ตอนที่ 2706

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,706 : ฮ่วนเอ๋อลงมือ!

 

“ข้าต้องได้สตรีนางนี้!”

 

ชายหนุ่มในชุดผ้าแพรปักลายในชุดคลุมขนนกที่แลดูหรูหรามีระดับ อันคล้ายจะเป็นผู้นำในบรรดาชายหนุ่มทั้ง 3 กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงกระเหี้ยนกระหือรือ!

 

ลึกลงไปในแววตาของมันฉายชัดถึงความกำหนัดมากราคะอย่างไม่คิดจะปกปิด!

 

“ฮั้ย! ในเมื่อพี่ลี่ต้องตาพึงใจนาง ผู้น้องไหนเลยจะกล้าแย่งชิง เชิญพี่ลี่ตามอัธยาศัยเถอะ!”

 

“โอย พี่ลี่ออกมาเที่ยวครานี้ ไฉนท่านมีโชคนักเล่า!”

 

เมื่อชายหนุ่มอีก 2 ในชุดแพรหรูหราเหมือนกัน ได้ยินวาจาแน่วแน่ของชายหนุ่มที่แลดูมีระดับที่สุด แม้ในแววตาของพวกมันจะฉายชัดถึงความไม่เต็มใจอยู่บ้าง แต่ไหนเลยจะกล้าเผยออก ได้แต่เออออตามน้ำไป

 

ถึงแม้พวกมันจะมาจากตระกูลเดียวกัน หากทว่าฐานะทางสังคมก็ยังมีแบ่งแยกสูงต่ำ

 

กระทั่งการออกมาเที่ยวครานี้ พวกมันก็ยังต้องพึ่งใบบุญของอีกฝ่าย

 

ไม่ใช่ว่าพวกมันจะออกมาเที่ยวกันเองไม่ได้ แต่ทว่าพวกมันไม่อาจมีหลักประกันชีวิตที่ดีขนาดนี้ เพราะหากพวกมันออกมากันสองคน ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีชายชราขอบเขตต้าหลัวจินเซียนถึง 2 คนคอยติดตามคุ้มกันเหมือนชายหนุ่มผู้นำ

 

อันที่จริงกระทั่งชายชราทั้ง 2 เองพอได้เห็นฮ่วนเอ๋อ ก็ถึงกับสองตาลุกวาวอยู่บ้าง

 

พวกมันมีชีวิตอยู่มาหลายพันปีแล้ว หากทว่านี่เป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่พวกมันได้เห็นสตรีที่งามพิลาศล้ำถึงขนาดนี้

 

โฉมหน้าอันงดงามไร้ตำหนิ ประหนึ่งผลงานเอกของจิตกรเทพนั่น ทำให้ใจชราที่ตายด้านเรื่องพวกนี้มานานของพวกมัน เสมือนมีประกายไฟจุดติดขึ้นอีกครั้ง

 

ต้องทราบด้วยว่า กระทั่งให้เป็นโฉมงามอันับ 1 ของเมืองหลวงประเทศอวิ๋นเหยียน ยังไม่ทำให้พวกมันหวั่นไหวได้เลย

 

“นายน้อยลี่…”

 

ทันใดนั้นเอง 1 ใน 2 ชายชราพลันก้าวออกมากล่าววาจากับชายหนุ่มที่ถูกเรียกหาว่า ‘พี่ลี่’ โดยชายหนุ่มทั้ง 2 ตรงๆ “โฉมงามนางนี้งดงามเกินไป…ข้าเกรงว่าท่านมิอาจครอบครองนางได้ เพราะหากรูปโฉมของนางถูกเผยแพร่ออกไปวันหน้า เกรงว่าอาจชักนำเภทภัยมาสู่ตระกูลเราได้”

 

“มิต้องกล่าวถึงคนอื่นคนไกล…ลำพังแค่ องค์ชาย 6 คนเดียว หากมันล่วงรู้ว่านายน้อยลี่พบพานโฉมงามเช่นนี้หากแต่ไม่เสนอให้มัน ข้าเกรงว่าท่านจะเจอปัญหาใหญ่…”

 

ชายชรากล่าวออกเสียงเข้ม

 

“องค์ชาย 6…”

 

ได้ยินคำเตือนของชายชรา ผู้ที่ถูกเรียกหาว่านายน้อยลี่ถึงกับหน้าเปลี่ยนสีทันใด ไม่นานก็ปรากฏเม็ดเหงื่อเยียบเย็นผุดซึมออกมาจากขมับ

 

