ภาค 11 คุนหลุนกลาง กว่างเฉิงบูรพา บทที่ 1118 จักรพรรดิที่ไม่เหมือนจักรพรรดิ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอมองธารน้ำแข็ง รู้สึกถึงความปรวนแปรของปราณวิญญาณด้านใน พลันเข้าใจอะไรบางอย่าง ‘มาจากแหล่งกำเนิดเดียวกันกับจักรพรรดินีเจี่ยหมิงคงจริงๆ ด้วย เพียงแต่ว่ามีความแตกต่างด้านรายละเอียด’

“อาจารย์อาเล็ก พวกเราเข้าไปเถอะ” เกาฉิงมองเยี่ยนจ้าวเกอ

เขาพยักหน้า “ตกลง”

คนทั้งสองเข้าไปในหุบน้ำแข็ง หลังจากทะลุน้ำแข็งหลายชั้น ก็เจอเข้ากับไออุ่นสายหนึ่ง

ในหุบน้ำแข็งที่ค่อนข้างมืดเพราะผนึกน้ำแข็งบดบังฟ้าและดวงตะวัน ถึงกับมีแสงอาทิตย์สว่างขึ้น

เยี่ยนจ้าวเกอเดินเข้าไปด้านใน ภาพที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเป็นทิวทัศน์ที่มีบรรยากาศของวสันตฤดู หญ้าขึ้นงอกงาม สกุณาบินว่อน

แสงอาทิตย์ของที่นี่ไม่ใช่แสงอาทิตย์ตามธรรมชาติ แต่ว่าเป็นฝีมือของมนุษย์ที่ผนึกแสงอาทิตย์แล้วสร้างขึ้นมา

‘นิสัยของเจ้าของที่แห่งนี้เกรงว่าจะแตกต่างกับจักรพรรดินี’ ความคิดแวบผ่านห้วงสมองของเยี่ยนจ้าวเกออย่างรวดเร็ว

โลกผนึกน้ำแข็งด้านนอกหุบเหวจำเป็นสำหรับการซ่อนตัว

ด้านในหุบเขาอบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิ เป็นสภาพการดำรงชีวิตที่เจ้าของของที่แห่งนี้ชมชอบ

คนทั้งสองเดินทางลึกเข้าไปในหุบเขา ข้างในไม่เห็นมีทารกหรือทาสรับใช้ต้อนรับแขก

“แม่เฒ่าหลีอยู่ในนี้คนเดียว ไม่มีศิษย์สืบทอด มีแต่ตัวเฝยเฝย สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งอยู่เป็นเพื่อน” เกาฉิงพูดเหมือนเคยชินแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าอย่างเข้าใจ พอมาถึงกลางหุบเขา ก็เห็นระหว่างสวนบุปผาหญ้าเขียวจีมีตึกน้อยหลังหนึ่งตั้งอยู่

พอถึงนอกประตู เกาฉิงก็ร้องเรียกเสียงสูง “แม่เฒ่าหลี พวกข้ามาแล้ว”

ด้านในตัวตึกมีเสียงหัวเราะดังมา “ข้าทราบแล้ว เข้ามาเองเลย เจ้าเองก็คุ้นทางดี”

“เจ้าค่ะ แม่เฒ่าหลี” เกาฉิงผลักประตูด้วยรอยยิ้ม หันมามองเยี่ยนจ้าวเกอ “อาจารย์อาเล็ก มาเถอะ ข้าคุ้นกับที่นี่มาก”

เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ เข้าไปด้านในพร้อมกับเกาฉิง

พริบตาที่ผลักประตู ปราณสีขาวจางๆ ก็ปรากฏขึ้น

เมื่อสัมผัสปราณขาวนั้น ก็พลันรู้สึกได้ถึงความเย็นเสียดแทงกระดูก ด้วยระดับการฝึกปรือในปัจจุบันของเยี่ยนจ้าวเกอยังรู้สึกได้ถึงความเย็น

แต่ปราณขาวนี้กลับไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นเหมือนวสันตฤดูในหุบเขาที่อยู่รอบๆ แยกออกจากกันอย่างชัดเจน

ด้วยระดับพลังฝึกปรือของเกาฉิง แม้ว่าจะทำลายนภาเห็นเทวะสำแดงแต่แรก ทว่าหากเคลื่อนไหวอยู่ในหมอกน้ำแข็งสีขาว เกรงว่าจะถูกแช่แข็งในชั่วอึดใจเดียว

แต่ตอนนี้สร้อยคอหยกสีแดงที่นางสวมไว้บนคอเปล่งแสงสีแดงกลุ่มหนึ่ง กั้นหมอกน้ำแข็งสีขาวไว้ด้านนอก ปกป้องไม่ให้นางได้รับอันตรายจากความเย็นสุดขีด

