า: “ถ้าเป็นแบบนี้ เด็กที่ถูกลักพาตัวเหล่านี้ ก็เป็นน้องชายน้องสาวของเย่เฉินสินะ!”
“ใช่แล้ว!” อู๋ตงไห่พูดว่า: “ฉันถึงเดาว่าเรื่องนี้ เย่เฉินต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่ๆ!”
อู๋ซินอดไม่ได้ที่จะถามว่า: “พ่อ แต่เย่เฉินน่าจะไม่มีความสามารถที่จะทำแบบนี้ไม่ใช่หรือ? ถึงเขาจะมีคนหนุนหลังที่จินหลิง แต่คงไม่มีอำนาจมากขนาดนี้!ถึงจะให้ตระกูลซ่งออกหน้า พวกเขาก็ไม่มีความสามารถที่จะฆ่าน้องชายพ่อและสมาชิกหลักของสำนักขอทานอยู่ดี!”
อู๋ตงไห่พูดด้วยความกังวลว่า: “นี่เป็นเรื่องที่ฉันกังวลมากที่สุด ถ้าตระกูลซ่งเป็นคนหนุนหลังให้เขา ฉันจะไม่กลัวเลย แต่คนที่ฉันกลัวก็คือเฉินจื๋อข่าย!”
ตอนที่อยู่จินหลิง อู๋ตงไห่พ่อลูกถูกเฉินจื๋อข่ายไล่ออกจากป๋ายจินฮ่านกง
ตอนนั้นขาของพวกเขาหัก และรอเฮลิคอปเตอร์มาถึงอย่างยากลำบาก เฉินจื๋อข่ายไม่อนุญาตให้เฮลิคอปเตอร์จอดลงจอดที่ลานกว้างของป๋ายจินฮ่านกง หรือจะพูดว่าเขาไม่ไว้หน้าพ่อลูกของตระกูลอู๋นี่เลยก็ได้
แต่เฉินจื๋อข่ายเป็นคนของตระกูลเย่ เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้ ดังนั้นพ่อลูกของตระกูลอู๋ก็เลยไม่กล้าไปล้างแค้นเขา
อู๋ตงไห่สงสัยว่า คนที่มีความสามารถที่จะจัดการกับสำนักขอทานที่ซูหางทั้งสำนักได้ มีเพียงแค่เฉินจื๋อข่าย!
อู๋ซินได้ยืนการคาดการณ์แบบนี้ เขาเริ่มที่จะลนลานขึ้นมาแล้ว เขามองไปหาอู๋ตงไห่ และถามโพล่งไปว่า: “พ่อ ทำไมเฉินจื๋อข่ายถึงคอยช่วยเหลือเย่เฉินแบบนี้? เขาเป็นเพียงแค่คนออกเสียงของตระกูลเย่เท่านั้นเอง?”
“ตามความจริงแล้ว ถ้าเป็นการตัดสินใจของเขาเอง เขาไม่มีทางที่จะเคลื่อนย้ายกองกำลังครั้งใหญ่แบบนี้ เบื้องหลังของเรื่องนี้ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเย่แน่นอน เขาทำไมถึงกล้าใช้ความสัมพันธ์เขากับตระกูลเย่เพื่อไปช่วยเย่เฉิน?”
“หรือว่า…….”
อู๋ซินพูดถึงประโยคนี้ สีหน้าของเขาดูแย่มาก
เขามองไปที่พ่อของเขาและถามด้วยเสียงที่เบาว่า: “พ่อ เย่เฉินคงไม่ใช่คนของตระกูลเย่ใช่มั้ย? แบบนี้ก็ดูออกแล้วว่า เขาเป็นคนของตระกูลเย่ ดังนั้นเฉินจื๋อข่ายถึงไว้หน้าเขา และเขาเป็นคนของตระกูลเย่ ถึงได้มีพลังอำนาจมากขนาดนี้?”