เนื่องเพราะในใจมันสุมไว้ด้วยไฟราคะจนหน้ามืดตามัว เอาแต่คิดว่าจะทำอย่างไรถึงจักได้ครอบครองเชยชมโฉมงามเบื้องหน้า…

 

เพราะสุดท้ายแล้วสตรีนางนี้ก็ช่างไร้ที่ติเหลือเกิน สมบูรณ์แบบจนมันหายใจไม่ทั่วท้องแล้ว

 

หากทว่าพอได้ยินคำเตือนของชายชรา ก็เสมือนมีน้ำเย็นถังใหญ่ราดลงหัว ปลุกสติให้มันตื่นขึ้นมา และสำนึกว่า…โฉมงามสมบูรณ์พร้อมเบื้องหน้า ไม่ใช่อะไรที่มันจะครอบครองได้!

 

“ข้า หนานกงลี่มีวาสนาได้พบพานสตรีประเสริฐเช่นนี้ทั้งที แต่กลับมิมีสิทธิ์ครอบครอง…ไยฟ้าถึงได้ใจร้ายกับข้านัก!”

 

หนานกงลี่หัวเราะเยาะเย้ยตัวเองอย่างขื่นขม

 

องค์ชาย 6 ที่ชายชรากล่าวถึงนั้น เป็นโอรสของฮ่องเต้แห่งประเทศอวิ๋นเหยียน และยังเป็นคนที่ตระกูลของมันให้การสนับสนุน

 

เป็นธรรมดาว่าในสายตาขององค์ชาย 6 มันหนานกงลี่ก็เป็นได้แค่เบี้ยตัวเล็กๆไร้สำคัญ กระทั่งองค์ชาย 6 อาจจำชื่อมันไม่ได้ด้วยซ้ำ

 

“นายน้อยลี่ ขอเพียงท่านมอบสตรีพิลาศล้ำนางนี้ให้องค์ชาย 6 ล่ะก็…ข้าเชื่อว่าองค์ชาย 6 ต้องจดจำนายน้อยลี่ได้เป็นแน่! กระทั่งอาจเลื่อนให้ท่านขึ้นเป็นคนสนิทคอยรับใช้ข้างกาย เช่นนั้นแม้ท่านจักต้องสูญเสียโฉมงามไป แต่การได้อำนาจจากองค์ชาย 6 มา ก็มินับว่าเป็นการค้าที่นายน้อยท่านขาดทุน”

 

ชายชราอีกคนกล่าวเสริม

 

“พวกเจ้าพูดถูก! องค์ชาย 6 ไม่เคยปฏิบัติต่อผู้สร้างความชอบอย่างเลวร้าย…หากข้าสร้างความดีความชอบอันใหญ่หลวงให้องค์ชาย 6 ได้ล่ะก็…ข้าต้องกลายเป็นที่โปรดปรานขององค์ชาย 6 ได้แน่ คราวนี้ข้าก็จักได้อำนาจมาอยู่ในมือ!!”

 

สองตาหนานกงลี่ส่องแสงจ้าขึ้นมาทันใด

 

เมื่อได้รับคำชี้แนะจาก 2 ผู้ชรา สติหนานกงลี่ก็กลายเป็นแจ่มใส จัดลำดับความสำคัญของเรื่องราวได้ทันที

 

“ท่านผู้เฒ่าทั้ง 2 พวกท่านไปจัดการไอ่หนุ่มชุดม่วงนั่นเสีย แล้วจับโฉมงามนางนั้นกลับมาให้ข้า…แต่พวกท่านจำไว้ให้ดี! อย่าได้เผลอทำให้โฉมงามต้องบอบช้ำเป็นอันขาด หาไม่แล้วข้าเกรงว่าองค์ชาย 6 ไม่เพียงแต่จะตำหนิข้า ยังจะจัดการพวกท่านที่มิรู้จักรักถนอมบุปผา!”

 

ขณะที่กล่าวหนานกงลี่ก็เบนตาไปมองต้วนหลิงเทียนผ่านๆ สายตายังทำราวกับมองชมคนตาย

 

อย่างไรก็ตามพอมันละสายตาออกมามองร่างฮ่วนเอ๋ออีกครั้ง ความปรารถนาล้นใจก็ฉายออกมาแจ่มชัดอีกรอบ ทำราวกับมันใคร่จะจับร่างบางแสนงามกดลงตั่งเตียง แล้วครอบครองนางในบัดดล!