“แม่เฒ่ามอบให้แก่ข้า” เกาฉิงเดินไปพลางอธิบายไปพลาง “อาจารย์อาเล็ก เชิญทางนี้”

เบื้องหน้าคือหมอกน้ำแข็งกว้างใหญ่ ยื่นมือออกไปไม่เห็นนิ้ว

แม้ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์จะเข้ามาด้านใน ก็มองไม่เห็นภาพใด

กลับเป็นผนึกวิชาป้องกันที่เจ้าของของที่นี่ได้วางเอาไว้ แปลงมาจากปราณเซียนของตัวเอง ผสมความลี้ลับของค่ายกลไว้ด้านใน

เยี่ยนจ้าวเกอสายตาดีมาก เพิ่งเดินเข้ามาด้านในหมอกน้ำแข็งก็รู้สึกได้ว่าเวลาของตนเหมือนกับหยุดนิ่ง

เขาเชี่ยวชาญกระบี่ลวงเซียนและคัมภีร์นภากาลเวลา บรรลุความลี้ลับของเวลาอย่างลึกซึ้ง นี่จึงค่อยสัมผัสได้ถึงเลศนัย

เปลี่ยนเป็นคนอื่นมา น่ากลัวจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเวลาหยุดนิ่งเหมือนกับหลับใหล

เหมือนกับตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอกระตุ้นสายฟ้าอนธการเพื่อสู้กับผู้อื่นเมื่อก่อนหน้า

หลังจากสูญเสียการรับรู้ คนแม้นจะไม่ถูกแช่แข็งจนตาย แต่ก็ต้องติดอยู่ในหมอกน้ำแข็งตลอดกาล

ถึงเวลานั้นหลังจากกาลเวลาเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็จะกลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งที่ไร้ชีวิต ราวกับตะเกียงหมดน้ำมัน

ทว่าคนที่ตั้งใจกางผนึกวิชาป้องกันชนิดนี้เหลือเส้นทางรอดเอาไว้สายหนึ่ง

เห็นได้ชัดว่านางถ่ายทอดวิธีเอาตัวรอดและวิธีผ่านด่านนี้ให้แก่เกาฉิง เกาฉิงจึงคุ้นเคยเส้นทางอย่างแท้จริง นำเยี่ยนจ้าวเกอข้ามผ่านผนึกได้

หลังจากหมอกน้ำแข็งตรงหน้าหายไปแล้ว พวกเยี่ยนจ้าวเกอจึงค่อยนับว่าเข้ามาสู่ตึกน้อยหลังนี้อย่างแท้จริง

เพิ่งจะเข้ามาได้ไม่ทันไร ข้างหูก็มีเสียงกรีดร้องแหลมสูงดังมา “ไม่เอานะ! แม่เฒ่ารีบปล่อยข้า! ข้าไม่…”

พูดยังไม่ทันจบก็ถูกตัดบท มีเสียงคลุมเครือดังมา

เยี่ยนจ้าวเกอเพ่งสายตามองไป เห็นสตรีนางหนึ่งใช้สองมือจับสัตว์ประหลาดลักษณะเหมือนจิ้งจอกน้อยตัวหนึ่ง พร้อมกับกดมันเข้าไปในกะละมัง

อสูรน้อยดิ้นรนไม่หยุด “แม่เฒ่าข้าขอบอกท่าน! มีแค้นไม่ชำระไม่ใช่วิญญูชน ข้า…ฮึก ฮือๆ…”

เสียงคนที่พูดอยู่กลับมาจากอสูรน้อยที่เหมือนกับจิ้งจอกตัวนั้น น้ำเสียงแหลมเล็กเหมือนกับเด็กน้อย

ภายนอกของอสูรน้อยตัวนี้เหมือนจิ้งจอก ตัวเป็นสีขาวราวกับหิมะ ขาทั้งสี่สั้นป้อม เป็นตัวเฝยเฝย อสูรในตำนาน

อสูรชนิดนี้มีจำนวนน้อย สามารถคลายความกังวล แต่ไม่อาจต่อสู้ได้

กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอกลับมองออกว่าถึงเฝยเฝยตัวนี้จะตัวเล็ก แต่ความยิ่งใหญ่ของปราณที่แฝงอยู่กลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าสัตว์ปีศาจส่วนใหญ่ที่เขาเคยเห็นมาเสียอีก

ถ้าหากมันว่าไปอาละวาดด้านนอก นอกจากยอดฝีมือระดับประมุขแล้ว เกรงว่าจะมีไม่กี่คนที่ต้านทานได้

แต่ว่าขณะนี้เฝยเฝยตัวนี้กลับถูกคนกดเข้าไปในกะละมังเหมือนกับลูกแมว โดนขัดตัวบังคับให้อาบน้ำไม่หยุด

สตรีที่กดมันอยู่เป็นหญิงสาวซึ่งคล้ายยังอยู่ในวัยแรกแย้ม ภายนอกดูแล้วเพิ่งอายุเพียงยี่สิบแปดปีเท่านั้น อีกทั้งดูเหมือนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเกาฉิง

“เจ้าทำตัวดีๆ หน่อย ไม่ได้อาบน้ำมานานขนาดไหนแล้ว ปกติไม่รักสะอาดยังพอว่า แต่ตอนนี้กำลังจะเจอแขกนะ” นางทางหนึ่งกดหัวแล้วลูบเฝยเฝยตัวนั้น ทางหนึ่งเงยหน้ามองประตูตึก กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉิงเอ๋อร์ เจ้ามาแล้วหรือ เข้ามาหาที่นั่งเองเลย เดี๋ยวข้าอาบน้ำให้ผิงผิงเสร็จแล้วจะไป”

เกาฉิงร้องเรียกอย่างยินดี “แม่เฒ่าหลี”

นางหันไปมองเฝยเฝยตัวนั้น กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผิงผิง เจ้าหนีอาบน้ำอีกแล้ว”

“เกาฉิงน้อยอย่ามัวแต่ดู รีบมาช่วยข้า…ฮือๆๆ…” เฝยเฝยตัวนั้นดิ้นรนพร้อมกับพูดหนึ่งประโยค บัดนี้เปียกไปหมดทั้งตัวแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอมองภาพนี้พลางลูบคางของตัวเอง ‘อืม หรือเราจะเอ็นดูเจ้าอ้วนจอมขี้เกียจของเราเกินไปนะ’

สตรีนางนั้นมองไปทางเขา กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเป็นศิษย์หลานของพี่ใหญ่เยว่หรือ?”

ได้ยินคำเรียกนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็งงงันเล็กน้อย ก่อนจะค่อยมีปฏิกิริยาตอบสนอง ‘เป็นกษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ย…’

“ผู้อาวุโสอยู่ต่อหน้า เยี่ยนจ้าวเกอขอคารวะ” ขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอตอบ ความคิดก็ทำงานอย่างรวดเร็ว

กษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยดูเหมือนจะทราบว่ากษัตริย์ดาราไม่ได้มีจักรพรรดินีเป็นลูกศิษย์แค่คนเดียว แต่ยังมีผู้สืบทอดอีกคน

กระนั้น เขาคล้ายกับรักษาเป็นความลับอย่างดี แม้แต่พวกหวังผู่ เนี่ยจิงเสิน และไป๋เทาก็ไม่ได้บอกให้รู้

“เอ่อ…ไม่ทราบผู้อาวุโสมีนามว่าอะไรหรือ” เยี่ยนจ้าวเกอเรียบเรียงคำพูดเล็กน้อย

เกาฉิงเรียกอีกฝ่ายว่าแม่เฒ่าหลี ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอย่อมไม่อาจเรียกตามได้

“ข้ามีนามว่าฉู่หลีหลี อาจารย์ของข้ากับปู่ของเจ้าคบหากัน แต่ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าเกิดช้าไปหน่อย ไม่ทันได้เจอปู่ของเจ้า แต่คุ้นเคยกับพี่ใหญ่เยว่มาก” สตรียิ้ม “ถ้านับจากพี่ใหญ่เยว่ เจ้าเรียกข้าว่าอาหญิงก็ได้ ไม่เช่นนั้นเรียกตามความสนิทสนมเถอะ ข้าไม่ถือสา”

นางแม้มีน้ำเสียงสบายๆ แต่เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ถึงพลังงานอันยิ่งใหญ่ในร่างของอีกฝ่ายอย่างเลือนราง

ถึงนางอาจจะดูไม่ถือตัว ไม่มีลักษณะของจักรพรรดิ แต่ก็เป็นจักรพรรดิเซียนจริงแท้ตัวจริง เหมือนกับจักรพรรดิแพร จักรพรรดิไร้จำกัด และหลงเสวี่ยจี้!

อีกฝ่ายไม่มีฉายาจักรพรรดิและฉายาประมุข เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือ “ผู้อาวุโสฉู่คล้ายต้องการให้ข้าผู้แซ่เยี่ยนนำจดหมายฉบับหนึ่งกลับโลกซ้อนโลกกระมัง แต่ข้ากลับไม่ทราบว่าต้องมอบให้ผู้ใด”

………………..