 

ความอิจฉาและไม่เต็มใจของชายหนุ่มอีก 2 คนข้างๆ ก็มลายหายไปดั่งหมอกควันต้องลมทันที เมื่อได้ยินหนานกงลี่เอ่ยถึงเรื่องจับสตรีนางนี้ไปถวายองค์ชาย 6

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปยังฮ่วนเอ๋ออีกครั้ง สองตาของพวกมันก็ฉายชัดถึงถึงไฟราคะ ทำราวกับทนพุ่งออกไปฉีกเสื้อผ้าผู้อื่นไม่ไหวแล้ว

 

ฮ่วนเอ๋องดงามเกินไป

 

เป็นความงามอันสมบูรณ์แบบถึงขั้นไร้ตำหนิ!

 

ตราบใดที่ยังเป็นบุรุษธรรมดา เกรงว่าเมื่อได้ยลโฉมนาง ก็ไม่มีทางห้ามใจได้ไหว

 

“ทราบแล้ว นายน้อยลี่”

 

ได้ยินคำสั่งของหนานกงลี่ 2 ชราด้านหลังขานรับทันใด ลูกตาของพวกมันเหลือบมองไปทางต้วนหลิงเทียนอย่างเยียบเย็น เจตนาฆ่าฟันแผ่ซ่านออกมาอย่างไม่คิดจะกักเก็บ

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

และเมื่อ 2 ชายชราพุ่งร่างเข้ามาฉับไว สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนเป็นอึมครึม!

 

ไม่ใช่เพราะชายชราทั้ง 2 เหินทะยานเข้ามารวดเร็วจนต้วนหลิงเทียนรู้สึกกดดัน

 

ตัดสินจากความเร็วในการเคลื่อนไหวของชายชราทั้ง 2 แม้พวกมันจะบรรลุถึงต้าหลัวจินเซียนแล้ว ทว่าก็เป็นแค่ต้าหลัวจินเซียนขั้นเหลืองดาษๆ พลังฝีมือยังมิสู้ โจวทง อดีตผู้พิทักษ์อันดับ 1 ของจวนผู้ว่ามณฑลจิ่วโยวที่ตกอยู่ในกำมือต้วนหลิงเทียนอย่างไร้หนทางต่อต้านด้วยซ้ำ

 

และในอดีตต้วนหลิงเทียนยังสามารถจัดการโจวทงได้…

 

นับประสาอะไรกับตอนนี้?

 

ส่วนสาเหตุที่สีหน้าต้วนหลิงเทียนกลายเป็นอึมครึมมืดดำราวจะคั้นได้เป็นหยดน้ำหมึกนั้น เพราะชายหนุ่มในชุดหรูหรานามว่า หนานกงลี่ นั่น…เพียงเอ่ยคำก็บอกว่าจะฆ่าเขา!

 

ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกับอีกฝ่ายไม่ใช่รึไง?

 

กระทั่งวันนี้ก็พึ่งเคยเจอหน้ากันด้วยซ้ำไม่ใช่เหรอ?

 

เมื่อชายชราทั้ง 2 โจนทะยานร่างมาถึงครึ่งทาง พลังเซียนอมตะทั่วร่างต้วนหลิงเทียนก็เริ่มคุกรุ่นขึ้นมา พร้อมเข่นฆ่าผู้คน!

 

“พวกเจ้า ไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าต้วนหลิงเทียน!”

 

เสียงไพเราะเสนาะหูหนึ่งดังขึ้น แม้ว่ามันจะเย็นชา ทว่ายามเข้าหูต้วนหลิงเทียน ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนเสมือนกำลังได้ยินทำนองอันไพเราะที่สุดในแดนดิน

 

และชายหนุ่มทั้ง 3 รวมถึงหนานกงลี่ เมื่อได้ยินเสียงดังกล่าว ก็ถึงกับเหม่อไปอยู่บ้าง “คนก็งาม เสียงก็ไพเราะจับใจ…”

 

“น่าเสียดาย…ที่โฉมงามเช่นนางพวกเราดูได้แต่ตา มือไม่อาจต้อง!”

 

 

ทั้ง 3 ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน

 

เจ้าของเสียงเย็นชาทว่าไพเราะจับใจที่ว่า ก็คือฮ่วนเอ๋อที่ลอยร่างอยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียน

 

ด้านชายชราทั้ง 2 เมื่อได้ยินเสียงไพเราะปานดุริยางค์สวรรค์ ร่างที่ทะยานข้ามฟ้ามาฉับไวก็ถึงกับชะงักหยุดลงวูบหนึ่ง แต่ไม่นานพวกมันก็ดึงสติกลับมา และเริ่มโจนทะยานเข่นฆ่าไปทางต้วนหลิงเทียนสืบต่อ สภาวะยังดุร้ายเกรี้ยวกราดปานอัสนีบาตฟาด!!

 

สองตาพวกมันมองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง จิตฆ่าฟันยิ่งมายิ่งอำมหิต!

 

วูบ!

 

ห้วงเวลาดุจฟ้าแลบ ไม่ทันที่ชายชราทั้ง 2 กับต้วนหลิงเทียนจะทันใดตอบสนองสิ่งใด ร่างฮ่วนเอ๋อแต่เดิมที่ลอยล่องอยู่ข้างกายต้วนหลิงเทียน คนคล้ายกลับกลายเป็นภูตผี เลือนหายไปในฉับพลัน!

 

ขณะเดียวกัน เบื้องหน้าชายชราทั้ง 2 ท่ามกลางความว่างเปล่า อยู่ๆก็ปรากฏร่างฮ่วนเอ๋อขึ้นอย่างอัศจรรย์!

 

“ข้าบอกว่า…พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าต้วนหลิงเทียน!”

 

เมื่อฮ่วนเอ๋อกล่าวออกมาอีกครั้ง โดยมีนางเป็นจุดศูนย์กลาง บังเกิดไอเย็นเยือกขุมหนึ่งแผ่ซ่านออกไปในพริบตา พาลให้ต้วนหลิงเทียน และชายหนุ่มในชุดหรูทั้ง 3 รู้สึกเสมือนประหนึ่งฤดูหนาวมมาเยือน!

 

กระทั่งทั่วร่างยังสัมผัสได้ถึงไอเย็นเยียบประการหนึ่งชำแรกแทรกซึมเข้ามาจนเหน็บหนาวเสียดกระดูก!

 

ต้องทราบด้วยว่าไอเย็นเช่นนี้หากมิใช่ถูกกลบฝังใต้ธารน้ำแข็งล้านปี ด้วยระดับพลังฝึกปรือที่มี ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะถูกความเย็นแทรกซึม!

 

ทว่ายามเมื่อไอเย็นแผ่ซ่านออกมาจากร่างฮ่วนเอ๋อ ไม่ว่าจะต้วนหลิงเทียน หรือชายหนุ่มทั้ง 3 ก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความเหน็บหนาวจนร่างสะท้าน กระทั่งริมฝีปากยังเปลี่ยนไปเป็นสีเขียวในชั่วพริบตา

 

แต่ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนพอสัมผัสได้ว่า ไอเย็นอันหนาวสะท้านที่เคี่ยวกรำทั่วร่างกำลังลดฮวบฮาบลง เขาก็พอได้โล่งใจไปเปราะหนึ่ง

 

เพราะเขาพบว่าเมื่อครู่แม้เขาจะเร่งเร้าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดออกมาต้านทานไอเย็นที่ชำแรกแทรกซึมเข้ามามากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่อาจยับยั้งมันได้เลย…

 

ช่างเป็นไอเย็นยะเยือกอันน่าพรั่นพรึงนัก!

 

“หืม?”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่ทันรู้ตัว พอมองไปทางร่างชราทั้ง 2 ที่โจนทะยานเข้ามาเขาก็พบว่า…

 

ปรากฏพายุหิมะห่าหนึ่งพัดผ่านร่างชายชราทั้ง 2 ไปเร็วไว จนร่างชราทั้ง 2 กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งในชั่วพริบตา! ที่สำคัญร่างที่กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งของชายชราทั้ง 2 นั้น ยังเริ่มบังเกิดรอยร้าวแผ่ขยายออกไป!

 

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

 

 

ยิ่งมารอยร้าวบนร่างทั้ง 2 ของผู้ชราที่กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งก็ยิ่งแผ่ขยายลุกลาม สุดท้ายคนก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ! กลายเป็นสะเก็ดน้ำแข็งร่วงกราวหล่นฟ้า ต้องสะท้อนแสงตะวันระยิบระยับ!!

 

“ฟืด—”

 

เห็นฉากดังกล่าวต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าอย่างหนาวเหน็บ สายตาที่ใช้มองฮ่วนเอ๋อเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!

 

ตอนนี้ฮ่วนเอ๋อในชุดขาวที่ลอยล่องกลางฟ้าโดยมีพายุหิมะม้วนวนรอบกาย มองไปไม่ต่างเทพธิดาหิมะอันสูงส่ง ยากลบหลู่…

 

“หืม?”

 

ทันใดนั้นเองคล้ายสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ลูกตาเขาหดเล็กลง เร่งหันไปมองหนานกงลี่ทันที

 

จึงเห็นว่า…หนานกงลี่กำลังหยิบยันต์อมตะชิ้นหนึ่งออกมาบดขยี้อย่างร้อนรน!

 

ครู่ต่อมา

 

ฟุ่บบบ!

 

ร่างหนานกงลี่ก็อันตรธานหายไปในอากาศว่างเปล่าต่อหน้าต่อตาต้วนหลิงเทียน

 

“ยันต์แสงเงาเหิน!”

 

ในวินาทีที่หนานกงล่กำลังบดขยี้ยันต์อมตะนั้น ต้วนหลิงเทียนทันได้สังเกตเห็นลวดลายอาคมจารึกที่เรืองสว่างขึ้นมาวูบหนึ่งบนยันต์อมตะนั่น จึงจดจำได้ว่ามันคือยันต์แสงเงาเหิน

 

ยันต์แสงเงาเหินนั้น กล่าวได้ว่าเป็นดั่งยันต์หลบหนีเงาว่างเปล่าขนาดย่อมๆ ทว่ายันต์หลบหนีเงาว่างเปล่านั้นถูกสร้างขึ้นด้วยตัวตนขอบเขตราชาอมตะขึ้นไปและมีโอกาสสำเร็จน้อยกว่า 1 ใน 100 ส่วน…

 

อย่างไรก็ตาม ยันต์แสงเงาเหินนั้น แค่ขุนนางอมตะก็จารึกสร้างได้! โอกาสสำเร็จก็ไม่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนั้น จึงไม่ได้ล้ำค่าเหมือนดั่งยันต์หลบหนีเงาว่างเปล่าที่ต้วนหลิงเทียนเคยใช้ แม้จะเป็นในประเทศอมตะระดับกลางก็พอหาซื้อได้อยู่…

 

แต่แน่นอนว่าแม้จะเป็นแค่ยันต์แสงเงาเหิน ทว่าผู้ที่จะซื้อหามาใช้ได้ ก็มีแต่ขุมกำลังระดับสูงและตระกูลชั้นนำที่มีรากฐานอันยาวนานของประเทศอมตะระดับกลางขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะมีปัญญาซื้อหามาใช้ได้

 

และถึงพวกมันจะหาซื้อได้ แต่ก็ไม่อาจซื้อได้เป็นจำนวนมาก ปกติแล้วมักเป็นคนสำคัญของขุมกำลังหรือรุ่นเยาว์ที่มีฐานะสูงส่งในตระกูลใหญ่เท่านั้น ถึงจะมียันต์แสงเงาเหินพกติดตัวไว้ใช้ยามคับขันเพื่อเอาตัวรอด

 

“อย่า! อย่าฆ่าข้าเลย!!”

 

“ท่านเทพธิดาโปรดอภัยให้ข้าด้วย! ขอท่านเมตตาอภัยให้ข้าน้อยด้วย!!”

 

ชายหนุ่มในชุดหรูที่เหลืออยู่ 2 คน เร่งร้องขอความเมตตาออกมาทันทีเมื่อเห็นฮ่วนเอ๋อเหลือบมองมา

 

อย่างไรก็ตามพวกมันร่ำร้องวิงวอนไม่ทันขาดคำ ละอองหิมะที่ม้วนวนรอบกายฮ่วนเฮ่อ ก็เริ่มปั่นป่วนก่อนจะพัดผ่านร่างพวกมันในฉับพลัน คนกลับกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็ง ก่อนที่จะแตกสลายกลายเป็นละออง ปลิวหายไปในอากาศ…

 

“ต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อจับเจ้านั่นไม่ทัน…”

 

หลังฆ่าคนทั้ง 4 ฮ่วนเอ๋อก็เหินร่างกลับมาอยู่ข้างกายต้วนหลิงเทียนพลางชักหน้ามุ่ย

 

“เจ้านั่นมันใช้ยันต์แสงเงาเหิน ความเร็วจึงแทบไม่ต่างอะไรจากขุนนางอมตะ…เจ้าจะจับมันไม่ทันก็ไม่แปลกหรอก”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเฉย

 

ยันต์แสงเงาเหินแม้มันจะด้อยกว่ายันต์หลบหนีเงาว่างเปล่า แต่ก็ทำให้ผู้ใช้ถูกส่งตัวออกไปนับแสนลี้ด้วยขอบเขตความเร็วทัดเทียมกับขุนนางอมตะ…!